ขีด ฆ่า ตาย
ขีด-ฆ่า-ตาย
โดย .. อักษราลัย
“ผม...เกลียด เกลียดทุกคน ทำไมพวกเขาถึงได้ชอบมากลั่นแกล้งผม ถ้าพวกเขาตายไปได้ก็คงดี” เสียงร่ำร้องในจิตใจส่วนลึกดังก้องออกมาจากหัว ทศพยายามปัดความคิดนั้นออกไปจากจิตใจ แต่นับวันความคิดนั้นมันกลับค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาครอบงำจนเขาเริ่มคล้อยตาม เมื่อกลางวันเขานำสมุดเช็ครายชื่อเพื่อนไปส่งให้ครูฝนในห้องพักครู บังเอิญที่วันนี้เขารีบร้อนไม่ทันดูจึงหยิบปากกาสีแดงมาเขียนรายชื่อเพื่อน ๆ ในการจดรายชื่อนักเรียนประจำวันในสมุดจด ครูฝนเปิดดูรายชื่อก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า
“อ้าว...ทำไมทศถึงเขียนชื่อเพื่อนด้วยปากกาสีแดงล่ะ นี่ดีนะที่เป็นยุคนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อนเขาถือกันนะรู้ไหม”
“ทำไมหรือครับครู” ทศถามออกไปด้วยสีหน้างุนงง เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าการเขียนชื่อด้วยปากกาสีแดงจะมีความหมายอะไร
“ครูก็ไม่แน่ใจนะ แต่สมัยก่อนครูก็เคยโดนห้ามเขียนชื่อด้วยปากกาสีแดงเหมือนกัน” ขณะที่ทศอยากถามรายละเอียดเพิ่มเสียงออดเข้าห้องเรียนก็ดังขึ้นเสียก่อน ทศจึงผละออกมาจากห้องพักครูเพื่อกลับเข้าไปยังห้องเรียน
ครูฝนมองตามลูกศิษย์คนโปรด ทศ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมปีที่สอง มีบุคลิกเรียบร้อย ขี้อาย เก็บตัวและดูคล้ายไม่มั่นใจในตัวเอง อาจเป็นเพราะเขาต้องย้ายตามพ่อที่มีอาชีพรับราชการจึงต้องย้ายไปที่ต่าง ๆ อยู่เสมอ จึงทำให้เขาไม่มีเพื่อนสนิทมากนัก
ทศมีเหลือแต่พ่อเท่านั้นแม่จากเขาจากไปด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่เขาอายุได้เพียงห้าขวบ หลังจากวันนั้นพ่อที่เคย ร่าเริงแจ่มใสก็เงียบขรึม บ้านที่เคยมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะก็กลับเงียบงัน แม้ว่าพ่อจะรักเขามากจนไม่เคยมีผู้หญิงคนใดเข้ามาแทนที่แม่ แต่ระหว่างพ่อกับเขาก็เหมือนมีช่องว่างขนาดใหญ่เป็นหลุมดำแทรกอยู่และมันขยายตัวตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นในทุกปีของเขา หลังเลิกงานกลับมาบ้านพ่อมักจะนั่งดื่มเหล้าเงียบ ๆ อยู่คนเดียวจนเมาฟุบหลับไป ขณะที่เขาก็กินมื้อเย็นจากกับข้าวถุงที่พ่อซื้อมา ทำการบ้านแล้วเข้านอนไปตามลำพัง ไม่มีนิทานก่อนนอนเหมือนตอนที่เขายังเล็ก ๆ ไม่มีการโอบกอด ไม่การลูบหัวอย่างรักใคร่จากพ่ออีกเลย เหมือนต่างคนต่างอยู่ ต่างทำหน้าที่ของตนไปตามลำพัง โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เขารู้สึกเดียวดายและโหยหาความรักจากพ่อ แต่ก็พยายามเข้าใจ พ่อคงเสียใจมากกับการจากไปของแม่ ตัวเขาเองก็เสียใจ แต่ภาพจำของแม่นั้นค่อย ๆ รางเลือนไปตามวันเวลาที่เพิ่มมากขึ้น จนจำไม่ได้แล้วว่าแม่มีหน้าตายังไง รอยยิ้มของแม่เป็นแบบไหน
