5 โรคยอดฮิตในหมู่พนักงานออฟฟิศ
5 โรคยอดฮิตในหมู่พนักงานออฟฟิศ
มนุษย์ออฟฟิศทั้งหลาย ใน 1 วันคุณทำงาน 8 ชั่วโมง 1 อาทิตย์คุณจะทำงาน 40 ชั่วโมงและใน 1 เดือนคุณจะทำงานทั้งหมดโดยประมาณกว่า 160 ชั่วโมง ลองคิดดูสิว่าคุณจะต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทำงานเป็นประจำทุกวันในท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน ๆ บางคนอาจจะโชคดีได้ออกไปทำงานนอกสถานที่บ้าง ส่วนบางคนอาจจะต้องนั่งอยู่ที่เดิมเป็นประจำทุกวัน แต่เชื่อว่าหลายคนคงหนีไม่พ้นโรคยอดฮิตของพนักงานออฟฟิศกันอย่างแน่นอน เราจะมาดูกันว่าโรคยอดฮิตในหมู่พนักงานออฟฟิศจะมีโรคอะไรบ้าง? อาการและวิธีการรักษา พร้อมท่านวดแก้ไมเกรนง่ายช่วยผ่อนคลาย ติดตามได้ในบทความนี้!
5 โรคยอดฮิต พนักงานออฟฟิศเป็นบ่อย
พนักงานออฟฟิศมีพฤติกรรมในการทำงานที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ ดังนี้
- โรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและหลอดเลือด
เป็นกลุ่มของโรคที่มีความผิดปกติเกิดขึ้นในส่วนหลอดเลือดหัวใจ ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์สมองและกล้ามเนื้อหัวใจมีความผิดปกติ อาจเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หรือไขมันสะสมได้ โดยมีอาการ คือ
- รู้สึกถึงความผิดปกติบริเวณหน้าอก ไม่ว่าจะเป็นหายใจถี่ คลื่นไส้ หรืออ่อนเพลียแบบเรื้อรัง รวมทั้งมีความดันโลหิตสูง
- มีอาการบวมน้ำ หรือรอยคล้ำที่เกิดขึ้นบริเวณช่วงขาท่อนล่าง ข้อเท้า ฝ่าเท้า หรือเล็บมือ
- มีความผิดปกติที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนัง เช่น มีตุ่มก้อนคล้ายหูด มีเม็ดสีแดงเป็นปื้น ๆ เป็นผื่นไข้รูมาติก เป็นผื่นไข้คาวาซากิ เป็นต้น
การรักษาเบื้องต้น
อาการของโรคดังกล่าว มักจะเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นหากต้องการหลีกเลี่ยงจากโรค ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพเพื่อปรับปรุงระดับของฮอร์โมนคอร์ติซอลให้อยู่ในระดับที่ปกติ นอกจากนี้ควรงดสูบบุหรี่และลดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ด้วย
หากคุณสังเกตได้ถึงสัญญาณเริ่มต้นของโรคให้รีบไปตรวจสุขภาพโดยเร็วที่สุดเพื่อให้แพทย์ทำการวางแผนการรักษาและป้องกันภาวะการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ทันท่วงที อย่างน้อยคุณก็จะได้รับมือกับโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานและภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้ทัน
2. ความผิดปกติของกล้ามเนื้อและกระดูก
เป็นกลุ่มโรคที่เกิดความผิดปกติของกระดูกและกล้ามเนื้ออันเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หรือไม่เป็นธรรมชาติ รวมทั้งอุบัติเหตุ อายุที่เพิ่มมากขึ้นและความผิดปกติของโครงสร้างทางด้านร่างกายด้วย ซึ่งความผิดปกติของกล้ามเนื้อและกระดูกเกิดขึ้นได้หลายโรคอย่างเช่นโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ที่ทำให้เกิดโรคแฝงอื่น ๆ เช่น โรคกระดูกต้นคอเสื่อม ข้อไหล่ติด ภาวะกระดูกพรุน โรคข้อเข่าเสื่อม หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โรคพาร์กินสันและโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน เป็นต้น อาการของกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรมจะแตกต่างกันไป แต่ก็จะมีลักษณะอาการหลัก ๆ ดังนี้
- มีอาการปวด ตึง เกร็งกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆโดยเฉพาะคอ บ่า ไหล่ แขนและหลัง ร่วมกับอาการชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย
- มีอาการปวดบริเวณข้อต่อ ร้าวลงมาบริเวณต้นแขน หรือต้นขา ยิ่งเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีอาการเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
- มีอาการอักเสบ ปวด บวม แดง ร้อนเกิดขึ้นบริเวณข้อต่อ อาจมีเสียงกรอบแกรบเกิดขึ้นขณะเคลื่อนไหวได้
- มีอาการสั่น กล้ามเนื้อเกร็งทำให้เคลื่อนไหวได้ช้าลง โดยเฉพาะความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับบริเวณใบหน้า พูดลำบาก ปากเบี้ยว หน้าเบี้ยว มีอาการชาครึ่งซีก เวียนหัว หรือตาพร่ามัวร่วมด้วย
การรักษาเบื้องต้น
อาการของโรคเกิดจากพฤติกรรมการนั่งทำงานในท่าเดิม ๆ เป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงควรมีการยึดหลัก “10-20-60” ในการเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานนั่นคือ ทุก 10 นาทีพักสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทุก 20 นาทีลุกเดินเล่น หรือเปลี่ยนอิริยาบถในการทำงาน ทุก 60 นาทีให้ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและทำท่ากายบริหารง่าย ๆ รวมถึงการออกกำลังกายและปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสมมากขึ้น
