กรรมติดจรวด
เรื่องสั้น
เรื่อง
กรรมติดจรวจ
กรรมติดจรวจ
เรื่องราวของบาปบุญคุณโทษ และคุณงามความดี ในจิตใจของมนุษย์จากสังคมรอบข้างทั่วๆไป และที่เห็นด้วยตาของตัวเอง ประสบพบเจอได้ในแต่ละเมื่อเชื่อวัน ไม่มีกฏเกณฑ์อะไร ตายตัว ว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนี้ชั่ว ทุกอย่างต้องพิจารณาด้วยสติ และผลของการกระทำจึงรู้แจ้งเห็นชัด
เรื่องราวนั้นเป็นเรื่องราวที่เกิดในครอบครัวหนึ่ง ที่มีนางเอ เป็นตัวเอกของเรื่องนี้ เธอนั้นได้แต่งงานกับสามีของเธอชื่อ นายตุ้ย ซึ่งเป็นลูกชายของยายเพลิน ตัวละครเอก ของเรื่องนี้อีกคนหนึ่ง
ในช่วงแรกๆนั้น การใช้ชีวิตเป็นครอบครัวของนางเอ กับ นายตุ้ย ในช่วงวัยหนุ่มสาวนั้นก็ดูเป็นปกติดี ไม่มีอะไรมากมาย นางเอ กับยายเพลินก็เข้ากันได้ดี ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน โดยนายตุ้ยนั้นเขาได้แยกบ้านออกมาปลูกบ้านเอง เพื่ออาศัยอยู่กับภรรยา และลูกชายของเขาอีกจำนวน 2 คน ซึ่งบ้านที่พวกเขาปลูกนั้นก็อยู่ติดๆกัน กับบ้านของยายเพลิน
ซึ่งบ้านของยายเพลินนั้น ยายเพลินพักอาศัยอยู่กับลูกสาวเป็นน้องสาวของนายตุ้ย ที่มีชื่อ ว่า น้อย ซึ่งเธอนั้นก็แต่งงานมีครอบครัวกับสามีของเธอที่ชื่อ ว่านายเจิด มีลูกด้วยกัน 2 คนเช่นเดียวกัน เพราะนายเจิดนั้นเขามีฐานะไม่ดี จึงได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านของแม่ยาย
ยายเพลินแกเป็นผู้หญิงที่เกิดในสมัยก่อน ผู้หญิงยุคนั้นมีลูกเยอะ หลายคน ทั้งหญิงและชายรวมๆแล้วก็ประมาณ 9 คนส่วนมากก็จะแต่งงานมีครอบครัว และใช้ชีวิต ที่ต่างจังหวัด สามีของยายเพลินตายจากไป ยายเพลินแกก็อาศัยอยู่ที่บ้านกับลูกสาวชื่อ น้อยและสามีของเธอ ลูกชายและลูกสาวของน้อยนั้นก็แต่งงานมีครอบครัวไปหมดแล้ว
ส่วนนางเอผู้เป็นสะใภ้นั้นสามีของเธอก็ได้ตายจากลาไปตั้งแต่ตอนที่นางเออายุได้ประมาณ 40 ปี ด้วยความที่เธอนั้นเป็นผู้หญิงเจ้าชู้มากรัก เธอนั้นได้แอบมีสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นมาตลอดๆที่มีโอกาส ตั้งแต่ที่เธอนั้นแต่งงานกับนายตุ้ยใหม่ๆ เพราะนายตุ้ยเขานั้นมีอาชีพขับรถรับจ้างที่กรุงเทพฯ
หนึ่งในชายชู้ หรือกิ๊กของเธอนั้นก็มีนายเจิดสามีของน้อยรวมอยู่ด้วย
ในค่ำคืนหนึ่งในขณะที่น้อยเธอนั้นแกล้งนอนหลับ เพราะว่ารู้สึกระแวง ระแคะระคาย อะไรบางอย่างเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายเจิดผู้เป็นสามีของเธอ
ที่ภายในห้องนอนชั้นล่างของบ้านของนายตุ้ย บนเตียงนอนที่พี่ชายของน้อยนั้นเคยนอนกับนางเอ พี่สะใภ้ แต่ทว่าตอนนี้ บนนั้นหญิงโฉด ชายชั่ว นางเอ กับนายเจิดสามีของน้อยนั้นกำลัง ระเริงรัก เล่นเลิฟซีน กันอย่างดุเดือด ถึงพริก ถึงขิง อยู่บนเตียงนอน
