Temu แอปฯ ช้อปปิ้งสุดฮิต ทำไมถึงโดนแบนในหลายประเทศ? 🤔
Temu แอปฯ ช้อปปิ้งออนไลน์จากจีน ที่โด่งดังด้วยสินค้าราคาถูก กำลังเผชิญกับมรสุมครั้งใหญ่ เมื่อหลายประเทศเริ่มสั่งแบนและมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เกิดอะไรขึ้นกับ Temu? ทำไมถึงกลายเป็นแอปฯ ต้องห้ามไปเสียแล้ว?
1. ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล
หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ Temu ถูกแบนในหลายประเทศคือ ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน มีรายงานว่า Temu มีการเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น เช่น ประวัติการค้นหา ตำแหน่งที่ตั้ง รายชื่อผู้ติดต่อ และข้อมูลอื่นๆ ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้
ยกตัวอย่างเช่น มีกรณีศึกษาที่พบว่า Temu มีการเข้าถึง clipboard หรือ ข้อมูล ที่ ผู้ใช้ คัดลอก ไว้ บน โทรศัพท์ ซึ่ง อาจ รวมถึง รหัสผ่าน หรือ ข้อมูล สำคัญ อื่นๆ โดยที่ ผู้ใช้ ไม่รู้ตัว นอกจากนี้ ยังมี ข้อ กังวล ว่า Temu อาจ ส่ง ข้อมูล ของ ผู้ใช้ ไป ยัง เซิร์ฟเวอร์ ใน ประเทศจีน ซึ่ง อาจ ถูก รัฐบาลจีน นำ ไป ใช้ ใน ทาง ที่ ไม่เหมาะสม ได้
2. ข้อกังขาเรื่องการค้าที่ไม่เป็นธรรม
Temu ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้กลยุทธ์ "Dumping" หรือการขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าทุน เพื่อดึงดูดลูกค้าและกำจัดคู่แข่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจในประเทศและอาจเป็นการค้าที่ไม่เป็นธรรม
กลยุทธ์ นี้ อาจ ทำให้ ผู้ประกอบการ รายย่อย ในประเทศ ไม่สามารถ แข่งขัน ได้ เนื่องจาก ต้นทุน การผลิต ที่ สูงกว่า และ อาจ นำ ไปสู่ การ ปิดกิจการ ในที่สุด นอกจากนี้ การ ที่ Temu ขายสินค้า ราคาถูก ยัง อาจ เป็น การ บิดเบือน กลไก ตลาด และ ส่งผล เสีย ต่อ ระบบ เศรษฐกิจ โดยรวม ในระยะยาว
3. ปัญหาด้านคุณภาพสินค้าและการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
มีรายงานว่าสินค้าหลายรายการบน Temu มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน และบางรายการอาจเป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมาย
ตัวอย่างเช่น มี ผู้ใช้ หลายราย ร้องเรียน ว่า สินค้า ที่ สั่งซื้อ จาก Temu มี คุณภาพ ต่ำ กว่า ที่ โฆษณา ไว้ เช่น เสื้อผ้า ขาดง่าย สีตก หรือ ของเล่น ที่ แตกหัก ง่าย นอกจากนี้ ยังมี กรณี ที่ พบ ว่า Temu ขาย สินค้า ละเมิด ลิขสิทธิ์ เช่น กระเป๋า แบรนด์เนม ปลอม หรือ เสื้อผ้า ลอกเลียนแบบ ซึ่ง เป็น การ ละเมิด ทรัพย์สินทางปัญญา ของ ผู้อื่น
4. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
Temu ถูกวิจารณ์ว่าส่งเสริมการบริโภคแบบเกินพอดี เนื่องจากสินค้ามีราคาถูก ทำให้คนซื้อของมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
การ ผลิต สินค้า จำนวนมาก เพื่อ ตอบสนอง ความต้องการ ของ ผู้บริโภค ส่งผล ให้ เกิด การ ใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ อย่าง สิ้นเปลือง และ เกิด มลพิษ ต่อ สิ่งแวดล้อม เช่น ขยะ สารพิษ และ ก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ การ ขนส่ง สินค้า จาก ประเทศจีน ยัง ใช้ พลังงาน จำนวนมาก และ ปล่อย ก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่ง เป็น สาเหตุ ของ ภาวะโลกร้อน
5. ความไม่โปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ
Temu เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศจีน ซึ่งมีกฎหมายและข้อบังคับที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ ทำให้เกิดความไม่โปร่งใสในการดำเนินธุรกิจและยากต่อการตรวจสอบ
ตัวอย่างเช่น Temu ไม่ ได้ เปิดเผย ข้อมูล เกี่ยวกับ แหล่ง ที่มา ของ สินค้า โรงงาน ที่ ผลิต หรือ มาตรฐาน การผลิต ที่ ชัดเจน ซึ่ง ทำให้ ผู้บริโภค ไม่สามารถ มั่นใจ ได้ ว่า สินค้า ที่ ซื้อ มา นั้น มี คุณภาพ และ ปลอดภัย จริง
บทสรุป
การที่ Temu ถูกแบนในหลายประเทศเป็นสัญญาณเตือนว่าแอปพลิเคชันจากต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล การค้าที่ไม่เป็นธรรม และปัญหาอื่นๆ ดังนั้น ก่อนที่จะใช้แอปฯ ใดๆ ควรศึกษาข้อมูลและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องให้ดีเสียก่อน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง