หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เงาในกระจก

เนื้อหาโดย อักษราลัย

เงาในกระจก

โดย #อักษราลัย

 

        มัสยาจ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง แสงจากโคมไฟที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งทำให้เกิดเงาวูบไหวไปทั่วห้อง เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สักเก่าแก่ที่เคยเป็นของย่า กำลังแปรงผมยาวดำขลับของตัวเองอย่างเนิบนาบสบายอารมณ์

บ้านไม้สองชั้นหลังนี้เป็นมรดกตกทอดมาจากย่าที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสองเดือนก่อน เป็นบ้านที่ย่าอยู่มาตั้งแต่แต่งงานกับตา นานกว่าห้าสิบปี ตอนแรกมัสยาไม่อยากย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่พ่อกับแม่ยืนยันว่าเธอควรมาดูแลบ้านแทนย่า เพราะตัวเองก็ทำงานอยู่ใกล้ ๆ อยู่แล้ว

 

        “ย่าฝากบ้านไว้ให้หนูดูแลนะ” แม่บอกก่อนจะกลับกรุงเทพฯ “อย่าลืมจุดธูปไหว้ย่าทุกวันพระด้วย ย่ารักหนูมากนะ ถึงหนูจะไม่ค่อยได้มาหาท่านก็เถอะ”

       

        ประโยคสุดท้ายของแม่ทำให้มัสยารู้สึกผิดเล็ก ๆ จริงอยู่ที่เธอไม่ค่อยได้มาเยี่ยมย่า แต่มันก็มีเหตุผล... เธอจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เคยมาเยี่ยมย่าที่บ้านหลังนี้บ่อย ๆ แต่ไม่เคยได้พักค้างคืน เพราะทุกครั้งที่พ่อแม่จะชวนนอนค้าง เธอจะร้องไห้งอแงจนต้องพากลับบ้านทุกที

 

        “บ้านย่ามันน่ากลัว” เธอบอกพ่อแม่แบบนั้น “หนูรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลา”

แต่ตอนนี้เธอโตแล้ว วัย 25 ปี ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ที่บริษัทซอฟต์แวร์ในตัวเมือง ความกลัวผีสางเรื่องไร้สาระในวัยเด็กถูกแทนที่ด้วยเหตุผลและตรรกะ อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่เธอพยายามบอกตัวเอง

เธออยู่ที่นี่มาได้สามวันแล้ว เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ถ้วยกาแฟที่เธอวางไว้บนโต๊ะในคืนก่อน กลับเปลี่ยนที่ไปอยู่ในอ่างล้างจาน กระดาษโน้ตที่เธอเขียนไว้หายไป แล้วโผล่มาอยู่ในลิ้นชักห้องนอน เสียงฝีเท้าแผ่วเบาบนชั้นสองตอนดึก ๆ ทั้งที่เธออยู่คนเดียว

 

        มัสยาพยายามหาเหตุผลมาอธิบายทุกอย่าง อาจเป็นเพราะเธอเหนื่อยจากการทำงาน หรือบางทีอาจเป็นเพราะความเครียดที่ต้องย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ แต่เมื่อถามแม่ทางโทรศัพท์เกี่ยวกับเรื่องของบ้าน แม่ก็เล่าเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น

 

        “ย่าเหงามากนะหลังจากตาจากไป” แม่เล่า “ตาเสียชีวิตกะทันหันมาก หัวใจวายตอนกำลังนอนอยู่ในห้องนอน ย่าเป็นคนเจอศพตาตอนเช้า นับจากวันนั้น ย่าก็เปลี่ยนไป ชอบพูดคนเดียว บางครั้งแม่ได้ยินท่านคุยกับตาเหมือนท่านยังอยู่”

       

        “แล้วทำไมแม่ถึงอยากให้หนูมาอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ?” มัสยาถาม

       

        “ก็... ย่าสั่งไว้น่ะ ก่อนท่านจะเสีย ท่านบอกว่าอยากให้หนูมาอยู่ที่นี่ ท่านบอกว่า... หนูเป็นคนเดียวที่เห็น”

 

        “เห็นอะไรคะ?”