โรงเรียนใหม่ที่เขาย้ายมาเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดที่มีการแข่งขันสูงมาก การที่ทศย้ายมาจากที่อื่นแล้วได้มาเป็นหัวหน้าชั้น ทำให้เพื่อนบางคนไม่ชอบขี้หน้าเขา ทั้งที่เขามั่นใจว่าไม่เคยทำอะไรให้ใครเดือดเนื้อร้อนใจ
ทศนั่งทำการบ้านบนโต๊ะในห้องนอนของบ้านพักราชการ บ้านหลังนี้มีขนาดกำลังดีสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก ภายนอกทาสีฟ้าแบบที่ทศชอบ บรรยากาศรายรอบบ้านเต็มไปด้วยไม้ใหญ่ดาษดื่นมีต้นไม้ที่มีดอกสีขาวที่ทศไม่รู้จักส่งกลิ่นหอมยามค่ำคืนเหมือนช่วยขับกล่อมให้นิทรายามราตรีในแต่ละคืนของเขาเต็มไปด้วยความหอมสดชื่นจนหลับสบาย หากไม่มีปัญหาเรื่องเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน ก็นับว่าชีวิตช่วงนี้ของเขานั้นมีความสุขมากกว่าทุกครั้ง ทุกอย่างดีกว่าที่เคยเป็นมา พ่อมีรอยยิ้มให้เขามากขึ้น ดื่มเหล้าน้อยลง แต่ระหว่างเขากับพ่อก็ยังเหมือนมีรอยต่อของช่องว่างระหว่างกันอยู่ดี
ทศมองเหม่อออกไปยังท้องฟ้าสีดำสนิทเบื้องหน้า เท้าคางหมอบแนบลงกับโต๊ะแหงนหน้ามองแสงวิบวับจากดวงดาวที่แข่งกันเปล่งประกายระยิบระยับ บรรยากาศยามนี้หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงมีความสุขมาก แต่ตั้งแต่แม่จากไปทศรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวในโลก พ่อในตอนนี้ทำหน้าที่เสมือนผู้ดูแลเขาเท่านั้น เขาร่ำร้องความสุขในวัยเยาว์ที่จำได้เพียงลางเลือน มันจางร้างไกลเหมือนควันธูปที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่เพียงครู่ก่อนจะสลายไปในอากาศเหมือนไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน จึงเคาะแป้นคีย์บอร์ดลงไปในหน้าค้นหาของกูเกิ้ล
‘การเขียนชื่อด้วยปากกาสีแดง’ เจอข้อความว่า จะทำให้มีอันเป็นไป และอาจร้ายแรงถึงชีวิต บ้างก็ว่ามีอาถรรพ์ทำให้ผู้ถูกเขียนชื่อนั้นอาจมีอันเป็นไปถึงชีวิต ทศอ่านข้อความนั้นแล้วฉีกยิ้มมุมปาก เขาอดขำไม่ได้กับความเชื่อเช่นนั้น จะเป็นไปได้ยังไงกันก็แค่การเขียนชื่อด้วยปากกาสีแดง ทศหยิบปากกาสีแดงจากโถใส่ปากกาข้างหน้าเขาขึ้นมาเคาะในมืออย่างชั่งใจ เหยียดยิ้มเยาะแล้วเขียนชื่อเพื่อนคนหนึ่งลงไปในสมุดบันทึก เมื่อเขียนเสร็จแล้วเขาก็ขีดฆ่ารายชื่อนั้นด้วยปากกาสีแดงอีกที ก่อนที่จะนึกสนุกด้วยการเขียนรายชื่อเพื่อนคนอื่น ๆ ที่เขารู้ว่าเพื่อน ๆ เหล่านั้นก็ไม่ชอบหน้าเขาเช่นกัน นับไปนับมาเขาเขียนรายชื่อเพื่อนจากในชั้นเรียนได้ถึง 6 คน นี่มีคนไม่ชอบหน้าเขาและเขาก็รับรู้ได้ถึง 7 คนเชียวเหรอ กับช่วงเวลาไม่ถึงปี ถือว่ามากถ้านับจากเพื่อน ๆ ในชั้นเรียนที่มี 45 คน ทศยกมือขึ้นปิดที่ปากหาวยาว ก่อนจะปิดสมุดบันทึกล็อกลูกกุญแจขนาดเล็กที่แยบอยู่กับสมุด แล้วใส่ลงไว้ในลิ้นชักโต๊ะก่อนจะเดินไปล้มตัวลงนอน
