เลือดและตุ๊กตาของแก้ว
เลือดและตุ๊กตาของแก้ว
โดย #อักษราลัย
แสงจันทร์เพ็ญสาดส่องผ่านกิ่งไม้ใหญ่ที่ทอดเงาพาดผ่านบ้านไม้สักโบราณหลังใหญ่ เสียงไม้เก่าลั่นเอี๊ยดอ๊าดตามแรงลมที่พัดผ่าน ใบไม้แห้งปลิวว่อนไปมาบนพื้นถนนที่ปูด้วยหินเก่า ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีเพียงเสียงลมพัดกิ่งไม้ดังแผ่วเบาเป็นครั้งคราว และเสียงนกเค้าแมวที่ร้องแว่วมาจากที่ไกล ๆ
นิดาทรุดตัวลงบนเก้าอี้โยกไม้สักเก่าที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่ชั้นสองของบ้าน เธอเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เมื่อสองวันก่อน หลังจากที่ได้รับมรดกเป็นบ้านหลังนี้จากคุณยายที่เพิ่งเสียชีวิตไป แม้จะไม่เคยรู้จักท่านเป็นการส่วนตัว แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกมากนัก หลังจากบริษัทที่เธอทำงานประกาศปิดตัวกะทันหัน การได้บ้านหลังนี้มาจึงเหมือนเป็นโชคชะตาที่เข้ามาช่วยในยามคับขัน
กระจกหน้าต่างมีคราบฝุ่นจับหนา แม้เธอจะพยายามเช็ดทำความสะอาดแล้วก็ตาม กลิ่นอับชื้นของไม้เก่ายังคงอวลอยู่ในอากาศ ผสมกับกลิ่นธูปจาง ๆ ที่โชยมาจากศาลพระภูมิหน้าบ้าน ขณะที่กวาดตามองออกไปนอกหน้าต่าง เธอเห็นเด็ก ๆ ในชุดผีตะวันตกเดินไปมาตามถนนหน้าบ้าน เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของพวกเขาแว่วมาเป็นระยะ
"ฮาโลวีนที่เมืองไทยก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่หรอก" เธอพึมพำกับตัวเอง พลางมองดูเด็ก ๆ ที่กำลังสนุกสนานกับการเคาะประตูขอลูกอม ไฟประดับสีส้มจากบ้านข้าง ๆ ส่องแสงระยิบระยับ สะท้อนกับหยดน้ำค้างที่เกาะอยู่บนใบไม้
ขณะนั้นเอง สายตาของเธอก็สะดุดกับร่างเล็ก ๆ ในชุดไทยโบราณสีขาวนวล ผ้าถุงลายดอกเก่าซีดจาง ห่มสไบพาดไหล่ ยืนนิ่งอยู่ใต้ต้นมะขามใหญ่หน้าบ้าน เด็กหญิงผมยาวสยายดำขลับคนนั้นไม่ได้ถือถุงขนมเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แต่กลับถือตุ๊กตาผ้าเก่า ๆ ที่มีคราบสีน้ำตาลแดงเปื้อนอยู่ ผมยาวของเธอพลิ้วไหวตามลม แม้ว่าจะไม่มีลมพัดแรงในตอนนั้น
ตุ๊กตาในมือเด็กหญิงดูคุ้นตาอย่างประหลาด นิดาจำได้ว่าเห็นมันในกล่องเก่าที่เธอพบในห้องใต้หลังคาเมื่อวานนี้ แต่เธอไม่ได้แตะต้องมัน เพราะรู้สึกขนลุกกับคราบสีน้ำตาลแดงที่เปื้อนอยู่ทั่วตัวตุ๊กตา
นิดาขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจที่ไม่มีใครสนใจเด็กคนนั้นเลย ทั้ง ๆ ที่ชุดแต่งกายของเธอโดดเด่นกว่าใคร เด็ก ๆ คนอื่นเดินผ่านไปมาราวกับมองไม่เห็นเธอ เสียงนาฬิกาโบราณในบ้านตีดังก้อง บอกเวลาสามทุ่ม
ความทรงจำบางอย่างแวบเข้ามาในหัว... เมื่อวานตอนที่เธอกำลังจัดเก็บของในห้องเก็บของชั้นล่าง เธอพบอัลบั้มรูปเก่าเล่มหนึ่ง ในนั้นมีข่าวหนังสือพิมพ์เก่าแปะอยู่... พาดหัวข่าวใหญ่เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมสยองที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้เมื่อ 30 ปีก่อน
