ไมเคิล ร็อคกี้เฟลเลอร์หายตัวไประหว่างเดินทางไปยังนิวกินี คาดโดนชาวพื้นเมืองจับกินเป็นอาหาร
ในประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความลึกลับและความน่าสนใจ เรื่องราวของไมเคิล ร็อคกี้เฟลเลอร์ หนุ่มหลานชายของมหาเศรษฐีจอห์น ดี. ร็อคกี้เฟลเลอร์ ยังคงเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าติดตามที่สุด ไมเคิลหายตัวไปในเดือนพฤศจิกายน ปี 1961 ขณะเดินทางไปยังนิวกินีเพื่อเก็บงานศิลปะพื้นเมืองจากชาวอัสมัด การเดินทางที่เต็มไปด้วยความหวังและความตื่นเต้นกลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมเมื่อเรือที่เขาโดยสารเกิดล่ม ทำให้เขาต้องว่ายน้ำไปยังชายฝั่ง แต่เขากลับไม่เคยถูกพบอีกเลย
ในช่วงหลายปีหลังจากการหายตัวไปของไมเคิล มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับชะตากรรมของเขา โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวลือว่าเขาอาจจะถูกฆ่าและกินเนื้อโดยชนเผ่าท้องถิ่น ทฤษฎีนี้ได้รับการสนับสนุนจากการศึกษาของนักข่าวคาร์ล ฮอฟแมน ซึ่งได้ทำการวิจัยอย่างละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฮอฟแมนเสนอว่าหลังจากไมเคิลว่ายน้ำขึ้นฝั่ง เขาอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นจระเข้ ก่อนที่จะถูกฆ่าโดยสมาชิกของชนเผ่าอัสมัด ซึ่งเชื่อว่าการแก้แค้นจะช่วยคืนสมดุลให้กับชุมชนของพวกเขา
การกินเนื้อคนในวัฒนธรรมของชาวอัสมัดมีความหมายที่ลึกซึ้ง พวกเขาเชื่อว่าการบริโภคเนื้อของศัตรูจะช่วยให้พวกเขาซึมซับพลังและฟื้นฟูความสมดุลภายในชุมชน เรื่องราวนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์อาณานิคมและความเชื่อทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การกระทำเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล แต่มีบริบททางสังคมและจิตวิญญาณที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของพวกเขา