อ่าวไทยอาจเป็น "จุดเผชิญหน้าแห่งใหม่" ระหว่างอเมริกากับจีน
ในขณะที่ความตึงเครียด ทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและอเมริกา กำลังพุ่งสูงขึ้นในทะเลจีนใต้และช่องแคบไต้หวัน หนังสือพิมพ์นิกเกอิเอเชีย ได้เผยแพร่บทความหนึ่ง ซึ่งนักวิเคราะห์แสดงความกังวลเพิ่มมากขึ้น เกี่ยวกับสงครามในอีกน่านน้ำหนึ่งในอินโด-แปซิฟิก นั่นคือ "อ่าวไทย" ถึงแม้ว่าปัจจุบันอ่าวไทยค่อนข้างสงบ แต่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากปักกิ่งได้ดำเนินโครงการ อันเป็นที่ถกเถียงต่างๆนานา ที่อาจทำให้ภูมิภาคแถบนี้ลุกเป็นไฟ
โดยบทความของ นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงแห่งชาติและอินโด-แปซิฟิก "เดเรค กรอสส์แมน" ที่เขียนลงนิกเกอิเอเชีย ได้เท้าความถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2024 ซึ่งนายกรัฐมนตรี "ฮุน มาร์เนต" ของกัมพูชา ซึ่งเป็นประธานในพิธีเปิดการก่อสร้าง โครงการคลองฟูนันเตโช เชื่อมกรุงพนมเปญ ที่ไม่มีทางออกทางทะเล ไปยังอ่าวไทย...
ถ้าโครงการก่อสร้างนี้ประสบความสำเร็จ คลองดังกล่าวจะลดระยะทางการขนส่งสินค้าผ่านเวียดนาม ประเทศเพื่อนบ้านลง 70% และ เพิ่มรายได้รัฐบาล 88 ล้านดอลลาร์ต่อปี สำหรับสนับสนุนเศรษฐกิจสังคมของกัมพูชา โดยในพิธี "ฮุน มาร์เนต" กล่าวว่า "ผ่านการก่อสร้างคลองประวัติศษสตร์ เรากำลังแสดงให้เห็นถึงความรู้สึก แห่งความรักชาติ และ ความเป็นหนึ่งเดียวกันของประเทศ"
อย่างไรก็ตาม "เดเรค กรอสส์แมน" ชี้ว่า "กัมพูชาไม่ใช่ประเทศเดียว ที่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ จีนคือผู้ลงทุน 1,700 ล้านดอลลาร์ในโครงการนี้" และ "ได้ประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ต่างๆนานา ลำดับแรกเลยคือคลองแห่งนี้ จะเปิดทางให้ปักกิ่งเข้าถึงอ่าวไทยโดยตรงจากจีน สืบเนื่องจากแม่น้ำแม่โขง มีต้นกำเนิดในเขตปกครองตนเองทิเบตของจีน"
ปักกิ่งจะสามารถล่องเรือ ไม่ใช่แค่เรือสินค้า แต่ยังรวมไปถึงเรือรบ ผ่านพม่า ลาวและกัมพูชา ในหลายๆเหตุผล เชื่อได้ว่าปักกิ่งจะพยายามล่องเรือของกองทัพ ผ่านคลองใหม่แห่งนี้ ในนั้นรวมถึงการมีโครงการเขื่อน ต่างๆนานาของจีนตามแม่น้ำโขง ที่เชื่อว่าพวกเขาสามารถควบคุมระดับน้ำขึ้นลงได้ เช่นเดียวกับความจำเป็น ของการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของเรือกินน้ำลึก ด้วยที่ไม่มีความท้าทายใดๆ ที่จะเป็นอุปสรรคในระยะยาว นั่นหมายความว่ากองกำลังทางทะเลของจีน ไม่ว่าจะเป็นกองทัพเรือ ยามชายฝั่งหรือกองเรือประมง อาจใช้ประโยชน์จากเส้นทางเดินเรือที่ค้นพบใหม่ ในการประจำการในภูมิภาค โดยมี 3 เป้าหมายหลักในความคิด...
"เดเรค กรอสส์แมน" กล่าวอีกว่า "อย่างแรกเลยคือปักกิ่งอาจพยายามอย่างโต้งๆ ในการเข้าถึงช่องแคบมะละกา โดยข้อสันนิษฐานนี้อาจทำให้กองทัพอเมริกา ปิดการเข้าออกช่องแคบอันสำคัญนี้ ที่เชื่อมมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อกันปักกิ่งออกห่างจากการประจำการทรัพยากรที่จำเป็น สำหรับก่อความขัดแย้งเกี่ยวกับไต้หวัน หรือในทะเลจีนใต้"
การฉวยโอกาสจากโครงการนี้ ในประการที่ 2 ตามความเห็นของ "เดเรค กรอสส์แมน" คือมันทำให้กองทัพเรือจีน ไม่จำเป็นต้องล่องผ่านทะเลจีนใต้และอ้อมอินโดจีน เพื่อเข้าถึงอ่าวไทย โดยไม่ใช่แค่เพียงรวดเร็วกว่า มันยังจำกัดโอกาสที่กองกำลังศัตรู จะท้าทายการประจำการของจีนอีกด้วย และ ประการสุดท้าย คลองแห่งนี้จะปิดทางให้จีน สามารถประจำการทางปีกตะวันตกของเวียดนาม แทนที่จะอยู่แค่เพียงทางตะวันออก ในทะเลจีนใต้
"เดเรค กรอสส์แมน" กล่าวว่า "คลองแห่งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยน ทางยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง ซึ่งมันจะช่วยลดคุณค่าของฐานทัพเรืออ่าวกัมรัญ ตามแนวชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของเวียดนาม เช่นเดียวกับหมู่เกาะเทียมของฮานอย ที่เพิ่งสร้างเมื่อเร็วๆนี้ในทะเลจีนใต้ นอกจากนี้แล้วมันยังบีบให้เวียดนาม ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากเกี่ยวกับ การจัดสรรทรัพยากรทางทหาร ในการจัดการกับความเป็นไปได้ ของยุทธบริเวณใหม่ในทางตะวันตก"
"เดเรค กรอสส์แมน" กล่าวเสริมว่า "อเมริกาอาจตอบโต้จีน ด้วยการเคลื่อนไหวทางทหาร ในอ่าวไทยเช่นกัน ซึ่งนั่นจะทำให้พวกเขาเผชิญหน้ากันในที่สุด..."






