โปรเจกต์ยักษ์สะดุด! THE LINE เมืองกระจกแห่งอนาคตของซาอุ
มีแหล่งข่าวมาว่า ซาอุดีอาระเบียมีการปรับลดเป้าหมายระยะกลางสำหรับการพัฒนา ‘NEOM’ โครงการใหญ่ที่สุดในแผนปฏิรูปเศรษฐกิจที่ไม่พึ่งพาน้ำมันของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ผู้เป็นรัชทายาทของราชบัลลังก์
เดิมทีรัฐบาลคาดหวังว่าภายในปี 2030 จะมีประชากร 1.5 ล้านคนอาศัยอยู่ใน "THE LINE" เมืองแห่งอนาคตที่ทอดยาวภายในตึกระฟ้ากระจกคู่ แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าจะมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 3 แสนคนภายในปีนั้น เจ้าหน้าที่เคยระบุว่า THE LINE จะถูกสร้างในหลายเฟส และคาดว่าจะครอบคลุมพื้นที่ทะเลทรายยาว 170 กิโลเมตรตามแนวชายฝั่ง อย่างไรก็ตาม ด้วยการปรับลดเป้าหมายล่าสุด คาดว่าจะมีเพียง 2.4 กิโลเมตรของโครงการเท่านั้นที่จะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2030
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้รับเหมาอย่างน้อยหนึ่งรายเริ่มปลดพนักงานส่วนหนึ่งที่ทำงานในสถานที่ก่อสร้าง ขณะที่ตัวแทนของ NEOM และกองทุนพัฒนาการลงทุนสาธารณะของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นเจ้าของและให้ทุนสนับสนุนโครงการหลัก ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น
งานก่อสร้างยังคงดำเนินต่อไปในส่วนอื่นๆ ของโครงการ NEOM และเจ้าหน้าที่ยังคงยึดมั่นในเป้าหมายโดยรวมของ THE LINE ยกตัวอย่างเช่น การพัฒนาอีกแห่งหนึ่งภายใน NEOM ที่เปลี่ยนเกาะในทะเลแดงให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวสุดหรูที่รู้จักกันในชื่อ Sindalah มีกำหนดเปิดตัวในปีนี้ การปรับลดเป้าหมาย THE LINE เกิดขึ้นในขณะที่กองทุนพัฒนาการลงทุนสาธารณะของซาอุดีอาระเบียยังไม่ได้อนุมัติงบประมาณของ NEOM สำหรับปี 2024
เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ความเป็นจริงทางการเงินของการลงทุนหลายล้านล้านดอลลาร์ เริ่มสร้างความกังวลให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ขณะที่พยายามบรรลุเป้าหมาย "วิสัยทัศน์ 2030" ที่มุ่งมั่นจะกระจายเศรษฐกิจของประเทศ กระนั้นเจ้าหน้าที่เคยระบุว่า บางโครงการที่ระบุไว้ในแผนนั้นจะล่าช้าเกินปี 2030
ความทะเยอทะยานของเจ้าชายโมฮัมเหม็ดสำหรับ THE LINE ดึงดูดความสนใจจากนักวางแผนเมืองและสถาปนิกทั่วโลก ภาพจำลองแสดงให้เห็นถึงเมืองที่ยาวกว่าระยะทางระหว่างนิวยอร์กกับฟิลาเดลเฟีย ทั้งหมดจะอยู่ในโครงสร้างกระจกที่สูงกว่าตึก Empire State โดยในตอนแรกเจ้าหน้าที่คาดหวังว่า THE LINE จะต้อนรับผู้อยู่อาศัยกลุ่มแรกในปีนี้
แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ความสำเร็จหลักของ NEOM จนถึงขณะนี้คือ การพัฒนาโครงการมูลค่ากว่า 8 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมที่จะใช้สร้าง ‘ไฮโดรเจน’ ซึ่งซาอุดีอาระเบียหวังว่าจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเชื้อเพลิงรายใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมัน
แม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ แต่เจ้าหน้าที่ของ NEOM ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเมืองแห่งอนาคตแห่งนี้ พวกเขายังคงมั่นใจว่า NEOM จะกลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำของโลก รวมทั้งดึงดูดนักลงทุนและนักธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลก
อย่างไรก็ตาม อนาคตของ NEOM ยังคงไม่แน่นอน ความล่าช้าล่าสุดและปัญหาการเงินที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสามารถของซาอุดีอาระเบียในการบรรลุวิสัยทัศน์อันทะเยอทะยานของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด
สุดท้ายแล้ว โปรเจกต์ยักษ์นี้จะไปได้ไกลสักแค่ไหนก็ต้องให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ จะรุ่ง หรือ จะร่วง ตามไปรุ่นพี่ไปอย่าง ไฮเปอร์ลูป ของอีลอน มัสก์ หรือไม่