3. อาการปวดหัว และการปวดหัวไมเกรน
อาการปวดหัวเกิดจากความผิดปกติชั่วคราวของระดับสารเคมีในสมอง ทำให้ก้านสมองกระตุ้นให้หลอดเลือดมีการบีบและคลายตัวมากกว่าปกติ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวตุ๊บ ๆ ร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียนนั่นเอง โดยปกติแล้วอาการปวดหัวและปวดหัวไมเกรนจะมีอาการคล้ายกัน คือ
- มีอาการปวดหัวข้างเดียว หรือ 2 ข้างแบบตุ๊บ ๆ ร้าวมาที่กระบอกตา ท้ายทอย ร่วมกับ migraine aura
- มีอาการคลื่นไส้อาเจียน แพ้แสง แพ้เสียง
การรักษาเบื้องต้น
อาการของโรคมักจะเกิดจากปัจจัยหลายอย่างที่เป็นตัวกระตุ้นให้ไมเกรนกำเริบ เช่น อาหาร แสง เสียง อากาศ อารมณ์ ฮอร์โมน การพักผ่อนไม่เพียงพอและโรคออฟฟิศซินโดรม ดังนั้นการป้องกันปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นจึงเป็นวิธีการรักษาที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถทำการนวดไมเกรน หรือนวดแก้ไมเกรนให้หายในระยะยาวได้ด้วย
4. โรคเครียดและโรคจากจิตใจอื่น ๆ
เป็นกลุ่มโรคที่ส่งผลกับสภาพจิตใจมากกว่าร่างกาย โดยเกิดจากความกดดัน ความคาดหวังและความสัมพันธ์ทางด้านสังคมที่สร้างแรงตึงเครียดจนกลายเป็นภาวะซึมเศร้า หรือโรควิตกกังวลได้ในที่สุด โดยอาการสามารถเกิดขึ้นได้หลายอย่าง เช่น
- สุขภาพร่างกายแย่ลง ซึ่งมาจากภาวะเครียดสะสมและมีพฤติกรรมการนอนที่เปลี่ยนไป เช่น นอนไม่หลับ มักตื่นขึ้นมากลางดึก นอนผวาทั้งคืน เป็นต้น
- พฤติกรรมทางอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงและอารมณ์ไม่มั่นคง เช่น มีความวิตกกังวล อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ความต้องการทางเพศลดลง เป็นต้น
- มีความเครียดสะสมจนอยากตาย หรือแสดงออกทางกายชัดเจนมากขึ้น เช่น หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว ปวดหัวไมเกรนร่วมด้วย
การรักษาเบื้องต้น
เริ่มต้นจากการเปลี่ยนความคิดของตนเอง เช่น การตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ง่ายขึ้น วางแผนชีวิตให้มีระเบียบ หากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายความเครียด หรือระบายความรู้สึกออกมาบ้าง นอกจากนี้สามารถไปพบแพทย์เพื่อรักษาให้อาการดีขึ้นได้
5. โรคอ้วน ออกกำลังกายไม่เพียงพอ
เป็นกลุ่มโรคที่คนรุ่นใหม่มักเป็นกันมากที่สุด เนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคแฝงอื่น ๆ เช่น โรคข้อต่อและกล้ามเนื้อบาดเจ็บ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคไต ฯลฯ โดยมักจะมีสัญญาณของโรค คือ คำนวณดัชนีมวลกาย (BMI) เกิน 25 ขึ้นไป รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์ที่ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติ
การรักษาเบื้องต้น
สามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่พอดี ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี ส่วนผู้ที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอม ควรหาเวลาขยับตัวบ้าง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและไม่ควรเครียดจนเกินไป
สรุปโรคฮิต พนักงานออฟฟิศควรรู้
โรคต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการทำงานที่ไม่เหมาะสมอาจเป็นอันตรายมากกว่าที่คุณคิด ดังนั้นการแก้ไขปัญหาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจึงเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและง่ายที่สุดที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง หากปล่อยปละละเลย หรือไม่รีบปรึกษาแพทย์อาจทำให้ระดับความรุนแรงของโรคส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและคนรอบข้างได้ ดังนั้นไม่ว่าจะมีสัญญาณเริ่มต้นของโรคใด ๆ ดังกล่าว คุณจึงควรรีบทำการปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด
Source:
https://formrecovery.com/th/acupressure-for-migraine/
https://formrecovery.com/th/acupressure-and-massage-for-migraine/
ภาพโดย: Lifestylememory on Freepik
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
ภาพ 3 มิติ คืออะไร? เทคนิคสร้างภาพเสมือนจริงสำหรับมือใหม่
Microsoft Fabric คืออะไร? แนะนำเครื่องมือใหม่จาก Microsoft สำหรับองค์กรยุคดิจิทัล
ทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ESG คืออะไร และทำไมถึงสำคัญต่อองค์กร
ดึงหน้า (Facelift) คืออะไร? มีกี่เทคนิค รวมข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