 

        “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ย่าพูดแค่นั้น แต่ท่าทางท่านจริงจังมาก”

 

        เสียงไม้ลั่นเอี๊ยดดังขึ้นจากด้านนอกห้อง มัสยาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะขำตัวเอง บ้านไม้เก่า ๆ แบบนี้มันก็ต้องมีเสียงประหลาดบ้างเป็นธรรมดา แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานก็มีเสียงแบบนี้เหมือนกัน และมันดังขึ้นในเวลาเดียวกันพอดี

เธอหันกลับมามองกระจกอีกครั้ง แล้วก็ต้องชะงัก... เงาในกระจกดูแปลกไป มันไม่ได้เคลื่อนไหวตามการเคลื่อนไหวของเธอ มัสยากะพริบตาถี่ ๆ พยายามมองให้ชัด

 

        เงานั้น... มันกำลังยิ้ม...ไม่สิ...มันกำลังแสยะยิ้ม

 

        หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น มือที่ถือแปรงสั่นเทา เธอลุกพรวดจากเก้าอี้ แต่เงาในกระจกยังนั่งอยู่ที่เดิม ริมฝีปากบางเฉียบของมันคลี่ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนเห็นฟันขาวซี่เล็ก ๆ เรียงแถว

 

        “ไม่... ไม่จริง” มัสยาถอยหลังจนชนผนัง

 

        เงานั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แต่ไม่ใช่ในท่าทางเดียวกับที่เธอลุกเมื่อครู่ มันเคลื่อนไหวอย่างผิดธรรมชาติ เหมือนหุ่นกระบอกที่ถูกชักใย ศีรษะเอียงไปด้านข้าง ในมุมที่ไม่น่าเป็นไปได้

 

        “หลานสาวที่รัก” เสียงแหบแห้งดังออกมาจากกระจก “ย่าคิดถึงหนูมากเลยนะ หนูเป็นคนเดียวที่เห็นย่าได้ตั้งแต่เด็ก ย่ารอวันนี้มานาน... นานมาก”

 

        มัสยากรีดร้องออกมาสุดเสียง วิ่งออกจากห้องนอนลงบันไดไปชั้นล่างอย่างไม่คิดชีวิต เธอได้ยินเสียงหัวเราะแหบแห้งไล่หลังมา พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เดินลงบันไดตามมาทีละขั้น ๆ เสียงฝีเท้านั้นแปลกประหลาด ราวกับมีคนเดินลงมาสองคนพร้อมกัน

 

        “จะรีบไปไหนล่ะหลานรัก” เสียงนั้นดังขึ้นอีก “ย่าอุตส่าห์รอหนูมาตั้งนาน ตั้งแต่วันแรกที่หนูมาเยี่ยมย่าตอนอายุห้าขวบ ย่ารู้ว่าหนูพิเศษ... หนูเห็นย่าได้... เห็นพวกเราได้”

 

        มัสยาวิ่งไปที่ประตูหน้าบ้าน พยายามเปิดมันออก แต่ลูกบิดกลับหมุนไม่ได้ เธอหันไปทางหน้าต่าง แต่ทุกบานถูกปิดสนิท บานเกล็ดไม้เก่า ๆ ขยับไม่ได้แม้แต่น้อย

 

        “หนูทิ้งย่าไปนานเกินไปแล้ว” เสียงนั้นใกล้เข้ามา “ย่าเหงามากเลยนะ ต้องอยู่คนเดียวในบ้านหลังนี้... แต่จริง ๆ ก็ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก... ตาก็อยู่กับย่าตลอด แต่ท่านไม่ยอมคุยกับย่าเลย... นั่งเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้น... ตรงที่ท่านจากไป...”