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ในตอนนี้ทศเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางหมอกหนา เมื่อมองผ่านหมอกขาวที่รายล้อมรอบตัว เพ่งไปยังเบื้องหน้าที่เห็นเงาราง ๆ เป็นรูปร่างของผู้หญิงที่เขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาสืบเท้าเดินเข้าไปใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงระยะที่เห็นได้ชัดเจนจึงรู้ว่าเป็นแม่ เขาดีใจรีบสาวเท้ายาวขึ้นเพื่อจะเดินไปให้ถึงแม่ แต่เหมือนแม่ถอยหนีห่างหนีเขาออกไป ระยะนั้นไม่ได้แคบขึ้นเลยแม้ว่าตอนนี้เขาจะวิ่งไปข้างหน้า เพื่อไปให้ถึงแม่เร็วขึ้น ยิ่งเขาวิ่งเร็วขึ้นเท่าไหร่ แม่ก็เหมือนถอยหนีห่างจากเขาเร็วขึ้นเท่านั้น เขาหยุดยืนเหนื่อยหอบ เอามือกุมท้องที่รู้สึกจุกเสียด เงยหน้าขึ้นสบตาแม่ น่าแปลกที่สีหน้าของแม่ไม่มีรอยยิ้มเหมือนเคย แม่ดูเคร่งขรึม และดูโกรธ ก่อนที่เขาจะทันพูดอะไรออกไป แม่ก็ลอยถอยห่างออกไป มีเพียงเสียงแผ่วเบาของแม่ลอยมากับสายลมว่า
“ทศ...ลูกทำแบบนี้ทำไม มันบาปนะลูก”
ทศสะดุ้งผวาลุกขึ้นพรวด ก่อนจะรับรู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนที่นอนภายในห้อง อากาศหนาวจากลมเย็นที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างแต่เหงื่อของเขากลับไหลออกมาจนเปียกชุ่มไปทั้งแผ่นหลัง
“ฝันหรือนี่” เขากล่าวกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เหยียดกายลงนอนตามเดิม มือขวายกขึ้นมาก่ายบนหน้าผากขบคิดถึงความฝันเมื่อครู่ เขาไม่เคยฝันถึงแม่มาก่อนแม้ว่าจะอยากเจอแม่เพียงใด แต่ทำไมอยู่ ๆ วันนี้แม่ถึงมาหาเขาได้ ทำไมในวันที่เขาต้องการกำลังใจจากแม่ แม่กลับไม่เคยมาหาเขาเลยสักครั้ง เขาผุดลุกขึ้นอีกครั้งลุกเดินไปยังโต๊ะริมหน้าต่าง ดึงลิ้นชักหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาเปิดรหัสล็อกของกุญแจ เปิดไปยังหน้าสุดท้ายที่เขาเขียนค้างไว้ ไล่สายตาไปบนรายชื่อเหล่านั้นอีกครั้ง รายชื่อแรกในสมุดที่เขาเขียนคือ ตระการ นั่นคือคนที่มีปัญหากับเขาที่สุด นับตั้งเขาย้ายโรงเรียนมา ตระการคือคนที่คาดหวังว่าครูฝนจะตั้งให้ตนเป็นหัวหน้าห้อง จากรายชื่อที่เพื่อนเสนอไปสองชื่อระหว่างเขากับตระการ คนที่ตัดสินใจสุดท้ายคือครูฝน เมื่อครูฝนเลือกเขาให้เป็นหัวหน้าห้อง ตั้งแต่นั้นมาเขาจะได้รับคำพูดกระแนะกระแหนจากตระการเสมอทุกครั้งที่พบเจอหน้ากันและแน่นอนเรื่องพวกนี้อยู่นอกสายตาของครูทุกคน ต่อหน้าครูตระการเป็นคนเรียบร้อย เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านรีดเรียบจนกลีบโง้ง มารยาทก็ดีมีสัมมาคารวะ หากแต่เมื่อเจอกับทศจัง ๆ แบบไร้สายตาคนอื่นตระการจะพูดจากระทบกระเทียบ แกล้งเดินชนไหล่ขนเขาตัวเซ ขัดขาขนเขาหกล้ม จนถึงขั้นผลักเขาก็มี ครั้งหนึ่งเขาเคยโดนผลักตกบันได ดีที่ตกลงถึงแค่ชานพักและแค่ข้อมือซ้นกับหัวเข่าถลอกนิดหน่อยเท่านั้น เขาจึงบอกคนอื่น ๆ ไปว่าสะดุดล้มไปเอง เพราะไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากให้เหตุการณ์บานปลายไปยิ่งกว่านี้แต่ยิ่งเขาเฉยเพียงใด สายตาของตระการที่มองมายังเขานั้นกลับดูลึกลับและมีแววตาแปลก ๆ แฝงอยู่ อีกครั้งเขาโดนผลักจากจักรยานที่เขาขึ้นไปคร่อมแล้วกำลังจะออกตัวแต่หันไปหยิบหนังสือจากเพื่อนอีกคนที่ยืมไป แล้วเขาก็โดนผลักจนรถเซไปล้มลงหน้ารถยนต์ของครูปรีชาที่ขับออกตัวมาพอดี ดีที่ครูขับช้าและเบรกทัน ไม่อย่างนั้นเขาไม่อยากนึกเลยว่าตอนนี้เขาจะเป็นยังไง เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้ถ้าวันนั้นครูปรีชาไม่เบรก แล้วจะเป็นไรไปถ้าเขาจะเกลียดตระการตอบ และอยากให้ตระการหายไปจากชีวิต
เช้าวันนั้นเขาตื่นสายกว่าเคย เมื่อไปถึงโรงเรียนเขาเห็นเพื่อนยืนจับกลุ่มพูดคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาไม่สนใจรีบเดินผ่านหน้าเพื่อนกลุ่มนั้นไปเข้าห้องเรียน น่าแปลกใจเพื่อนในห้องเรียนก็จับกลุ่มพูดคุยกันเป็นกลุ่ม ๆ เมื่อเริ่มคาบเรียนแรกครูฝนเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเศร้ามีน้ำตาคลอ ก่อนจะบอกข่าวที่ทำให้ทศตัวชา
“ตระการ ตกบันไดบ้านเสียชีวิตเมื่อเช้านี้ เป็นอุบัติเหตุที่น่าเสียใจ เย็นนี้จะมีการรดน้ำศพที่วัด และโรงเรียนเราเป็นเจ้าภาพในการสวดศพวันพรุ่งนี้ ครูอยากให้พวกเราทุกคนในห้องนี้ไปงานเพื่อนกันทุกคน เอาละครูขอบอกข่าวเพียงเท่านี้ เชิญค่ะครูมล” ครูฝนหันไปพูดกับครูมล ครูภาษาอังกฤษที่มายืนรอสอนอยู่หน้าห้อง
ทศรู้สึกตกใจมาก ร่างกายสั่นเบา ๆ เขาพยายามฝืนทำตัวให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้ใครสงสัย ‘ตระการตายแล้ว’ อุบัติเหตุที่ไม่น่าเกิด ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นหรือเป็นเพราะปากกาแดงและการขีดฆ่านั้น เขารู้สึกขมปร่า ในปาก ผะอืดผะอม อยากจะอาเจียน นี่เขาฆ่าเพื่อนอย่างนั้นหรือ เขาทำอะไรลงไป งานศพของตระการผ่านไป เขาไปงานศพของตระการทุกวัน จ้องไปที่ภาพถ่ายที่วางอยู่ข้าง ๆ หีบศพสีขาวบริสุทธิ์ รอยยิ้มจากภาพที่จ้องตอบกลับมา ทำให้เขายิ่งรู้สึกผิด ความรู้สึกกระอักกระอ่วนเกาะกุมจิตใจจนเขากินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทุกครั้งที่หลับตาเขาเห็นแต่ภาพของตระการนอนอยู่หน้าบันได ปากมีเลือดไหลย้อย ศีรษะบุบบิดเบี้ยว แขนหักงอจนอ่อนเหมือนไร้กระดูก ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเคยเห็นภาพศพของตระการ แต่เขากลับเห็นมันอย่างชัดเจนในความฝัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจินตนาการหรือเพราะความผิดในใจที่ทำให้เขาเห็นภาพเหล่านั้นทุกคืน
