ปลาหมอคางดำ: ฝูงมัจฉาจอมคุกคาม
จากประเด็นร้อนในหมู่ผู้ทำอาชีพหาปลาและเกษตรกรในพื้นที่อ่าวไทยที่มีการพบปลาต่างถิ่นอย่างปลาหมอสีคางดำระบาด สื่อต่างๆ และนักวิจัยได้ให้ความสนใจต่อเคสของการระบาดของปลาชนิดนี้ที่เพิ่มมากมาย เพื่อที่จะรับมือและรู้จักกับมัน เราจะมาทำความรู้จักกับปลาชนิดนี้ให้มากขึ้นกันนะ
ประวัติความเป็นมาของปลาหมอคางดำ
ปลาหมอคางดำ, Blackchin Tilapia ชื่อวิทยาศาตร์ (Sarotherodon melanotheron) เป็นปลากลุ่มปลาหมอสีที่มีถิ่นกำเนิดตามแม่น้ำ บึง หนอง คลองและพื้นที่ปากอ่าวรวมถึงชะวากทะเลของทวีปแอฟริกาตะวันตก ไล่ตั้งแต่ประเทศกาน่า ไลบีเรีย โคเต้ดิไอวัร์ แคมเมอรูน กีนี และไนจีเรีย มีความยาว 10-20 เซนติเมตร มีลักษณะคล้ายปลานิล แต่มีส่วนหัวที่ยาวโค้งเป็นครึ่งวงกลม มีปื้นสีดำที่คางตามชื่อ ลำตัวมีสีเงิน สีเทา ไปจนถึงสีน้ำตาลมะกอก กินทั้งพืชและสัตว์และยังมีอัตราการเผาผลาญพลังงานที่สูงจึงทำให้กินอาหารได้จุมาก มีขนาดตัวที่เล็ก จึงมักจะพบหลบนอนตามวัสดุใต้น้ำ รากไม้ กอสาหร่ายและหญ้าทะเล มักพบเป็นฝูงหรือเดี่ยวๆ โดยปลาหมอคางดำนั้นปรับตัวเข้ากับน้ำเค็มได้ด้วยการปรับสมดุลของน้ำในเซลล์ผ่านการระบายออกพร้อมของเสียทางเหงือก จึงทำให้ปลาชนิดนี้ทนค่าความเค็มได้สูงถึง 15-30 ppt เลยทีเดียว เมื่อมีอายุถึง 6 เดือน ก็สามารถวางไข่ได้ ปลาหมอสีคางดำเฉลี่ยแล้วมีอายุยืนสุดได้ถึง 2-3 ปีเลยทีเดียว
ปลาหมอสีคางดำ เป็นปลาหมอสีที่มีพฤติกรรมวางไข่โดยการขุดพื้นเป็นรังกว้าง ตัวผู้และตัวเมียจะมารวมตัวจับคู่ โดยสามารถจับคู่กับตัวเมียได้หลายๆ ตัว เมื่อผสมไข่และน้ำเชื้อแล้ว แม่ปลาจะคอยพัดวีไข่ด้วยครีบหางหรือครีบอกให้อ๊อกซิเจนกับไข่จนไข่ฟัก ลูกปลาแรกเกิดมีความโปร่งใส มีถุงไข่แดงติดตัวซึ่งจะยุบลงมื่ออายุมากขึ้น ในระยะนี้ ลูกปลาจะอาศัยอาหารจากแม่ปลาและแม่ปลาจะอมลูกเวลามีนักล่าเข้ามาใกล้ เมื่อลูกปลาอายุ 2 เดือนก็จะสามารถแยกย้ายใช้ชีวิตได้
ในธรรมชาติของทวีปแอฟริกา มีนักล่านานาชนิดที่ล่าปลาหมอคางดำ ทั้งนากแม่น้ำ จระเข้แม่น้ำไนล์ โลมา ปลาเก๋า ปลากะพงแดงหรือคูเบร่า ปลาสากหรือบาราคูด้า พะยูนแมนนาที ตะกวดแม่น้ำไนล์ ๆลๆ เป็นต้น จึงจัดว่าได้รับการควบคุมเป็นอย่างดี
พวกมันมาไทยได้อย่างไร?
