ความเงียบของเครื่องยนต์รถไฟฟ้า กับความอันตรายของคนเดินเท้า
อย่างที่รู้ๆกันว่าเหรียญนั้นมี 2 ด้าน รถไฟฟ้าหรือ EV ก็เช่นกัน โดยรถยนต์ไฟฟ้า EV ถือเป็นพระเอกแห่งยุคนี้จริง ๆ เพราะเป็นนวัตกรรมยานยนต์ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ตอบโจทย์โลกที่กำลังเจอปัญหาภาวะโลกเดือด อันมีต้นตอมาจากยานพาหนะ ที่เป็นเหมือนตัวร้ายปล่อยก๊าซเรือนกระจกทำลายโลก แม้จะดีต่อโลก แต่รู้หรือไม่ว่าความเงียบของรถยนต์ไฟฟ้า EV อาจเป็นปัญหาให้คนเดินเท้าได้เหมือนกัน เปิดสถิติบนท้องถนนมีคนถูกรถยนต์ EV ชนไปเท่าไหร่ ข้อมูลจากการสำรวจการเดินทางแห่งชาติอังกฤษ (NTS) ได้เก็บข้อมูลผู้ใช้รถใช้ถนนของแดนผู้ดี ระหว่างปี 2556 – 2560 พบว่ามีคนเดินเท้าถูกรถ (ทุกประเภท) ชน 120,197 มี 96,285 ราย ที่ถูกรถยนต์หรือแท็กซี่ชน และมี 71,666 รายที่ถูกชนด้วยรถยนต์สันดาป และมี 1,652 ราย ที่เกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ไฟฟ้า EV ปัจจัยหลักของอุบัติเหตุจากรถยนต์ไฟฟ้า EV คือ เสียง ข้อมูลจากมิชลิน ระบุว่า รถยนต์อีวีไม่มีเครื่องยนต์ แต่อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ ดังนั้น มอเตอร์ของรถก็แทบจะเงียบสนิท หรือแทบไม่ได้ยินเลย เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ เมื่อรถยนต์อีวีวิ่งด้วยความเร็ว 30 กม./ชม. เราแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
รถยนต์สันดาปดังกว่ามากโข เรื่องนี้น่าเป็นห่วงจนถึงขั้นสหภาพยุโรปต้องออกกฎให้รถยนต์ไฟฟ้าปล่อยเสียงที่มีความดังอย่างน้อย 56 เดซิเบล เพื่อลดความเสี่ยงที่คนเดินถนนจะเกิดอุบัติเหตุ มีคนเปรียบเทียบว่าระดับเสียง 56 เดซิเบล จะส่งเสียงดังเท่าเครื่องล้างจาน เสียงคอมพิวเตอร์ในออฟฟิศ หรือเสียงบรรยากาศเงียบ ๆ ของร้านที่ไม่มีลูกค้า อย่างน้อยก็ช่วยให้คนเดินถนนได้ยินล่วงหน้า หรือไม่เผลอจนเกิดอุบัติเหตุขึ้น ในเขตเมืองมีสิทธิเกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ไฟฟ้า EV มากขึ้น ลองนึกภาพว่าคุณเดินอยู่ริมถนนสุขุมวิท หรือย่านใดก็ได้ของกรุงเทพฯ ที่มีรถพลุกพล่าน คุณอาจเพลิดเพลินตาไปกับอาหารข้างทาง จนละเลยวิสัยทัศน์การมองเห็นไป ในกรณีของรถยนต์ไฟฟ้า EV จะอันตรายขึ้นทันที เพราะพี่เขามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง อย่างไรก็ดี เสียงของรถยนต์ไฟฟ้าอีวีจะไม่เป็นปัญหา หากทุกย่างก้าวของเราถูกย่ำไปด้วยสติและไม่ประมาทตลอดเวลา เราก็จะปลอดภัยนั่นเอง