หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

จริงหรือไม่!! พิซซ่าป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้

โพสท์โดย NOOK BOOD

จริงหรือไม่!! พิซซ่าป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้

จากหนังสือ คัมภีร์สุขภาพ โดย นพ.ซานจิฟ โซปรา / นพ.อลัน ล็อตวิน / เดวิด ฟิชเชอร์

คุณหมออลัน ล็อตวิน หนึ่งในนักเขียนหนังสือฉบับนี้ พูดว่า พิซซ่าก็นับว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าได้ "เพราะประกอบด้วยอาหารหลักทั้งสี่หมู่ไม่ว่าจะเป็นธัญพืชและเมล็ดพืช น้ำมัน ผักผลไม้ หรือโปรตีน ทั้งยังอร่อย แถมยังมีบริการส่งถึงที่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน

มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นเนื้องอกชนิดที่พบมากที่สุดในสังคมอุตสาหกรรมและเป็นอันดับสองของสาเหตุการเสียชีวิตจากมะเร็งทั้งหมดที่พบในผู้ชายในสหรัฐ พบว่าเกือบหนึ่งในห้าของผู้ชายเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และทุกปีจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ 31,500 คน แต่สิ่งที่ทำให้นักวิจัยสงสัยในตอนแรกก็คือ ในส่วนอื่นๆ  ของโลกซึ่งพบโรคนี้น้อยกว่ามาก เช่น ในญี่ปุ่นหรือจีน แต่เมื่อผู้ชายญี่ปุ่นหรือจีนอพยพมาอยู่ในอเมริกา ภายในรุ่นเดียวผู้ชายกลุ่มนี้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อลูกหมากมีเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ความสงสัยในตัวเลขทางสถิตินี้นำไปสู่ข้อสรุปว่า ปัจจัยด้านอาหารและสภาพแวดล้อมน่าจะมีบทบาทสำคัญต่อสาเหตุของโรคนี้

สำหรับเบาะแสที่บอกว่าผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศน่าจะช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ คือ

งานวิจัยเชิงระบาดวิทยาซึ่งทำขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1970 แสดงให้เห็นว่า ผู้ชายบริโภคผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศสัปดาห์ละห้าหน่วยบริโภคขึ้นไปมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่ามาก เมื่อเทียบผู้ชายที่รับประทานผลิตภัณฑ์จำพวกนี้น้อยกว่าหนึ่งหน่วยบริโภค

งานวิจัยอีกหลายชิ้นในเวลาต่อมาเกี่ยวกับผลกระทบของอาหารชี้ให้เห็นว่า การกินมะเขือเทศหรือผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ เช่น ซอสมะเขือเทศที่ใช้ทำพิซซ่า อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ พูดให้ชัดขึ้นก็คือ นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า สารไลโคปีนซึ่งพบทั้งในมะเขือเทศดิบและที่ปรุงแล้วและเป็นสารที่ทำให้มะเขือเทศมีสีแดง อาจเป็นสารเคมีที่ให้สรรพคุณในการป้องกันโรคได้บ้าง ปริมาณไลโคปีนในมะเขือเทศจะแตกต่างกับขึ้นอยู่กับชนิดของมะเขือเทศและระยะที่สุก ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารอเมริกัน ชาวอเมริกันบริโภคมะเขือเทศประมาณปีละ 91 ปอนด์ (ปริมาณ 41 กิโลกรัม) ทั้งในพิซซ่า ซอสพาสต้า ซัลซ่า ซอสพริก ซุปมะเขือเทศ และมะเขือเทศฝาน

