ร่วงโรยริมทาง
ร่วงโรยริมทาง
ยามอรุณรุ่ง หยาดน้ำค้างพราวพรายประดับกลีบดอกไม้ขาวพริ้งพราวดั่งประดับด้วยเพชร เรียงรายริมถนนราวภาพวาดแห่งสรวงสวรรค์ กลีบเปราะบางดั่งแก้วคริสตัล เต้นระริกตามสายลมอ่อน บ้างปลิดปลิวล่องลอยสู่ผืนดิน บ้างยังคงเกาะกิ่งอวดโฉมตระการ
เด็กน้อยผมแกละวิ่งผ่าน ดวงตาเป็นประกายด้วยความพิศวง
"คุณแม่ขา ดูดอกไม้งามจังเลย! หนูขอเก็บกลับบ้านได้ไหม?"
แม่ยิ้มน้อย ๆ "ปล่อยให้เขางามอยู่ตรงนี้ดีกว่าลูก"
สายัณห์ผ่านพ้น แสงตะวันแผดจ้าไร้ปรานี ดอกที่เคยขาวผ่องเริ่มหม่นหมองแห้งเหี่ยว กลีบที่เคยแข็งแรงเริ่มอ่อนระทวย หนุ่มสาวในชุดทำงานเร่งรีบผ่าน บ้างเหลือบมอง บ้างคร้านจะสนใจ
"ไม่มีเวลาหรอก รีบไปทำงาน"
"นัดสำคัญรออยู่ วันหลังค่อยมาดูใหม่"
แต่ใครเล่าจะรู้... วันหลังนั้นจะมาถึงเมื่อใด
บ่ายคล้อย สายลมพัดแรงขึ้นทุกที กลีบดอกร่วงโรยราวห่าฝน
ลอยละลิ่วไปตามแรงลม ไม่อาจต้านทาน หญิงชราผมขาวโพลนหยุดยืน พิงไม้เท้า ดวงตาฉายแววเข้าใจถึงสัจธรรม
"เจ้าดอกไม้เอย... เราต่างเป็นเช่นนี้"
ริ้วรอยบนใบหน้าลึกขึ้นด้วยรอยยิ้มเศร้า
"ทั้งเกิด ทั้งดับ ทั้งร่วงโรย... ไม่มีใครล่วงรู้วันเวลา"
ราตรีย่างกราย ดอกสุดท้ายร่วงหล่น เหลือเพียงก้านเปล่าโดดเดี่ยวกลางสายลม แต่ใต้ผืนดินอันมืดมิด เมล็ดพันธุ์น้อยซุกซ่อน รอคอยวันที่จะได้ชูช่อ ผลิบานเพื่อเบ่งบานและร่วงโรย วนเวียนไม่รู้จบ ดั่งสายน้ำที่ไหลไม่หยุดหย่อน
มนุษย์เราช่างเหมือนดอกไม้ริมทาง บานสะพรั่งงดงามในห้วงเวลาของตน บ้างถูกพรากจากกิ่งตั้งแต่ยังตูม บ้างได้ชูช่อจนเต็มที่ก่อนร่วงโรย
แต่ไม่มีดอกใดล่วงรู้กำหนด วันเวลาของตนจะมาถึงเมื่อใด
เราจึงควรเบ่งบานให้งดงามที่สุด ในทุกลมหายใจที่ยังมี เพราะไม่มีใครรู้ว่า พรุ่งนี้ดอกไม้จะยังคงชูช่ออยู่หรือไม่ หรือจะร่วงโรยไปตามสายลม เฉกเช่นดอกไม้ริมทางในยามเย็น
...... >> ......... >> ..........
ความรู้สึกทั้งหมด
4ดอกแต้ว เพ็ญฤดี, อินทร อรพัน และ คนอื่นๆ อีก 2 คน