 

        มัสยาหันกลับไปมอง ร่างของย่ายืนอยู่ที่เชิงบันได แต่มันไม่ใช่ย่าที่เธอจำได้ ร่างนั้นผอมแห้งเหมือนมัมมี่ ผิวหนังเหี่ยวย่นเป็นสีเทาซีด ผมสีขาวยาวรุงรังปรกหน้า แต่เธอเห็นดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองผ่านเส้นผมนั้นมาได้ชัดเจน และข้าง ๆ ร่างของย่า มีเงาดำทะมึนอีกร่างหนึ่งยืนอยู่ รูปร่างคล้ายชายชรา แต่ไร้ใบหน้า

 

        “มา... อยู่กับย่านะ” ร่างของย่ายื่นมือที่มีเล็บยาวแหลมออกมา “เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป... ทั้งหนู... ย่า... และตา”

มัสยาส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอถอยหลังจนชิดประตู ไม่มีทางหนีแล้ว

 

        “ย่าขอโทษนะที่ต้องทำแบบนี้” เสียงนั้นพูดต่อ น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย แฝงความเศร้า “แต่ย่าทนอยู่คนเดียวไม่ไหวแล้วจริง ๆ ตั้งแต่ตาของหนูจากย่าไป... ท่านก็เปลี่ยนไป... ไม่พูด ไม่จากไปไหน... แค่นั่งจ้องย่าวันแล้ววันเล่า...”

 

        เงาดำข้าง ๆ ย่าขยับเล็กน้อย ราวกับหันมามองย่า แต่ก็ยังคงเงียบ

 

        “ย่าพยายามคุยด้วยทุกวัน... แต่ตาไม่เคยตอบ... ย่า ย่าเลยต้องหาเพื่อนคนอื่น... แต่ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมย่า วันแล้ววันเล่า... ไม่มีใครเห็นอีกส่วนของย่า... นอกจากหนู”

 

        ร่างของย่าเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ มัสยารู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากร่างนั้น กลิ่นอับชื้นของความตายโชยมาปะทะจมูก พร้อม ๆ กับกลิ่นธูปที่เธอไม่เคยจุดมาก่อน

 

        “แต่ตอนนี้หนูมาอยู่กับย่าแล้ว” ร่างนั้นอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่ก้าว “เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป... ตลอดไป... เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์... หนูจะได้เห็นว่าตาเป็นยังไง... ท่านนั่งตรงไหน... ท่านมองย่ายังไง...”

 

        มัสยาหลับตาแน่น น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกถึงมือเย็นเฉียบที่แตะตรงหน้าผาก

 

        “ไม่ต้องกลัวนะหลานรัก” เสียงแหบแห้งกระซิบข้างหู “ย่าจะไม่ทำให้เจ็บหรอก... แค่จะพาหนูไปอยู่กับพวกเรา... ในที่ที่ไม่มีใครทิ้งใครไปไหน... ที่ที่เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป...”

 

        แล้วความมืดก็กลืนกินทุกอย่าง

        ---

 

        เช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนร่วมงานของมัสยาโทรหาเธอหลายครั้งเพราะเธอไม่มาทำงาน แต่ไม่มีใครรับสาย พวกเขาจึงตัดสินใจมาที่บ้านเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

 

        ระหว่างทางมาที่บ้าน พวกเขาได้คุยกับเพื่อนบ้านแถวนั้น และได้ยินเรื่องเล่าประหลาดเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ เรื่องของหญิงชราที่อาศัยอยู่คนเดียวหลังจากสามีเสียชีวิต ที่ชอบคุยกับความว่างเปล่า นั่งร้องไห้คนเดียวยามดึก และบางครั้งก็หัวเราะเสียงดังโดยไม่มีเหตุผล

 

        เมื่อมาถึง พวกเขาพบว่าประตูบ้านไม่ได้ล็อก เปิดออกได้ง่าย ๆ ภายในบ้านเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมพัดผ่านช่องหน้าต่างที่เปิดอ้าทิ้งไว้ และกลิ่นธูปจาง ๆ ลอยอยู่ในอากาศ

 

        พวกเขาเดินขึ้นไปชั้นบน พบมัสยานั่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนอน กำลังแปรงผมอย่างเนิบนาบ ข้าง ๆ เธอมีธูปที่จุดทิ้งไว้จนมอดดำ

 

        “มัสยา ทำไมไม่ไปทำงานล่ะ? โทรหาก็ไม่รับ”

 

        มัสยาหันมามองพวกเขาช้า ๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง ๆ

 

