เปิดข้อถกเถียงเรื่องเพศในวงการมวยสากลหญิง
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ผ่านมา เคลิฟ นักมวยหญิงที่มีสถิติการน็อคเอาท์คู่แข่งเพียง 11.1% จากการแข่งขัน 49 นัด และแพ้ไปถึง 9 นัด ต้องตกรอบรองชนะเลิศจากการพบกับนักมวยหญิงจากไอร์แลนด์อย่าง Kellie Harrington ที่ท้ายสุดคว้าเหรียญทองในรุ่นนั้นไปได้ โดยไม่เคยมีการพูดถึง “เพศ” หรือ “ระดับฮอร์โมนเพศชาย” ของเธอเลย แต่กรณีของเคลิฟกลับถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นทางสังคมอย่างมาก ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
● การวิพากษ์วิจารณ์เรื่องฮอร์โมนเพศชาย
มีความพยายามในการกล่าวอ้างว่าเคลิฟมีความแข็งแรงกว่านักมวยหญิงคนอื่น ๆ เนื่องจากมีฮอร์โมนเพศชายสูง ซึ่งทำให้เธอได้เปรียบหรือสามารถทำอันตรายคู่แข่งได้มากกว่า แต่จากสถิติการแข่งขันของเคลิฟที่มีการน็อคเอาท์คู่แข่งเพียง 11.1% และแพ้ถึง 9 นัด จากทั้งหมด 49 นัด ดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกับข้อกล่าวหาดังกล่าว
● ความจริงทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับโครโมโซม XY
มีการยืนยันในทางวิทยาศาสตร์ว่า ผู้หญิงบางคนอาจมีโครโมโซม XY ซึ่งเป็นความผิดปกติทางธรรมชาติที่เรียกว่า "disorder of sex development" (DSD) ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นคนข้ามเพศ อีกทั้งยังสามารถคลอดบุตรได้ด้วย เคลิฟมาจากประเทศมุสลิมที่มีกฎหมายเอาผิดกับคนข้ามเพศ และเธอระบุเพศหญิงมาตลอดชีวิต
● กรณีของ IBA และความโปร่งใส
การที่เคลิฟและนักชกหญิงจากไต้หวันถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันโดย International Boxing Association (IBA) ที่ขาดความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลการทดสอบ ทำให้เกิดข้อสงสัยในความน่าเชื่อถือขององค์กรนี้
ข้อโต้แย้งจากฝ่ายขวาและ J.K. Rowling
J.K. Rowling และฝ่ายขวาได้จุดกระแสว่าผู้ที่รู้ตัวว่าเป็น DSD ไม่ควรมาแข่งขันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บกับนักกีฬาหญิงคนอื่น ๆ แต่ความจริงแล้วไม่มีกฎระเบียบที่ห้ามคนเหล่านี้ลงแข่งขัน และไม่มีสถิติใดที่แสดงให้เห็นว่านักกีฬาที่มีเพศกำกวมทำให้คู่แข่งบาดเจ็บมากกว่าปกติ
การป้องกันการบาดเจ็บในกีฬา
ในการแข่งขันกีฬา มีย่อมมีมาตรการป้องกันการบาดเจ็บรุนแรงอยู่แล้ว การนำประเด็นเรื่องเพศหรือ DSD ขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการห้ามไม่ให้เคลิฟและนักมวยหญิงคนอื่น ๆ ที่มีภาวะ DSD ลงแข่งขันนั้นดูไม่สมเหตุสมผล และเป็นการทำลายโอกาสของนักกีฬาหญิงเหล่านี้ในการแข่งขันอย่างเท่าเทียม
● การวิจารณ์เรื่องเพศและฮอร์โมนเพศชายของเคลิฟในวงการมวยหญิงนั้น เป็นเรื่องที่ควรพิจารณาให้รอบด้านและยุติธรรม การมุ่งเน้นที่การสร้างความเท่าเทียมและความโปร่งใสในการแข่งขันกีฬา ควรเป็นเป้าหมายหลัก มากกว่าการใช้ประเด็นทางเพศเป็นเครื่องมือในการสร้างความขัดแย้งและความไม่เท่าเทียมในวงการกีฬา.