"สลด! พบศพด.ญ.วัย 8 ขวบ ถูกฆ่าอำพรางในคืนลอยกระทง" ข่าวเล่าว่าเด็กหญิงถูกล่อไปฆ่าในห้องใต้หลังคา ก่อนที่จะพบศพสองสัปดาห์ให้หลัง พร้อมกับตุ๊กตาผ้าที่เปื้อนเลือด คนร้ายเชือดคอเหยื่อ และทิ้งศพไว้กับตุ๊กตาที่เด็กหญิงรักมาก... ตุ๊กตาตัวเดียวกับที่เธอเห็นในห้องใต้หลังคา และตัวเดียวกับที่เด็กคนนั้นกำลังถืออยู่
เธอตัดสินใจลงไปชั้นล่าง บันไดไม้สักเก่าลั่นเอี๊ยดอ๊าดทุกก้าวที่เดิน กลิ่นอายเย็นยะเยือกแผ่ซ่าน แสงไฟสลัวจากโคมระย้าเก่าส่องสะท้อนกับกระจกเงาบานใหญ่บนผนัง สร้างเงาประหลาดไปทั่วห้องโถง
เมื่อเปิดประตูออกไป ความเย็นยะเยือกของอากาศยามค่ำคืนแผ่ซ่านเข้ามา เด็กหญิงคนนั้นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ตอนนี้เธอหันมามองนิดาตรง ๆ ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษของเธอเผยให้เห็นรอยแผลลึกที่คอ เลือดสีดำคล้ำยังคงไหลซึมออกมาช้า ๆ หยดลงบนชุดไทยสีขาว
"พี่คะ..." เสียงแผ่วเบาดังขึ้น ราวกับเสียงกระซิบจากที่ไกล ๆ "หนูชื่อแก้วค่ะ... หนูอยู่บ้านหลังนี้มานานแล้ว ตั้งแต่คืนลอยกระทงปีนั้น..." รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าซีดเผือด "คุณยายของพี่ใจดีมาก เขาคอยคุยกับหนู แต่ตอนนี้ท่านไปแล้ว... หนูเหงามาก"
นิดารู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เมื่อนึกถึงคำพูดประหลาด ๆ ของคุณยายในจดหมายที่ท่านเขียนทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิต "หลานต้องดูแลแก้วด้วยนะ... เด็กคนนี้เหงามาก ไม่มีใครเล่นด้วย..." ตอนนั้นเธอคิดว่าคุณยายแก่แล้วอาจจะเพ้อ แต่ตอนนี้...
เด็กหญิงค่อย ๆ ก้าวเข้ามาใกล้ เสียงฝีเท้าของเธอไม่ดังสักนิด ตุ๊กตาในมือเธอหยดน้ำสีแดงลงบนพื้นทีละหยด ทิ้งรอยหยดเลือดเป็นทางยาว "พี่นิดา... มาเล่นกับหนูนะคะ หนูเหงาจัง... หนูอยู่คนเดียวมานานเหลือเกิน" เสียงหัวเราะเบา ๆ ของเธอฟังดูเศร้าและว้าเหว่
"ตุ๊กตาตัวนี้... เป็นของขวัญวันเกิดชิ้นสุดท้ายที่แม่ให้หนู ก่อนที่ลุงคนนั้นจะ..." น้ำตาสีแดงไหลออกมาจากดวงตาของเธอ "แต่วันนี้... หนูจะมีเพื่อนใหม่แล้ว" เธอยิ้มกว้างขึ้น เผยให้เห็นฟันที่คมกริบผิดปกติ
นิดาถอยหลังช้า ๆ มือคลำหาลูกบิดประตู แต่พบว่าประตูบ้านที่เธอยืนพิงอยู่ถูกปิดสนิทเสียแล้ว ลูกบิดเย็นเฉียบจนแทบจับไม่ได้ เสียงหัวเราะเบา ๆ ของเด็กน้อยดังแว่วมาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่โชยมาในอากาศ กลิ่นธูปจากศาลพระภูมิเข้มข้นขึ้นผสมกับกลิ่นดอกลั่นทมที่โชยมาจากที่ไหนสักแห่ง
"ฮาโลวีนปีนี้... เราจะได้เล่นด้วยกันทั้งคืนเลยนะคะ พี่นิดา..." แก้วยื่นตุ๊กตาตัวนั้นมาให้ "นี่เป็นตุ๊กตาคู่กับของหนู... พี่เก็บไว้นะคะ เราจะได้เป็นเพื่อนกันตลอดไป... เหมือนที่คุณยายสัญญากับหนูไว้"
ในขณะที่แสงจันทร์ถูกเมฆดำบดบัง นิดารู้สึกถึงความเย็นเฉียบที่แผ่ขยายจากมือของแก้วที่กำลังยื่นตุ๊กตามาให้ ตุ๊กตาตัวที่สองที่เด็กหญิงถือมานั้นดูเหมือนกับตัวแรกราวกับแกะมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน เพียงแต่ยังไม่มีคราบเปื้อนเลือด... ยังไม่มี
