มนตราวายสะ ตอนที่ 10 ต่างคนต่างปัญหา (4)
+++++++++
“ค่ะ ก็ไม่เป็นไร ปกติฉันก็ไปกลับเองอยู่แล้ว ฉันเคยบอกคุณแล้วนี่คะว่าจริง ๆ ไม่ต้องลำบากคอยมารับมาส่งฉันอย่างนี้หรอก เสียเวลางานคุณเปล่า ๆ” สกุณาบอกอย่างเกรงใจ แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่า เมื่อโดนปฏิบัติอย่างนี้เธอรู้สึกดีใจ มีความสุข และเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญ
“ผมเป็นห่วงคุณ...จริง ๆ ชีวิตผมมันมีอะไรมากกว่าที่คุณคิด การที่คุณเข้ามาข้องเกี่ยวกับผม มันอาจจะทำให้คุณเป็นอันตราย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากอยู่กับคุณ” มันเป็นการพูดยาว ๆ เกี่ยวกับความรู้สึกแบบนี้ครั้งแรกของวายสะ ทำให้เขาพูดแล้วก็ต้องรู้สึกเขินอยู่เล็กน้อยเหมือนกัน
“คุณ...เป็นมาเฟียเหรอ หรือค้าขายของผิดกฎหมาย” สกุณาถามเสียงตื่น มองผู้ชายที่กำลังขับรถไปส่งเธอที่ทำงานอย่างไม่ไว้ใจ
“ไม่ ผมเกลียดการค้าทุกอย่างที่ผิดกฎหมาย แต่ถ้ามาเฟีย ผมไม่ใช่ แต่เป็นมากกว่านั้น ผมหมายถึงในแง่ของความยิ่งใหญ่น่ะนะ”
“ยิ่งใหญ่...” สกุณากัดริมฝีปาก หลุบตามองไปทั่วพยายามคิดว่าถ้าคิดถึงความยิ่งใหญ่ เธอจะคิดถึงอะไรเป็นอันดับแรก “เจ้าชาย...คุณเป็นเจ้าชายเหรอ” หญิงสาวถามเสียงดัง ขยับตัวชิดประตู มองคนข้าง ๆ ราวกับคนแปลกหน้า
“ฟังดูน่าสนใจ เป็นเจ้าชายเผ่าเล็ก ๆ จากเมืองลึกลับ แสนกล ที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และสิ่งมหัศจรรย์” วายสะเอ่ยถึงถิ่นฐานที่เขาเพิ่งจากมาไม่นานเท่าไหร่นัก เรียกว่าไป ๆ มา ๆ อยู่นานพอสมควร
“คุณอำอะไรฉันอยู่เนี่ย”
“ย้ายไปอยู่กับผมไหม” วายสะไม่ตอบแต่เลือกที่จะถาม ถามในสิ่งที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ไม่ว่าผลจากคืนนั้นจะเกิดหรือไม่ก็ตาม แต่เขาอยากให้สกุณาอยู่ในสายตา แม้ในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่
“คุณอำฉันอีกใช่ไหมคะ” สกุณาถามเสียงกลั้วหัวเราะ แม้จะใจเต้นผิดจังหวะกับคำถามเมื่อครู่อยู่ไม่น้อย
“ผมจริงจัง”
สกุณาอ้าปากค้าง ขยับขากรรไกรไปมา ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “ไม่ค่ะ” เธอมองเขาแล้วย้ำความตั้งใจ “ฉันจริงจัง”
“เหตุผล...”