การนำเข้าปลาหมอสีคางดำ เริ่มในปี พ.ศ. 2557 โดยบริษัทเอกชนด้านปศุสัตว์และเนื้อสัตว์แห่งใหญ่แห่งหนึ่งนำเข้ามายังประเทศไทย โดยมีการทดลองเลี้ยงและเพาะพันธฺุ์ในบริเวณจังหวัดสมุทรสาคร แต่เมื่อการทดลองจบลง ปลาหมอคางดำตัวอย่างกลับไม่ได้ถูกกำจัดและหลุดรอดไปในแหล่งน้ำธรรมชาติ ด้วยความรวดเร็วของการขยายพันธุ์และจำนวนนักล่าในพื้นที่เลี้ยงสัตว์น้ำน้อย ปลาหมอคางดำจึงขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วเติบโตจนแซงหน้าปลาชนิดอื่นได้ และพวกมันยังชอบกินกุ้งและปูขนาดเล็กในแหล่งน้ำอีกด้วย จึงเป็นตัวอันตรายสำหรับสัตว์น้ำท้องถิ่นของไทยเลยทีเดียว ปัจจุบันนี้ตามกฏหมายในปี 2567 ปลาหมอสีคางดำจัดเป็นชนิดพันธุ์ต้องห้ามการเพาะพันธุ์หรือเลี้ยงไว้ในครอบครองจากสัตว์น้ำอื่นๆ อีก 13 ชนิด
ตอนนี้ พวกมันระบาดเยอะมากเลยนะ!
เนื่องจากความสามารถในการอพยพออกลูกหลานได้ตามแนวป่าชายเลนและอพยพขึ้นต้นน้ำได้ พวกมันแพร่กระจายไปจนถึงบึงมักกะสัน ในวันที่ 16 กรกฏาคม พ.ศ. 2567 ปลาหมอคางดำก็แพร่กระจายไปถึงแหล่งน้ำจืดอย่างบึงมักกะสันและประตูน้ำต่างๆ ด้วยขนาดตัวที่เล็ก ปะปนกับปลานิล เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวบ้านและผู้คนพากันลงไปจับปลาเหล่านี้มาบริโภคและขายกันเป็นจำนวนมาก คาดว่าหากไม่หยุดยั้ง พวกมันอาจจะขึ้นไปถึงต้นน้ำได้เลยทีเดียว
มาตรการการจัดการเอเลี่ยน ให้ความรู้ สู้ กิน!
ตอนนี้ กรมประมงจังหวัดต่างๆ มีการรับซื้อปลาหมอคางดำที่ตายแล้วมาทำเป็นปลาป่นในอุตสาหกรรมและปุ๋ยชีวภาพ อีกทั้งยังมีมาตรการปล่อยปลากะพงขาวที่เป็นนักล่าท้องถิ่นก็ดูจะไม่ค่อยช่วยมากนักสวนทางกับการขยายพันธุ์ของปลาหมอคางดำ จึงมีการรนรงค์ให้เกษตรกรและผู้ทำประมงให้จับปลาหมอคางดำมาทำเป็นอาหารหรือนำไปขายเป็นอาหาร ด้วยกระแสข่าวที่ดังมากๆ จึงทำให้ปลาเหล่านี้ได้รับอิธิพลต่อสื่อของประเทศไทยในช่วยกันรนรงค์
สุดท้ายแล้ว แม้จะไม่สามารถกำจัดได้ทั้งหมด แต่การช่วยควบคุมลดจำนวนของปลาหมอคางดำสำคัญมากๆ ดังนั้นจึงควรมาช่วยกันคนละไม้คนละมือนะครับ!
อ้างอิงจาก: https://www.sanook.com/news/9477250/
https://www.bbc.com/thai/articles/cxw2pk1gyl9o