"คุณยาย... ท่านสัญญาอะไรกับเธอเหรอ" นิดาพยายามถ่วงเวลา ขณะที่สมองกำลังคิดหาทางหนี
แก้วยิ้มกว้างขึ้น ดวงตาสีดำขลับเป็นประกาย "คุณยายบอกว่าจะหาเพื่อนให้หนู... ท่านรู้ว่าหนูเหงา แต่ท่านแก่เกินไป ร่างกายไม่แข็งแรงพอ... แต่พี่นิดา..." เด็กหญิงเอียงคอ ทำให้เห็นรอยแผลที่คอชัดเจนขึ้น "พี่เหมาะมากเลย"
เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่เดินผ่านหน้าบ้านเริ่มเบาลงและห่างออกไป แก้วขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก เลือดจากตุ๊กตาในมือเธอหยดลงบนพื้นถี่ขึ้น ทิ้งรอยเป็นแอ่งเล็ก ๆ นิดาพยายามถอยหลัง แต่ร่างกายกลับขยับไม่ได้ ราวกับมีอะไรบางอย่างจับยึดเธอไว้กับที่
"คุณยายพยายามต่อรองกับหนูนะคะ" แก้วพูดเสียงเรียบ "ท่านบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนหนู จะเล่านิทานให้ฟัง... แต่ท่านแก่เกินไป ร่างกายไม่แข็งแรงพอ" รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าซีดขาว "สุดท้าย... ท่านก็ต้องจากไป เหมือนคนอื่น ๆ"
นิดานึกถึงจดหมายฉบับสุดท้ายของคุณยาย ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านถึงได้เขียนข้อความประหลาดนั้น... และทำไมแพทย์ถึงบอกว่าท่านเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายจากความหวาดกลัว
"แก้ว... เรา... เราคุยกันก่อนไม่ได้เหรอ" นิดาพยายามเจรจา แต่เสียงของเธอสั่นด้วยความกลัว
"คุยกันเหรอคะ?" แก้วหัวเราะคิกคัก "หนูคุยกับคุณยายมาตั้ง 30 ปีแล้วนะคะ... เบื่อจัง" เธอยื่นตุ๊กตาตัวที่สองมาใกล้ใบหน้าของนิดา "รู้ไหมคะว่าทำไมตุ๊กตาของหนูถึงเปื้อนเลือด?"
นิดาส่ายหน้าช้า ๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม
"เพราะลุงคนนั้นบีบคอหนูจนเลือดกระเด็นใส่ตุ๊กตาไงคะ" แก้วเอียงคอ ทำให้เห็นรอยแผลที่คอชัดเจนขึ้น "แต่วันนี้... เราจะสนุกกว่านั้นอีก"
เธอยกมือขึ้นแตะที่คอของนิดาเบา ๆ นิ้วเล็ก ๆ ที่เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งค่อย ๆ กดลึกลงไปในเนื้อ "พี่นิดาคะ... พี่รู้ไหมว่าคนเราต้องใช้เวลากี่นาทีกว่าจะตายจากการถูกเชือดคอ?"
เสียงกรีดร้องดังขึ้นในความมืด แต่ถูกกลบด้วยเสียงลมและเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่เดินผ่านไปมา ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องที่ค่อย ๆ เบาลง... เบาลง... และเงียบหายไปในที่สุด
สามวันต่อมา ตำรวจพบศพของนิดาในห้องใต้หลังคา พร้อมกับตุ๊กตาสองตัวที่เปื้อนคราบเลือด ไม่มีใครอธิบายได้ว่าทำไมใบหน้าของเธอถึงได้แสดงความหวาดกลัวขนาดนั้น และทำไมบนผนังถึงมีรอยขีดเขียนด้วยเลือดว่า "เพื่อนเล่น" ซ้ำไปซ้ำมานับร้อยครั้ง
คืนฮาโลวีนปีต่อมา เด็ก ๆ ที่เดินผ่านบ้านหลังนั้นต่างเห็นเงาร่างสองร่างยืนอยู่ที่หน้าต่างชั้นสอง... เด็กหญิงในชุดไทยโบราณ และผู้หญิงในชุดสมัยใหม่ ทั้งคู่ถือตุ๊กตาที่เปื้อนเลือด และยิ้มให้กับทุกคนที่เดินผ่าน...พร้อมเสียงโหยหวนที่ดังจากปากของทั้งคู่
"มาเล่นกับเราไหมคะ?"
...............>>.............>>...............