สภาพของเขาในตอนนี้ผอมลงมาก ดวงตาลึก ขอบตาดำคล้ำเพราะนอนไม่หลับและคิดมาก จนพ่อเป็นห่วง แต่ทศก็ยืนยันกับพ่อว่าเขาสบายดี
พระจันทร์ลอยขึ้นสูงเหนือยอดไม้ส่องแสงรำไรในความมืด ดวงเสี้ยวของพระจันทร์คืนนี้ช่างดูเหมือนคมเคียวในความคิดของทศ เขาเหม่อมองจันทร์เสี้ยวอยู่นาน ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในลิ้นชักหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา หลังจากวันที่รู้ข่าวตระการตาย เขาปล่อยสมุดบันทึกแช่ค้างไว้ในลิ้นชักโดยไม่คิดจะหยิบขึ้นมาเปิดอีกเลย เขาลืมไปเลยว่ายังมีรายชื่อเพื่อนอีกหกคนที่เขาเขียนไว้ด้วยแรงเกลียดชังโดยปากกาสีแดง เขามองจ้องรายชื่อเหล่านั้นเหมือนโดนสะกด นึกถึงเพื่อนแต่ละคน นึกถึงสีหน้าเยาะเย้ยถากถาง คำพูดกระทบกระเทียบที่ได้รับ
‘มันแรงพอที่จะอยากทำให้ถึงตายเชียวหรือ นี่เราเป็นบ้าอะไรไป’ ทศรำพึงกับตัวเอง ก่อนจะหยิบน้ำยาลบคำผิดมาป้ายลงบนรายชื่อเหล่านั้นจนหมด เหลือเพียงชื่อ ตระการ ที่มีรอยขีดฆ่าด้วยปากกาแดง อยู่บนหน้ากระดาษแผ่นนั้นเพียงชื่อเดียว รอยปากกาสีแดงบนหน้ากระดาษสีขาวช่างดูน่ากลัว เขาหลับตาสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วผงะไปกับรอยน้ำหมึกที่ดูคล้ายหยดเลือด ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาเอามือขยี้ตาก่อนจะเพ่งมองอีกครั้ง ก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ
แต่แล้วเขาก็เหมือนมีแรงขับบางอย่างจากภายในที่ตัวเขาไม่อาจฝืนต้านทานได้ เขาค่อย ๆ หยิบปากกาสีแดงขึ้นมาแล้วบรรจงเขียนชื่อลงไปในกระดาษแผ่นนั้น ทับลงไปบนรอยน้ำยาลบคำผิด ใต้ชื่อของ ตระการ คำนั้นอ่านว่า “ทศ” เขานิ่งมองชื่อนั้นอยู่นานเหมือนโดนสะกด ขยับปากกาสีแดงในมือ หรือเขาควรต้องชดใช้ แค่ขีดฆ่าเท่านั้น เรื่องทุกอย่างก็จะจบ แค่เขาจรดปากกาสีแดงหยิบมันขีดฆ่าชื่อนั้น เขาสองจิตสองใจอยู่นาน จิตใจสองฝ่ายต่อสู้กันระหว่างความรู้สึกผิด และการอยากมีชีวิตรอด
เสียงดังขึ้นที่ประตู พ่อเปิดเข้ามา เดินมาลูบหัวเขาเบา ๆ ทศรีบพลิกสมุดปิดคว่ำลง