        “ขอโทษนะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “แต่มัสยาไม่อยู่แล้ว... มีแต่ย่าคนเดียวที่อยู่ที่นี่... กับตา... และหลานสาวคนใหม่ของเรา”

 

        เงาในกระจกสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่เหี่ยวย่น ผมสีขาว และดวงตาสีแดงก่ำที่จ้องมองมา พร้อมกับเงาดำทะมึนที่ยืนอยู่ข้างหลัง และร่างของหญิงสาวผมยาวที่นั่งแน่นิ่งบนเก้าอี้ ดวงตาเธอว่างเปล่า ริมฝีปากซีดเซียว

 

        ก่อนที่ใครจะทันได้วิ่งหนี ประตูและหน้าต่างทุกบานก็ปิดลงพร้อมกันด้วยตัวเอง

เสียงหัวเราะแหบแห้งดังก้องไปทั่วบ้าน

 

        “มาอยู่เป็นเพื่อนย่ากันเถอะ...” เสียงนั้นกระซิบ “ย่าจะได้ไม่ต้องเหงาอีกต่อไป... และครอบครัวของเราจะได้ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ...”

.

 

 

เนื้อหาโดย: อักษราลัย
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
อักษราลัย's profile


โพสท์โดย: อักษราลัย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
นางเอกดังสุดเศร้า กับการสูญเสียครั้งใหญ่ โพสต์อาลัยรักสุดหัวใจหนุ่มแคมป์ในป่าฝนอเมซอนตกใจสุดขีด เมื่อพบเห็นมดจำนวนกว่า 10 ล้านตัวกำลังทำลายเต็นท์ของเขา‘ขนม ศศิกานต์’ เลิก ‘ครูเต้ย อภิวัฒน์’ ทั้งที่เพิ่งคลอดลูก คนที่ 2 จากกันด้วยดี ไม่มีมือที่ 3อะไรจะเกิดขึ้น หากปล่อยให้น้ำตาลในเลือดสูงพบภาพปริศนาลึกลับขนาดใหญ่ บนพื้นหินที่อินเดียว อายุมากกว่าหมื่นปี นักวิทย์ยังตกลงไม่ได้ ว่าคือภาพอะไรคลั่งยาllอบดูสาวอาบน้ำ ประวัติพึ่งพ้นคุกเศร้า นักท่องเที่ยวสาวต่างชาติ เสียชีวิตแล้วที่ไทย หลังดื่มเหล้าเถื่อนปลอมที่ลาววิธีใช้ Postjung สร้างรายได้จากการเขียนกระทู้: เคล็ดลับที่คุณไม่ควรพลาด!"กล้วยแปะเทปกาว ราคาทะลุ 200 ล้านการค้นพบที่น่าทึ่ง: สถานที่ลึกลับที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนแจ็คเดอะริปเปอร์: ฆาตกรที่โหดที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ปิดสถานทูตใน'เคียฟ'!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
‘ขนม ศศิกานต์’ เลิก ‘ครูเต้ย อภิวัฒน์’ ทั้งที่เพิ่งคลอดลูก คนที่ 2 จากกันด้วยดี ไม่มีมือที่ 3เศร้า นักท่องเที่ยวสาวต่างชาติ เสียชีวิตแล้วที่ไทย หลังดื่มเหล้าเถื่อนปลอมที่ลาว4 ปีเกิด ช่วงนี้พกอะไรนำโชค อาจจะได้ใช้!? by ซินแสน้อย แต้เอี่ยงคังแจ็คเดอะริปเปอร์: ฆาตกรที่โหดที่สุดในประวัติศาสตร์
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ดูดวง เรื่องลึกลับ
การค้นพบที่น่าทึ่ง: การเดินทางไปยังเมืองที่ไม่มีคนอยู่บนโลก!4 ปีเกิดการเงินดี ช่วง 30 พ.ย. - 10 ธ.ค. 2567 พร้อมวิธีเสริมดวง by ซินแสน้อย แต้เอี่ยงคัง4 ปีเกิดโชคดียังพอมีทางออก by ซินแสน้อย แต้เอี่ยงคังราศีที่มีเกณฑ์เปลี่ยนงานใหม่ในช่วงนี้ by อ.ออมพรมณีญาณ
ตั้งกระทู้ใหม่