สองสามีภรรยาชาวอังกฤษ วางของใช้ไว้ผิดที่หน่อยเดียว เกือบทำไฟไหม้บ้าน
การวางข้าวของไว้ผิดที่ผิดทางนั้น อาจนำมาซึ่งความหายนะได้ อย่างเช่นแซม วิลคินสัน นางพยาบาลชาวอังกฤษวัย 48 ปีจากเมืองโรเชสเตอร์ มณฑลเคนท์ ประเทศอังกฤษให้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์เฉียดไฟไหม้บ้านโดยมีสาเหตุที่คาดไม่ถึงเมื่อไม่นานมานี้ หวังให้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจคนทั่วไป โชคดีที่ตอนเกิดเรื่อง แซมและไมเคิล คู่ชีวิตของเธออยู่บ้านพอดี พวกเขาได้กลิ่นแปลก ๆ จากในตัวบ้าน ไมเคิลเล่าว่าเขากำลังอยู่ในห้องทำงานซึ่งอยู่ใต้ห้องที่เกิดเหตุเพลิงไหม้พอดี จึงได้กลิ่นเหม็นไหม้ ไมเคิลบอกว่ากลิ่นนั้นเหมือนกลิ่นขนมปังไหม้ ตอนแรกเขาคิดว่าพัดลมในห้องร้อนจัดจนมีปัญหา จึงลองตรวจดู จากนั้นก็ลองไปดูในครัวว่ามีใครทำอาหารอยู่หรือเปล่า ซึ่งเป็นตอนที่เขาได้ยินเสียงเตือนของเครื่องดักจับควันไฟที่ชั้นบน ไมเคิลซึ่งตกใจมากในตอนนั้นรีบวิ่งขึ้นไปดูที่ชั้นบนเพื่อบอกแซม จากนั้นทั้งคู่ก็วิ่งออกจากบ้านและโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉิน เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาถึง พวกเขาก็จัดการควบคุมเพลิงไหม้ที่ลุกโหมอยู่บนชั้น 3 ของบ้านและช่วยเจ้าแมวน้อยในบ้านออกมาได้ด้วย ห้องที่เกิดเพลิงไหม้คือห้องนอนของพวกเขาเอง ข้าวของหลายอย่างเสียหายเพราะเปลวไฟ รวมทั้งฝาผนังบางส่วน แต่โชคดีที่ประตูห้องกันเปลวไฟไว้ไม่ให้ลุกลามออกมายังส่วนอื่นๆของบ้าน ต่อมา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่สืบสวนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ได้บอกต้นเหตุที่ทำให้เกิดเปลวเพลิงในครั้งนี้ซึ่งทำให้ทั้งคู่อดประหลาดใจไม่ได้ เจ้าหน้าที่สรุปว่า แสงแดดที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอนและโดนกระจกแต่งหน้าที่วางอยู่บนโต๊ะ กระจกบานนี้ไม่เพียงสะท้อนแสงไปยังผ้าม่านแต่ยังทำหน้าที่คล้ายเลนส์รวมแสงได้เข้มข้นพอที่จะทำให้เกิดความร้อนและเผาไหม้ผ้าม่านในห้อง จากนั้นไฟก็ลุกลามจนไหม้ทั้งห้อง ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้คนทั้งสองรู้ว่าอย่าวางสิ่งของที่สามารถสะท้อนแสงได้ไว้ใกล้หน้าต่างที่โดนแสง เพราะมันอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้ พวกเขาจึงอยากแบ่งปันเรื่องราวเพื่อเตือนใจคนทั่วไปให้ระมัดระวังและอย่ามองข้ามรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในบ้านเช่นนี้นั่นเอง