เสียงคราง ซี๊ดๆๆซ๊าดๆๆๆด้วยความสุขสม ในรสสวาท ที่แสนเพลิดเพลิน สุดสยิว นั้นทำให้ ทั้งสองคนนั้นลืมตัวไม่สามารถอดกลั้น ความสุขสมที่มีได้จนต้องร้องครวญครางออกมาเป็นภาษารัก
ตับๆๆๆตับๆๆๆๆ เสียง กระแทก กระทั้น เพื่อหาความสุขจากเรือนร่างของกันและกัน ดังสนั่นลั่นห้อง ช่างเป็นกิจกรรมเข้าจังหวะที่แสนจะร้อนแรงสุดๆระหว่างนางเอ และนายเจิด
อ่าๆๆซี๊ดๆๆๆเสียงครางเสียว อย่างสุขสมของนายเจิด
แหม !!! พี่เจิด ไปอดอยากปากแห้งมาจากไหนกันจ๊ะ ถึงได้ทำรุนแรงกับเอ แบบนี้ ระบม ช้ำไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย
ก็น้อย เมียของพี่นะเธอสุขภาพไม่ดี ป่วย สามวันดีสี่วันไข้ พี่ก็อดเรื่องบนเตียงมานาน มันก็เลยหิวจัดแบบนี้ละจ๊ะ เอจ๋า
พี่เจิดไม่ต้องเป็นห่วงนะ เอจะช่วยพี่เจิดบรรเทาความหิวโหยเองนะพี่ แต่ว่าพี่เจิดต้องรักเอให้มากๆมากกว่าน้อยด้วยนะ
แน่นอนอยู่ แล้วจ๊ะ ก็เอ นะทำให้พี่เจิดนะมีความสุขจนล้นแบบนี้นี่จ๊ะ
พี่เจิด !!!น้อยอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวดหัวใจเป็นที่สุด เสียใจมากๆกับสิ่งที่เธอนั้นเห็นและรับรู้ น้อยซึ่งแอบดู และได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างที่ทั้งสองคนนั้นพูดคุยกันทั้งหมด ทั้งผัวรักของเธอ และพี่สะใภ้ของเธอ ทั้งสองนั้นเล่นชู้กัน ทำให้น้อยนั้นรู้สึกเสียใจมากๆ ไม่คิดว่าคนใกล้ตัวจะทำร้ายกันได้แบบนี้ ด้วยความที่เธอนั้นสุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว พอได้มารับรู้เรื่องแบบนี้เข้าไปอีก มันก็ทำให้สุขภาพของเธอนั้นยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก อีกไม่กี่เดือนต่อมา น้อยเธอก็เสียชีวิต ปล่อยให้ ยายเพลิน แม่ผู้แก่ชราวัย 93 นั้นต้องอาศัยอยู่กับนายเจิด ผู้เป็นสามีของเธอ กับธง ลูกชายและบัวลูกสะใภ้
เมื่อน้อยไม่อยู่ ความเป็นอยู่ของยายเพลินนั้นก็ลำบาก ชีวิตไม่เหมือนเดิม เพราะสายตาที่ฝ้าฟาง และเดินเหินไม่สะดวก ลูกเขย หลานชายและหลานสะใภ้นั้นก็ไม่ค่อยสนใจยายเพลิน ปล่อยให้ขับถ่าย ฉี่ รดเสื้อผ้าที่นอน จนเหม็นคุ้งไปหมดสภาพนั้นน่าเวทนายิ่งนัก
เวลาที่ยายเพลินเจ็บป่วยก็ไม่ค่อยมีใครสนใจดูแล เหมือนเคย ดีหน่อยที่ยายเพลินนั้นยังมีลูกสาวที่อายุเยอะอีกคน ชื่อยายหมีอายุ 70 ปีแล้ว อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านถัดกันไป คอยขี่มอเตอร์ไซค์ เอาอาหารมาส่ง แล้วก็เอาเสื้อผ้าไปซักให้ แต่ด้วยความที่อายุเยอะแล้วทุกอย่างนั้นก็เป็นไปด้วยความทุลักทุเล โดยเฉพาะเวลาที่ต้องยกผ้าห่มนวมหนาๆไปซัก เพราะเวลาที่โดนน้ำแล้วมันหนุกสุดๆๆๆๆสำหรับคนแก่อย่างยายหมี
ส่วนนางเอนั้น ที่เป็นลูกสะใภ้ของยายเพลิน ก็มีทำอาหารให้ยายเพลินบ้างๆๆนิดๆหน่อยๆ แต่ก็เหมือนรวมหัวกันแกล้งคนแก่ เพราะชอบทำอาหารเผ็ดๆ ถ้าเป็นปลาก็มักจะเอาส่วนที่มีก้างให้ยายเพลิน ทำแบบนั้น ทั้ง สะใภ้ หลานสะใภ้ และลูกเขย
