โลกเตรียมต้อนรับ ‘มินิมูน’ ดาวเคราะห์น้อยที่เหมือนดวงจันทร์ดวงที่ 2 ของโลก
ในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ โลกของเรากำลังจะมี "มินิมูน" หรือดาวเคราะห์น้อยดวงใหม่เข้าสู่วงโคจร ซึ่งทำให้เหมือนว่ามีดวงจันทร์ดวงที่สองโคจรรอบโลกชั่วคราว โดยดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มีชื่อว่า 2024 PT5 ระบบเฝ้าระวังอุกกาบาต หรือ Asteroid Terrestrial-Impact Last Alert System (ATLAS) เปิดเผยว่า ดาวเคราะห์น้อยนี้จะเข้าสู่วงโคจรของโลกอย่างสมบูรณ์ในช่วงระหว่างวันที่ 29 กันยายน ถึง 25 พฤศจิกายน ก่อนจะออกจากแรงโน้มถ่วงของโลกไปในที่สุด
แม้ว่ามันจะอยู่ในวงโคจรใกล้โลกเป็นเวลา 57 วัน แต่การจะมองเห็นดาวเคราะห์น้อยนี้ด้วยตาเปล่าเป็นเรื่องยากมาก เนื่องจากมีขนาดเล็กเพียง 10 เมตรเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นักดาราศาสตร์และนักวิจัยที่ติดตามการเคลื่อนไหวของวัตถุอวกาศนี้จะมีโอกาสศึกษาการโคจรของมันอย่างใกล้ชิด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โลกมีดวงจันทร์ขนาดเล็กเพิ่มเข้ามาในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนหน้านี้ในปี 1981 และปี 2022 โลกก็เคยดึงดาวเคราะห์น้อยให้มาโคจรชั่วคราวในลักษณะเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ดาวเคราะห์น้อย 2022 NX1 ที่โคจรรอบโลกชั่วคราวในปี 2022 ก่อนจะเคลื่อนออกจากวงโคจรไป นอกจากนี้ นักวิจัยระบุว่า โลกสามารถดึงดาวเคราะห์น้อยจากกลุ่มวัตถุใกล้โลก (Near-Earth Objects: NEO) ให้เข้ามาในวงโคจรของตนเป็นระยะ ทำให้เกิดปรากฏการณ์มินิมูนนี้ซ้ำ ๆ
ดาวเคราะห์น้อย 2024 PT5 ที่เพิ่งค้นพบล่าสุดก็เป็นตัวอย่างที่ดีของปรากฏการณ์นี้ เนื่องจากเส้นทางการเคลื่อนที่ของมันมีความคล้ายคลึงกับดาวเคราะห์น้อย 2022 NX1 นักดาราศาสตร์คาดว่า มันจะเป็นมินิมูนที่โคจรรอบโลกเป็นเวลาไม่กี่เดือนก่อนจะจากไป
องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (นาซา) ได้จัดประเภทของวัตถุในอวกาศที่เข้ามาใกล้โลกในระยะ 190 ล้านกิโลเมตรว่าเป็น "วัตถุใกล้โลก" (Near-Earth Object: NEO) และวัตถุขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากโลกไม่เกิน 7.5 ล้านกิโลเมตรถือเป็น "วัตถุอันตราย" (Potentially Hazardous Object: PHO) ปัจจุบันนาซาติดตามวัตถุดังกล่าวมากกว่า 28,000 ดวง โดยใช้ระบบเฝ้าระวังอุกกาบาตที่เป็นกล้องโทรทรรศน์สี่ตัว ซึ่งคอยสแกนท้องฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการชนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
แม้ว่าดาวเคราะห์น้อย 2024 PT5 จะไม่ถือเป็นภัยคุกคาม แต่การเฝ้าติดตามและศึกษาวัตถุใกล้โลกเช่นนี้เป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุอวกาศ และเพื่อเตรียมการรับมือกับความเสี่ยงจากการชนในอนาคต