“เรารู้จักกันน้อยเกินไป” ถึงทุกอย่างมันจะเลยเถิด แต่เธอก็ไม่รู้หรอกว่าจริง ๆ อนาคตมันจะเป็นเช่นไร วันนี้เขาอาจจะยังหลงใหลในตัวเธอ แต่ในอีกหนึ่งอาทิตย์ หนึ่งเดือน หรือนานเป็นปี เขาอาจจะเปลี่ยนใจ พอถึงวันนั้นคนลำบากก็คือเธอ
“แต่ผมรู้จักคุณดี”
สกุณาหันมามองสารภีจำเป็น อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เปลี่ยนใจ และพูดอีกอย่างออกไป “ชอบพูดแบบนี้อีกแล้ว แต่ถึงจะจริง ฉันก็ยังรู้จักคุณน้อยเกินไปจริง ๆ”
“ผมไปหาคุณได้ทุกเมื่อใช่ไหม” วายสะไม่อยากจะบังคับ คิดไปคิดมา การที่หญิงสาวยังอยู่ที่เดิมมันคงจะอิสระ เขาก็จะทำอะไร ๆ ได้ง่ายขึ้น
“ฉันห้ามคุณได้เหรอคะ” สกุณาย้อนยิ้ม ๆ
“ไม่”
“แล้วจะถามทำไมกันคะ” เธอส่ายหน้า เมื่อรถวิ่งมาจอดด้านหน้าคลินิกก็หันมายิ้มให้เขาขณะปลดเข็มขัดนิรภัยออก “ไปนะคะ”
“เย็นนี้ผมมารับครับ”
“อยากบอกว่าไม่ต้องก็ได้จัง” เธอหันมาพูดหยั่งเชิงขณะที่กำลังก้าวเท้าลงจากรถ
“พรุ่งนี้ผมจะไปทำธุระ”
“โอเคค่ะ” สกุณาปิดประตูโบกมือบ๋ายบายเขาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าคลินิก
เธอคิดว่ามาเป็นคนแรก แต่เปล่าเลย แก้วตานั่งใต้ตาคล้ำอยู่ในห้องพักอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก
“ไปทำอะไรมา หน้าตาทำไมเป็นงั้นล่ะ”
“ดื่มหนักไปหน่อย” แก้วตาตอบเสียงไร้เรี่ยวแรงขณะหมุนคอไปมาไล่ความเพลียและง่วงงุน
“ดื่มคนเดียวเนี่ยนะ”
“เปล่า ไปผับ เจออีตาสุบรรณพอดี กระเป๋าหนักโดนเลี้ยงเลยเผลอดื่มหนักไปหน่อย”
“มีอะไรหรือเปล่า ปกติเธอไม่ดื่มวันทำงานนี่” สกุณาถามอย่างเป็นห่วง เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา ถ้ารู้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันทำงาน แก้วตาจะไม่ดื่มเด็ดขาด อีกทั้งไม่ใช่คนชอบเที่ยวกลางคืน แต่นี่เล่นไปดื่มที่ผับกลางอาทิตย์อย่างนี้คงต้องมีอะไรสักอย่าง
“มีปัญหานิดหน่อยน่ะ”
“มีอะไรที่ฉันพอช่วยได้ไหม” สกุณาตบที่ไหล่ของคนที่นั่งเอาศีรษะวางพาดพนักโซฟา
“ฉันทะเลาะกับพี่”
“พี่น้องทะเลาะกันเรื่องธรรมดาน่า มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดกัน ฉันสิไม่เคยมีพี่น้องให้ทะเลาะเลยสักครั้ง” เธอพยายามทำให้อีกฝ่ายผ่อนคลาย แต่จู่ ๆ แก้วตาก็ดันพูดไปอีกเรื่อง หรือมันจะเกี่ยวข้องกันก็ไม่รู้
“ฉันอยากย้ายห้องจังเลย”
“ก็ย้ายสิ มาอยู่กับฉันก็ได้ มาไหมล่ะ” สกุณาชวนอย่างกระตือรือร้น เพราะถ้ามันเป็นจริงคงดีไม่น้อย
“ไม่เอาอะ ไม่อยากเป็นกอขอคอของเธอกับพ่อหนุ่มสายดาร์คนั่น” แก้วตาหันมามองเพื่อนด้วยสายตาล้อเลียน ยื่นมือไปเขี่ยแก้มแดง ๆ ของอีกฝ่ายแล้วหัวเราะชอบใจ
“พูดอะไรก็ไม่รู้” เธอปัดมืออีกฝ่ายออกแก้เขิน
“สรุปเธอก็เลือกพ่อหนุ่มสายดาร์คแล้วสินะ จะว่าไปก็น่าสงสารนายสุบรรณอยู่เหมือนกันเนาะ เฝ้ามาตั้งนานแถมดูจริงจังกับเธอมาก แต่สุดท้ายก็แห้วรับประทาน” แก้วตาพูดพลางขยับตัวนั่งพร้อมกับสีหน้าจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย
“แค่เขาเลี้ยงเหล้าถึงกับเปลี่ยนความคิดเลยเหรอ” สกุณาถามอย่างแปลกใจ เพราะโดยปกติแล้วแก้วตาจะพูดจิกกัดชายหนุ่มตลอด ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง
“บ้า ฉันก็แค่เป็นกังวล กลัวหมดโปรแล้วเขาจะไม่ดีกับเธอเหมือนทุกวันนี้หรือเปล่า”
“ฉันก็บอกไม่ได้หรอก ไปทำงานดีกว่า ยัยกุลมาแล้วเดี๋ยวโดนบ่น” สกุณาตบที่ไหล่ของเพื่อนรักอีกครั้ง จากนั้นก็เดินผละออกไปทำความสะอาดก่อนจะถึงเวลาเปิดคลินิกเป็นการยุติบทสนทนาในครั้งนี้