กินน้อยลง ออกกำลังกายอย่างหนัก แต่น้ำหนักไม่ลด เกิดอะไรขึ้น?
เมื่อบางคนเริ่มต้นเส้นทางสู่การลดน้ำหนัก พวกเขาเพียงแค่เริ่มต้นด้วยการรับประทานอาหารและออกกำลังกาย กินให้น้อยลงและออกกำลังกายให้มากขึ้น ร่างกายจะลดน้ำหนักได้อย่างเป็นธรรมชาติ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล ท้ายที่สุดแล้ว
การลดน้ำหนักนั้นง่ายมากตราบใดที่ร่างกายมีการใช้แคลอรี่มากกว่าปริมาณแคลอรี่ที่บริโภคเขาไป การลดน้ำหนักก็ไม่ใช่ปัญหา สำหรับบางคนแม้ว่าทำตามแผนการลดน้ำหนักที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบแล้ว แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว ทั้งที่เห็นได้ชัดว่ากินน้อยมากและออกกำลังกายทุกวัน แต่ก็ลดน้ำหนักไม่ได้
เกิดอะไรขึ้น? ในบางคนนอกจากน้ำหนักจะลดไม่ได้แล้ว ยังกลับมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นแทนด้วย ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก เพราะในกระบวนการลดน้ำหนักมักจะเจอกับเรื่องต่างๆ อยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยบางอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจัยเหล่านี้มีอะไรบ้างมาดูกัน
- ร่างกายจะต่อต้านในระหว่างกระบวนการลดน้ำหนัก
ในกระบวนการลดน้ำหนัก ทุกคนรู้ดีว่าต้องมีความมุ่งมั่นที่จะลดน้ำหนักให้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม บางคนตั้งใจที่จะควบคุมอาหารและออกกำลังกายทุกวัน แต่ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ จะเกิดการตั้งคำถามว่าวิธีการนี้ถูกต้องหรือไม่ บางคนถึงกับยอมแพ้และเลิกไป เพราะไม่เห็นผลใดๆ หากใครกำลังเผชิญกับสถานการณ์เหล่านี้ อาจไม่ใช่ว่ากำลังทำอะไรผิด แต่เกิดจากร่างกายกำลังต่อต้าน ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพของการลดน้ำหนัก
ในความเป็นจริง เมื่อลดปริมาณแคลอรี่ที่บริโภคในแต่ละวันและใช้พลังงานจำนวนมากผ่านการออกกำลังกาย ร่างกายจะตอบสนองโดยสัญชาตญาณและรู้สึกว่าถูกคุกคาม ส่งผลให้อยากกินมากขึ้นโดยลดการใช้พลังงานและเพิ่มความหิว แน่นอนว่าหากใครมีความมุ่งมั่นแรงกล้า ก็สามารถต้านทานสิ่งล่อใจของอาหารอร่อยๆ ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อระบบเผาผลาญของร่างกายลดลง ประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักย่อมจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำคืออดทน และปรับกลยุทธ์ เช่น ควบคุมอาหารทีละขั้นตอนและค่อยๆ ลดปริมาณแคลอรี่ แทนที่จะงดอาหารไปเลย รวมทั้งปรับเพิ่มความเข้มข้นของการออกกำลังกาย เมื่อร่างกายค่อยๆ ปรับตัว ประสิทธิภาพการลดน้ำหนักก็จะชัดเจนมากขึ้น
- ร่างกายมีความเครียด
เมื่อพยายามลดน้ำหนัก ความเครียดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันอาจกลายเป็นอุปสรรคในการลดน้ำหนักได้ ท้ายที่สุดแล้ว ความเครียดก็อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อควบคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นประจำ ร่างกายจะอยู่ภายใต้ความเครียดอย่างมาก เช่น ความกดดันจากอาการหิว และความเจ็บปวดที่เกิดจากการออกกำลังกาย เป็นต้น จากปกติที่มีความกดดันมากมายอยู่แล้ว เมื่อเพิ่มสิ่งที่น่าเบื่อเข้ามาในชีวิต สิ่งนี้จะส่งผลอย่างมากต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตอย่างไม่ต้องสงสัย
การลดน้ำหนักไม่ได้เป็นเพียงกระบวนการทางสรีรวิทยาเท่านั้น ปัจจัยทางจิตวิทยาและสังคมก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ความเครียด อารมณ์แปรปรวน และคุณภาพการนอนหลับ ล้วนส่งผลต่อน้ำหนักทั้งทางตรงและทางอ้อม ตัวอย่างเช่น ความเครียดและการอดนอนอาจทำให้ฮอร์โมนหยุดชะงัก เพิ่มความอยากอาหารและการรับประทานอาหารมากขึ้น ในขณะเดียวกัน การขาดสภาพแวดล้อมและการสนับสนุนทางสังคมอาจส่งผลต่อพฤติกรรมที่มุ่งมั่นในการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
เมื่อระดับความเครียดยังคงอยู่ในระดับสูง ระดับคอร์ติซอลในร่างกายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้สลายไขมันได้ยากขึ้น แต่ยังขัดขวางการสังเคราะห์กล้ามเนื้อตามปกติ ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักด้วย เนื่องจากการมีกล้ามเนื้อในร่างกายสูงสามารถส่งเสริมการเผาผลาญ ช่วยให้ลดน้ำหนักได้มากขึ้น
- นอนไม่หลับ
การนอนหลับเป็นความต้องการทางสรีรวิทยาตามปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการลดน้ำหนัก การนอนหลับที่ดีไม่เพียงแต่เพื่อการฟื้นตัวเท่านั้น แต่ยังเพื่อรักษาการทำงานปกติของร่างกายอีกด้วย เมื่อนอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายจะลดอัตราการเผาผลาญลง จึงทำให้อัตราการเผาผลาญไขมันช้าลง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการสูญเสียไขมัน
ลองจินตนาการว่าหลังจากอดนอนมาสองสามคืน ร่างกายก็จะเริ่มไม่สามารถรับมือกับการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงในแต่ละวันได้ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าสิ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความผิดปกติในระบบต่อมไร้ท่อเท่านั้น แต่ยังรบกวนการหลั่งและการออกฤทธิ์ของอินซูลินตามปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเผาผลาญไขมัน ที่แย่กว่านั้นคือ การอดนอนยังกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนความหิวมากขึ้น ทำให้อยากอาหารและเพิ่มการบริโภคอาหารได้อย่างไม่ต้องสงสัย นี่เป็นอุปสรรคสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการลดน้ำหนัก
- พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
นอกเหนือจากเวลาออกกำลังกายที่กำหนดแล้ว พฤติกรรมในแต่ละวันยังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการใช้พลังงานของร่างกายอีกด้วย กิจกรรมง่ายๆ ในแต่ละวัน เช่น การเดิน ขึ้นลงบันได หรือแม้แต่การยืนก็ใช้พลังงาน พฤติกรรมการอยู่กับที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกายแพร่หลายในชีวิตสมัยใหม่ที่ผู้คนนั่งอยู่แต่หน้าจอ ทำให้มีการใช้พลังงานลดลงอย่างมาก ซึ่งส่งผลต่อผลการลดน้ำหนัก การเพิ่มการออกกำลังกายในแต่ละวัน เช่น การเดินไปทำงานหรือการเคลื่อนไหวขยับร่างกาย 2-3 นาทีทุกๆ ชั่วโมง สามารถเพิ่มการใช้แคลอรี่ และช่วยควบคุมน้ำหนักได้