นางเอ นั้นเธอยังแอบแซ่บกับนายเจิดอยู่เสมอๆแล้วก็มีอะไรกับหนุ่มๆคนอื่นอยู่ตลอด ชีวิตนั้นไม่ได้ว่างเว้นจากผู้ชาย
ทุกคนนั้นทำราวกับว่ายายเพลินนั้นเป็นสิ่งของที่ไร้ค่า ไม่มีประโยชน์ ทั้งๆที่ยายเพลินนั้นก็มอบทั้ง ที่ดิน บ้าน และเงินเก็บจำนวนไม่ใช่น้อยๆให้พวกเขาไป ใช้ผลาญเล่น พอได้ทรัพย์สินไปจนหมด คนแก่ไม่เหลืออะไร พวกเขาก็ทำเป็นรังเกียจ
ชีวิตของยายเพลินในวัย 93 นั้นพูดได้ว่าถ้าไม่มีลูกสาวคนโตที่ชื่อ ยายหมี ยายเพลินก็คงตายไปแล้ว
เมื่อมีคนรู้จักของยายเพลินหรือญาติๆมาจากต่างจังหวัด นายเจิดกับนางเอ ก็ทำท่าทางเป็นพูดดี บอกว่าดูแลยายเพลินด้วยความห่วงใย และความรัก เมื่อลูก หรือญาติของยายเพลินที่อยู่ที่ต่างจังหวัดโอนเงินมาให้ยายเพลิน นายเจิดกับลูดชาย ก็จะริบมาใช้จ่ายจนหมดเกลี้ยง
ในวันหนึ่ง ยายเพลินแกนั่งเล่นอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ และเกิดปวดฉี่ขึ้นมา ด้วยความที่อายุมาก ตัวใหญ่เดินลำบาก ยายเพลินแกก็ฉี่ใส่ผ้าซิ่น และแคร่ โดยตามปกติด ยายหมีจะล้างแคร่ให้ แล้วก็เอาผ้าถุงไปซักให้ แต่วันนั้นยายหมีนั้นยังไม่มา
นางเอ เดินมาเห็นเข้าก่อน เธอเอามือบีบจมูกของตัวเอง ทำท่าทางรังเกียจ สะอิดสะเอียน ทำไมแม่ไม่เดินไปเข้าห้องน้ำ ยี้ สกปรก โสโครก ทุเรศทุรัง ถ้าต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ฉันขอตายซะดีกว่า
นางเอ พูดออกมาแบบไม่ใช้สมองคิด ทั้งๆที่ก็รู้ว่ายายเพลินนั้นเดินลำบาก บางทีจะลุกก็ทำแทบไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อพูดเสร็จแล้วเธอก็ปล่อย ให้ยายเพลินนั่งอยู่ในสภาพแบบนั้น ไม่คิดจะเข้าไปช่วยเหลือดูแลอะไร เดินหนีไปเล่นที่บ้านของเพื่อนบ้านคนอื่นต่อหน้าตาเฉย แล้วก็ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จว่าตัวเองนะช่วยดูแลแม่สามีอย่างดี ถึงแม้ว่าผัวจะตายจากเธอไปนานแล้วก็ตามที สมกับที่ยายเพลินโอนที่ดินให้ ถึงพี่ตุ้ย กับน้อยจะไม่อยู่แล้ว เอก็ช่วยดูแลยายเพลินอย่างดี
เธอนั้นก็นินทาแม่ย่าไปด้วย ว่า ทำตัวโสโครก ทุเรศ อย่างนั้น อย่างนี้ ทั้งๆที่ความจริงแล้วไม่มีใครอยากที่จะเป็นแบบนั้น แต่มันเป็นเพราะฝืนความชรา และสังขารที่ร่วงโรยไม่ไหวต่างหาก
จนกระทั้งเมื่อวันปีใหม่ หลังจากที่ไปกินเลี้ยง แล้วกลับมาที่บ้าน แล้วก็เข้านอนตามปกติ จู่ๆ นางเอ ก็เกิดอาการชักกระตุก และเส้นเลือดในสมองแตก ในวัย 60 ปี
ธง หลายชายที่เป็นลูกของ
น้อยกับนายเจิดเป็นคนพานางเอไปส่งโรงพยาบาล และโทรบอกลูกชายของนางเอทั้งสองคนให้มาดูอาการ
จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น นางเอกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ทานอาหารทางสายยาง ขับถ่าย ฉี่ ต้องนอนทำบนเตียง