งานวิจัยติดตามผล Health Professionals Follow-Up Study แสดงหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่ามีสิ่งที่เป็นประโยชน์อยู่ในมะเขือเทศ งานวิจัยนี้ทำขึ้นที่วิทยาลัยการแพทย์ฮาร์วาร์ดและตีพิมพ์ในปี 1995 โดยนักวิจัยได้ติดตามบุคลากรด้านสุขภาพเพศชายจำนวน 48,000 คน เป็นเวลา 6 ปี ผลลัทธ์ที่ได้พบว่า การกินมะเขือเทศ ซอสมะเขือเทศ หรือพิซซ่า มากกว่าสัปดาห์ละสองครั้งช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ร้อยละ 21-34 โดยขึ้นอยู่กับอาหารแต่ละชนิด และพบว่า ไลโคปีนดูดซึมได้ง่ายที่สุดเมื่อมะเขือเทศถูกปรุงสุกหรือผ่านกระบวนการแปรรูปแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่การวิจัยของฮาร์วาร์ดชิ้นนี้ไม่พบว่าการดื่มน้ำมะเขือเทศซึ่งอุดมด้วยไลโคปีนให้ผลดีเช่นเดียวกัน งานวิจัยอื่นๆ ซึ่งแม้จะให้ข้อสรุปไม่ชัดเจน ก็ระบุว่าไลโคปีนในน้ำมะเขือเทศอาจดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ไม่ดีนัก

งานวิจัยเกี่ยวกับไลโคปีนที่น่าสนใจที่สุดเป็นการวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการประชาชนแห่งสหรัฐฯ ในการวิจัยนี้จำนวน 26,000 คนที่ไม่มีประวัติการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้รับการตรวจคัดกรองและเฝ้าติดตาม จนกระทั่งเริ่มมีอาการมะเร็งต่อมลูกหมาก หรือเสียชีวิต หรือการวิจัยสิ้นสุดลง การตรวจสอบข้อมูลไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างปริมาณไลโคปีนในร่างกายของคนที่เริ่มมีอาการมะเร็งกับคนที่ไม่เป็นมะเร็ง ดร.อุลริค ปีเตอร์ส จากสถาบันวิจัยโรคมะเร็งเฟรดฮัทชินสันอันโด่งดังกล่าวว่า "เป็นเรื่องน่าผิดหวัง ทั้งที่ไลโคปีนน่าจะเป็นหนทางช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่อมลูกหมากที่ราคาถูกและหารับประทานได้ง่ายสำหรับผู้ชาย"

สิ่งที่เป็นไปได้คือ อาจไม่ใช่แค่ไลโคปีนที่มีสรรพคุณในการป้องกัน แต่น่าจะเป็นการทำงานร่วมกันของไลโคปีนกับสารเคมีอื่นๆในมะเขือเทศ ซึ่งเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะแยกส่วนประกอบทางเคมีในผลิตภัณฑ์ธรรมชาติออกจากกันและวิเคราะห์หาข้อสรุปเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของมัน จากการทดสอบในห้องทดลอง มะเขือเทศผงสามารถยับยั้งการพัฒนาของมะเร็งต่อมลูกหมากในหนูได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เรื่องที่เชื่อกันจนเกือบจะกลายเป็นสากลไปแล้วก็คือ ผักผลไม้ดิบดีต่อสุขว่าชนิดที่ปรุงสุกแล้ว นั่นก็ถูกต้องในบางกรณี แต่ไม่ใช่กรณีนี้ เพราะมะเขือเทศที่ปรุงสุกแล้ว ไม่ว่าแบบกระป๋องหรือแปรรูป ล้วนอุดมด้วยไลโคปีนมากกว่าในผลมะเขือเทศดิบสดๆมาก อาจเป็นเพราะไลโคปีนอยู่ในโครงสร้างเซลล์ของมะเขือเทศความร้อนจากการปรุงอาหารจะทำลายโครงสร้างดังกล่าว ทำให้ไลโคปีนย่อยสลายได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ซอสมะเขือเทศมีไลโคปีนมากกว่าที่พบในมะเขือเทศ 5 เท่า และซอสสปาเกตตีก็มีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศดิบถึง 7 เท่า สินค้ามากมายอวดอ้างถึงปริมาณไลโคปีนและกล่าวอ้างแบบกว้างๆถึงคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ข้อมูลดังกล่าวน่าสงสัยอยู่ แม้ไลโคปีนที่บริโภคเป็นประจำในปริมาณที่ค่อนข้างมากจะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ แต่ลดได้มากเพียงใดนั้นยังไม่มีผลยืนยัน ทั้งยังยากที่จะประเมินผลด้วย เพราะผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศไม่ได้มีไลโคปีนในระดับความเข้มข้นที่วัดได้แน่นอน เช่น อาจเป็นเรื่องยกที่จะรู้ได้ว่าในพิชซ่าชิ้นสุดท้ายของคุณมีซอสมะเขือเทศอยู่มากแค่ไหน