“อย่านอนดึกนักนะ ช่วงนี้ลูกดูซูบผอมลงไปมาก พ่อเป็นห่วงลูกนะ” พ่อลูบหัวเขาอีกครั้งเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไป ทศน้ำตาคลอ สัมผัสอ่อนโยนที่เขาถวิลหามานานหลายปี ‘พ่อยังรักเขา’ นี่คือเหตุผลที่ดีในการมีชีวิตอยู่ เขาหยิบน้ำยาลบคำผิดขึ้นมาเปิดฝาเตรียมจะป้ายลงไปบนชื่อของเขา แต่อยู่ ๆ กลับมีลมหอบใหญ่พัดเข้ามาอย่างแรงจากหน้าต่างปึงปังทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีสัญญาณอะไรมาก่อน เขารีบลุกขึ้นเพื่อดึงหน้าต่างปิด เมื่อหันกลับมาขวดน้ำยาลบคำผิดที่เขาเปิดฝาวางไว้บนโต๊ะ น่าแปลกที่ขวดนั้นหกล้มตะแคงลงน้ำยาไหลออกจากขวดและแห้งสนิทจนทศไม่สามารถจะป้ายลงไปบนชื่อที่เขาเขียนขึ้นได้ เขาตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กายสั่นสะท้าน ทรุดลงพนมมือไหว้อยู่ข้างโต๊ะ
“เราขอโทษ ปล่อยเราไปเถอะนะตระการ เราไม่ได้ตั้งใจ เรายังไม่อยากตาย” ลมแรงพัดเอาสมุดบันทึกที่เปิดค้างไว้ตกลงมาจากโต๊ะ ทศตัวสั่นมากขึ้น เขาหยิบสมุดยัดลงไปในลิ้นชัก ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นเตียงเอาผ้าห่มคลุมโปงมิดจากหัวจรดเท้า ซุกกายนิ่งอยู่อย่างนั้น
รุ่งเช้าพ่อของทศเปิดประตูเข้ามาในห้องเมื่อเห็นทศไม่ตื่นไปโรงเรียน เขาตกใจสุดขีดเมื่อพบลูกชายนอนตัวแข็งทื่อตายอยู่บนเตียง บนหน้าอกมีสมุดบันทึกเปิดกางอยู่ เมื่อพลิกสมุดขึ้นมาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบกับชื่อสองชื่อในนั้น ชื่อแรกคือ ตระการ และบรรทัดถัดมาคือ ทศ ทั้งสองชื่อถูกเขียนด้วยปากกาสีแดง และมีรอยขีดฆ่าทั
บชื่อนั้นด้วยปากกาสีแดง…
นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึก
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
“ฆๅตกรเด็กวัด ลากศwใส่กระเป๋าเผากลางดึก ลบชีวิตปลิดชีพกะlทย
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
เปิดโผ 60 อันดับสาวเอเชียสาย Amateur ที่มียอดวิวสูงสุดใน Pornhub ปี 2025: ใครคือแชมป์ตัวจริงแห่งปี
เจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้
มาตรการ ‘มหาเถรสมาคม’ - ‘คพช.’ กู้คืนศรัทธาวงการสงฆ์: บทเรียนจากปีแห่งการล้างบาง
คุก 2 ปี "แอน จักรวาล" ไม่รอลงอาญา
เกาหลีเหนือ..จับหญิงศัลย์ฯหน้าอก ลั่นไม่เป็นสังคมนิยม
เขมรขอถก JBC ด่วน ยันไม่รับเส้นเขตแดน จากการใช้กำลังของไทย
"ภูมิรพี"เด็กไทยฟุตบอล U17 สู่ตัวหลักมือกาวมัธยมปลายในญี่ปุ่น
Avatar 3 ช่วยแบก MAJOR ไม่ไหว! กำไรดิ่งหนัก 30%
ราชินีลำภูไท มลฤดี พรหมจักร์ ผู้สร้างตำนานกลอนลำ สาวนักเรียนตำตอ
เขมรขอถก JBC ด่วน ยันไม่รับเส้นเขตแดน จากการใช้กำลังของไทย
เปิดโผ 60 อันดับสาวเอเชียสาย Amateur ที่มียอดวิวสูงสุดใน Pornhub ปี 2025: ใครคือแชมป์ตัวจริงแห่งปี
วันนี้!! ทหารไทยเหยียบระเบิดขาขาดอีกแล้ว!!
ประเทศเดียวในโลกที่ประชากรทั้งหมดนับถือศาสนาคริสต์
"ภูมิรพี"เด็กไทยฟุตบอล U17 สู่ตัวหลักมือกาวมัธยมปลายในญี่ปุ่น