ต๊อด ลูกชายของนางเอ เป็นคนดูแลแม่ของเขา ยายเพลินนั้น ไม่เคยโกรธ หรือ อาฆาต ที่ลูกสะใภ้ทำไม่ดีด้วย ยังรู้สึกเป็นห่วงนางเออยู่เสมอ เพราะเห็นหน้ากันมานาน 30 กว่าปี
บ้านที่อยู่ใกล้กันห่างกันไม่ถึง 5 เมตร เดินก็เดินไม่ได้ ยายเพลินจึงได้แต่ตะโกนถามอาการลูกสะใภ้กับต๊อดหลานชาย
ต๊อดเอ้ย!! แม่อาการดีขึ้นหรือยังหลาน
ไม่เลยครับย่า ต๊อดเขาตอบกลับผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย
ทิดเจิด เขานั้นเดินมาเยี่ยมอาการป่วยของนางเอ ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ร่างกายซูบผอมไม่เหลือเค้าเดิม นั้นทำให้เขาฉุกคิด และได้สติ กลับคืนมานิดหนึ่ง
ที่เอ เป็นแบบนี้ เพราะชอบว่าให้ยายเพลินหรือเปล่านะ ดูสิเอถึงต้องมามีสภาพแบบนี้ หนักกว่ายายเพลินอีกหลายเท่าตัวเลย ยายเพลินยังนั่งได้ คุยกับคนอื่นรู้เรื่อง โต้ตอบได้ปกติ แต่นี่นิ่งเป็นผักเน่าเลย
แล้วกูเอง ขนาดกูยังดีๆอยู่ ลูกเต้าแม่งก็ไม่สนใจ ใส่ใจพ่อเลย มันเป็นเวร เป็นกรรม ที่ทำไม่ดีกับผู้มีพระคุณหรือเปล่านะ
ยายเพลินถึงไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิด แต่ก็ดีกับเรามาตลอด ตั้งแต่แต่งเป็นเขย และอยู่บ้านหลังเดียวกันมา 30 กว่าปีไม่เคยด่า ไม่เคยว่า ขนาดกูไม่ค่อยดูแล ข้าวก็ให้กินบ้าง ไม่ให้กินบ้าง
ทิดเจิด เขานั้นเริ่มเห็นสัจจะธรรมในชีวิต และคิดได้ เขาไม่อยากมีสภาพเหมือนเช่น นางเอ เพราะการว่าร้าย และทำไม่ดีกับผู้ที่มีพระคุณราวกับแม่อีกคนหนึ่ง ยายเพลินให้ทั้งบ้าน ที่ดิน และเงินทองกับพวกเขาได้ใช้จ่าย แต่พวกเขานั้นมันไม่เคยพอ และทำตัวเนรคุณ เพราะสิ่งที่ยายเพลินนั้นมอบให้มานี้ ขนาดแม่แท้ๆของเขายังไม่มีให้เขาเลย เพราะที่บ้านดั้งเดิมของนายเจิดนั้นมีฐานะยากจนมากๆ
เขาน้ำตาซึม แล้วก็ตั้งสติ ไม่เอาแล้วกู ไม่กล้าทำเลวๆกับยายเพลินแบบนี้อีกแล้ว สิ่งที่ทำไม่ดีมาทั้งหมดไอ้เจิดขออโหสิ และขอโอกาสเริ่มทำความดีใหม่นะครับยายเพลิน นายเจิดพูดคนเดียวในใจ
หลังจากนั้นเป็นต้นมา นายเจิดเขาก็เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ ทำดีกับแม่ยายมากกว่าเดิม พูดดีๆกับลูกชาย และลูกสะใภ้ ช่วยกันกับ ยายหมี ดู และยายเพลินตามความสามารถที่จะทำกันได้ให้ดีที่สุด
ส่วนนางเอนั้น เสียดาย ที่ไม่ได้มีโอกาสเริ่มใหม่ เธอเสียชีวิตในอีก 3 เดือนต่อมา ก่อนวันที่จะเสียชีวิตนั้น ต๊อด เขาเห็นแม่ของเขานั้นเอียงใบหน้าไปทางฝั่งบ้านของยายเพลิน น้ำตาไหลอาบสองแก้มไม่หยุดไม่มีใครล่วงรู้ ว่าในใจของเธอในขณะนั้นรู้สึกเช่นไร และคิดอะไรอยู่กันแน่
จบบริบูรณ์….
***ขอขอบพระคุณท่านผู้อ่านทุกท่าน ขอให้มีความสุขและพบเจอแต่สิ่งดีๆมีสุขภาพกาย สุขภาพใจ ที่เข็มแข็ง สุขภาพแข็งแรงค่ะ****
นางสิงโต…