ประโยชน์ของไลโคปีนที่มีต่อสุขภาพยังขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณรับประทานไปพร้อมกันด้วย มีหลักฐานมากมายแสดงว่าไลโคปีนดูดซึมได้ง่ายที่สุดเมื่ออยู่พร้อมกับไขมัน เช่น น้ำมันมะกอก ชีส และเนื้อบด

นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานการณ์ที่พิสูจน์ได้ว่า คำกล่าวอ้างเกินจริงมีความถูกต้องอยู่บ้างในระดับหนึ่ง แต่เป็นเรื่องยากในการทำวิจัย เพราะมีตัวแปรมากมาย ดังนั้น แม้ว่าผลิตภัณฑ์มะเขือเทศจะมีอยู่ทั่วไปในอาหารส่วนใหญ่ของชาวอเมริกัน แต่ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหากลุ่มควบคุมสำหรับดำเนินการวิจัยที่น่าเชื่อถือ กระนั้นก็เป็นเรื่องดีที่ผู้ชายควรบริโภคผลิตภัณฑ์มะเขือเทศให้มากเข้าไว้ และใส่ซอสมะเขือเทศลงในสปาเกตตีด้วย ถ้ารู้ว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อตนเอง

ถ้าอย่างนั้น คำพูดติดตลกของคุณหมออลันก็น่าจะถือเป็นจริงจังและทำให้เรากล้ากินพิซซ่าสักชิ้นแล้ว แต่แค่ชิ้นเดียวเท่านั้นนะ เพราะนอกจากซอสมะเขือเทศที่ดีต่อสุขภาพแล้ว ส่วนประกอบอื่นๆอันอุดมในพิซซ่า เช่น ไขมันอิ่มตัว ชีส และเกลือ ไม่ดีต่อสุขภาพคุณเลย ดังนั้นเมื่อจะเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเพื่อสุขภาพ ขอให้คำนึงถึงสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพซึ่งคุณอาจกำลังรับเข้าสู่ร่างกายด้วยเช่นกัน

จงอร่อยกับซอสสปาเกตตีต่อไป ไลโคปีนที่พบในผลิตภัณฑ์มะเขือเทศอาจมีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งยังไม่มีพิษภัย แต่ไม่ต้องไปสนใจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไลโคปีน เพราะไม่มีคุณประโยชน์แบบเดียวกับมะเขือเทศที่ปรุงสุกแล้วหรือแบบสดเลย จริงๆแล้วถือเป็นเรื่องยากมากในการพิสูจน์ค่าของสารเดี่ยวๆในอาหารไลโคปีน เพราะอาหารเกิดจากการผสมผสานที่ซับซ้อนของส่วนประกอบนับไม่ถ้วน ซึ่งมีวิวัฒนาการมาหลายศตวรรษ

โพสท์โดย: NOOK BOOD
อ้างอิงจาก: หนังสือ คัมภีร์สุขภาพ เขียนโดย ซานจิฟ โซปรา / อลัน ล็อตวิน / เดวิด ฟิชเชอร์
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
NOOK BOOD's profile


โพสท์โดย: NOOK BOOD
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: NOOK BOOD
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่าชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปีแบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีนชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทยพบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯพบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบินแคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?รอบ 3 อาการ 12: หัวใจแห่งการตื่นรู้สำหรับชีวิตประจำวัน (เอไอ รวบรวมและเรียบเรียง)เลิกกัน แต่ปล่อยคลิปลับ — คนแบบนี้ยังมีอยู่ในโลกได้ยังไง?7 อันดับสารพิษตัวร้าย : อยู่ให้ไกล ระวังให้ดี เพราะโลกนี้ไม่ได้อ่อนโยนกับเราเสมอไป
ตั้งกระทู้ใหม่