เขมรค้านกันเอง คนรุ่นก่อนอยากให้คงชื่อเดิม ส่วนเขมรรุ่นใหม่อยากเปลี่ยนเป็น "สงกรานต์" เหมือนไทย
ข่าวเก่าเมื่อปีที่แล้ว (2023) เขมรในสหรัฐ ค้านหัวชนฝา! ไม่เอาสงกรานต์ อยากได้ชื่อ Chaul Chnam Thmey (ចូលឆ្នាំថ្មី)
ส่วนปีนี้เขมรในอเมริกาก็หน้าด้านใช้ คำว่า Sankranta - สังกรานตา หรือ สงกรานต์ ที่เมืองลองบีชในปีนี้ (2024) โดยบอกว่าปีที่แล้ว มีคนมางานเยอะ จึงเหมาะที่จะนำเสนอก่อนที่ไทยจะจัดงานให้ได้ไวกว่า!
คนเขมรในอเมริกา หรือที่พากันเรียกตัวเองว่า "ขะแมริกัน" ปีนี้จึงไม่สนคำคัดค้านของคนแก่ในปีก่อน ก็จะหน้าด้านใช้คำว่า สังกรานตา แล้วรีบโปรโมทก่อนสงกรานต์ไทยอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน ประเทศข้างบ้านก็ดำเนินการเคลมสงกรานต์ต่อไปไม่สนใจ UNESCO ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น สังกรานตา ในเมื่อไทยมี "นางสงกรานต์"
เขมรก็มี Miss Sankranta Cambodia 2024 มาช่วยใส่ชุดไทย เคลมกันฉ่ำๆ โดยไม่แคร์กระทรวงวัฒนธรรมไทยที่นิ่งเหมือนก้อนฟอสซิล ทำให้คนไทยได้โต้แย้งกันเอง ไม่สมเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน!
😂 ประเพณี Chaul Chnam Thmey หรือปีใหม่เขมร ไม่เคยมีการเล่นสาดน้ำ โดยชาวกัมพูชาจะมีการประแป้งกันด้วยแป้งสีขาว สีแดง หรือสีชมพู ที่นำมาผสมกับน้ำเพียงเท่านั้น
แต่ที่น่าสนใจ คือ เริ่มมาเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๖๖ ประเทศกัมพูชา โปรโมตและเรียก “เทศกาลน้ำ” ของประเทศตนเองว่า “สงกรานต์ | សង្ក្រាន្ | Sankranta” ตามประเทศไทย
ซึ่งก่อนหน้าที่ชาวเน็ตกัมพูชาบางส่วนก็พยายามเคลมคำนี้ Sankranta (សង្ក្រាន្) ว่า ปรากฏในกำแพงหินที่เขมรนะ เห็นไหมว่าคำคำนี้ กัมพูชา ไม่ได้ลอกไทยนะ
แต่เดี๋ยวก่อน ต่อให้ในกำแพงหินปรากฏคำว่า “Sankranta (សង្ក្រាន្)” แต่คำนี้กัมพูชา (เขมร) ไม่เคยใช้เรียก “เทศกาลน้ำ” หรือ “เทศกาลปีใหม่” มาก่อน จนกระทั่ง ประเทศไทยทำให้ทั่วโลกรู้จักเทศกาลน้ำในนามว่า “สงกรานต์ (Songkran)” แน่นอนพอนึกถึงคำนี้ ต่างชาติก็จะนึกถึง “ประเทศไทย”
มิใช่ “กัมพูชา”
ซึ่งเทศกาล “สงกรานต์ (Songkran)” ในประเทศไทย ก็ประสบความสำเร็จระดับโลก ได้สร้างชื่อและกอบโกยเงินมหาศาลจากชาวต่างชาติ...
จากการประสบความสำเร็จของ “สงกรานต์ไทย” นี้เอง อาจทำให้กัมพูชาเล็งเห็นแล้วว่า การจะใช้ชื่อเทศกาลน้ำว่า “โจล-ชนัม-ทเม็ย | ចូលឆ្នាំថ្មី | Chaul Chnam Thmey” แบบเดิม คงจะไม่ประสบความสำเร็จเหมือนประเทศไทยและสร้างรายได้มหาศาลก็คงยาก เลยเปลี่ยนชื่อเทศกาลน้ำของตนเสียเลยเป็น “สงกรานต์ | សង្ក្រាន្ | Sankranta”
การทำแบบนี้เกิดภายใต้กรอบการคิดที่ว่า “วัฒนธรรมอะไรที่ประเทศไทย (สยาม) ทำนั้น คือ สิ่งที่ขโมยมาจากเขมรทั้งสิ้น” จะเสียเวลาไปสรรค์สร้างใหม่ทำไม เคลมว่าเป็นของเราคงจะง่ายเสียกว่า!