“ไอ้ด่างบางมุด” เพชฌฆาตแห่งลุ่มน้ำเค็ม: ตำนานความสยองที่ยังตราตรึง
ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2507 ในหมู่บ้านบางมุด อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร บรรยากาศแห่งความสงบกลับถูกแทนที่ด้วยความหวาดผวา เมื่อเรื่องเล่าลึกลับเกี่ยวกับการหายตัวไปของชาวบ้าน นักตกปลา และสัตว์เลี้ยง เริ่มสะพัดไปทั่ว ชาวบ้านพากันหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านคลองบางมุดในยามพลบค่ำ บ้างกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของผีสางนางไม้ หรือโจรร้าย แต่ต้นตอของความน่าสะพรึงกลัวนี้กลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำอย่างเงียบงัน
เหตุการณ์แรกที่สะท้านใจทั้งหมู่บ้าน เกิดขึ้นเมื่อพบศพชาวนาคนหนึ่งพาดตัวกับขอนไม้ในคลอง ท่อนล่างของศพถูกกัดแทะจนเห็นรอยเขี้ยวขนาดใหญ่ นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของตำนาน เมื่อเหตุการณ์ซ้ำรอยเกิดขึ้นอีกครั้งต่อหน้าต่อตาภรรยาของชายผู้เคราะห์ร้าย ภาพจระเข้ขนาดมหึมาที่มีลำตัวยาวกว่า 4 เมตร สีดำเงา และจุดด่างสีขาวรอบคอ กลายเป็นคำอธิบายที่หลอนประสาทจนชาวบ้านตั้งชื่อมันว่า “ไอ้ด่างบางมุด”
เสียงร่ำลือถึงเพชฌฆาตลุ่มน้ำเค็มสร้างความหวาดกลัวทั่วชุมชน หน่วยงานราชการและชาวบ้านรวมตัวออกล่า แต่คลองบางมุดที่คดเคี้ยวและเต็มไปด้วยพืชน้ำหนาทึบกลับทำให้ปฏิบัติการล่าครั้งแรกต้องล้มเหลว การตั้งค่าหัวสูงถึง 8,000 บาทในสมัยนั้น (เทียบเท่า 400,000 บาทในปัจจุบัน) ดึงดูดนักล่าจากทั่วทุกสารทิศ แม้จะพยายามค้นหากันนานนับเดือน แต่ก็ไร้ร่องรอยของมัน
ไอ้ด่างบางมุดปรากฏตัวอีกครั้งในปลายปีนั้น คราวนี้มันคร่าชีวิตชายผู้โชคร้ายอีกคน ทิ้งรอยแค้นให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต น้องชายของเขาซึ่งเป็นทหารพรานจึงนำทีมพร้อมอาวุธสงครามจัดเต็ม ออกล่าด้วยยุทธวิธีที่ไม่เคยมีมาก่อน
การล่าครั้งสำคัญเริ่มต้นในยามค่ำคืน ระเบิดชนิด C.3 ถูกหย่อนลงใต้น้ำ เสียงระเบิดดังสนั่นทะลวงความเงียบจนทำให้จระเข้ยักษ์ผงาดขึ้นเหนือน้ำ แต่มันไม่ทันได้ดำน้ำหลบหนี การระเบิดอีกสองครั้งสิ้นสุดความอหังการของมัน ไอ้ด่างบางมุดแน่นิ่ง ร่างใหญ่โตถูกลากขึ้นฝั่ง
สิ่งที่พบในท้องของมันทำให้ชาวบ้านถึงกับขนลุก: กระโหลกมนุษย์สองชิ้น ซึ่งเชื่อว่าเป็นซากของเหยื่อที่มันคร่าชีวิตไปก่อนหน้านี้
ตำนาน “ไอ้ด่างบางมุด” จึงกลายเป็นเรื่องเล่าขานของชาวบ้านบางมุดและพื้นที่ใกล้เคียง รูปปั้นของจระเข้เพชฌฆาตถูกสร้างไว้ริมคลอง เพื่อเตือนใจผู้คนถึงความระมัดระวัง และเพื่อเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า แม้ธรรมชาติจะงดงามและเปี่ยมด้วยชีวิต แต่บางครั้ง มันก็แฝงความอันตรายที่คาดไม่ถึง…
ทุกครั้งที่เสียงลมพัดผ่านคลองบางมุดในยามพลบค่ำ ใครเล่าจะลืม “เพชฌฆาตแห่งลุ่มน้ำเค็ม” ตัวนี้ได้?