หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

พบแล้ว ! แหล่งอารยธรรมโบราณ มีอายุยาวนานกว่า 3,000 ปี จ่อขึ้นเป็นมรดกโลกแห่งใหม่

โพสท์โดย sairung11

        อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน ครอบคลุมพื้นที่ 3,430 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขือน้ำ บ้านติ้ว ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดระยะทาง 67 กิโลเมตร

        อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่า 3,000 ปี พบร่องรอยกิจกรรมของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีภาพเขียนสีมากกว่า 30 แห่ง การดัดแปลงของโขดหินและเพิงผาธรรมชาติให้เป็นศาสนสถานของผู้คนในยุคทวารวดี และลพบุรี สืบต่อกันมาจนถึงวัฒนธรรมล้านช้าง ตามลำดับ

        สถานที่สำคัญในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ได้แก่ หอนางอุสา ถ้ำพระ ถ้ำวัว-ถ้ำคน ภาพเขียนสีโนนสาวเอ้ หีบศพนางอุสา วัดลูกเขย วัดพ่อตา ถ้ำช้าง กู่นางอุสา ผาเสด็จ คอกม้าท้าวบารส คอกม้าน้อย บ่อน้ำนางอุษา เพิงหินนกกระทา ฉางข้าวนายพราน อูปโมงค์ ถ้ำฤๅษี ถ้ำปู่เจ

        อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทได้รับการขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นเพื่อพิจารณาขึ้นเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2547 และเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 รัฐบาลไทยได้ให้ความเห็นชอบให้กระทรวงวัฒนธรรมนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)

        การขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นมรดกโลกในครั้งนี้จะช่วยให้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทได้รับการดูแลอย่างรอบด้านทั้งการอนุรักษ์และการพัฒนา อีกทั้งเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางวัฒนธรรมของไทยกับประเทศอื่นๆ อีกด้วย

        จังหวัดอุดรธานีเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง อีกทั้งยังกำลังจะเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าทันสมัยของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และปัจจุบันมีนิคมอุตสาหกรรม BCG ซึ่งจังหวัดอุดรธานีจะเป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกในปี 2569 การมีแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงซึ่งเป็นมรดกโลกแห่งแรก และกำลังจะมีอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นมรดกโลกแห่งที่ 2 จะส่งผลให้จังหวัดอุดรธานีเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ​ทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

ประวัติและความสำคัญของอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท

        อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตั้งอยู่บนภูเขาที่ชื่อว่าภูพระบาท ในเขตพื้นที่เมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน ซึ่งเป็นเทือกเขาหินทราย อยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดอุดรธานี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยปานกลางประมาณ 320 – 350 เมตร สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าโปร่ง มีพืชพันธุ์ธรรมชาติประเภทไม้เนื้อแข็งขึ้นปกคลุม

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นแหล่งโบราณคดีที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย พบหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญ ได้แก่

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท มีความสำคัญในด้านต่าง ๆ ดังนี้

 

นิทานพื้นบ้านเรื่อง “อุสา – บารส”

        ผู้คนในท้องถิ่นได้นำเอานิทานพื้นบ้านเรื่อง “อุสา – บารส” มาตั้งชื่อโบราณสถานที่ต่าง ๆ บนภูพระบาท การเที่ยวชมโบราณสถานบนภูพระบาทจึงควรต้องรู้เกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านเรื่องนี้ เพื่อจะได้เข้าใจที่มาของชื่อตลอดจนทราบถึงคติความเชื่อของชุมชนได้เป็นอย่างดี

        เนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวความรักอันไม่สมหวังระหว่างนางอุสา ธิดาของท้าวกงพาน กับท้าวบารส ซึ่งเป็นโอรสของเจ้าเมืองปะโคเวียงงัว โดยเรื่องราวเริ่มจากนางอุสาได้ทำการเสี่ยงทายหาคู่ ด้วยการทำมาลัยรูปหงส์ลอยไปตามลำน้ำ ซึ่งท้าวบารสเป็นผู้ที่เก็บได้ จึงออกตามเจ้าของมาลัยเสี่ยงทายนั้น จนมาถึงเมืองพานและได้พบกับนางอุสา ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน เมื่อท้าวกงพานทราบเรื่องจึงวางอุบายให้มีการแข่งขันสร้างวัดกันภายในหนึ่งวัน โดยผู้ที่แพ้การแข่งขันจะต้องตาย ฝั่งท้าวบารสเสียเปรียบเพราะมีคนน้อยกว่าจึงใช้เล่ห์กลอุบายนำโคมไฟไปแขวนบนยอดไม้เพื่อลวงให้ฝ่ายท้าวกงพานคิดว่าเป็นยามเช้าตรู่แล้ว จึงพากันเลิกสร้างวัดและพ่ายแพ้ไปในที่สุด และถูกตัดศีรษะ หลังจากนั้นนางอุสาได้ไปอยู่กับท้าวบารสที่เมืองปะโคเวียงงัว แต่ก็ถูกกลั่นแกล้งจึงหนีกลับเมืองพาน ในขณะที่ท้าวบารสไปบำเพ็ญเพียรในป่าเพียงลำพัง ต่อมาเมื่อท้าวบารสทราบเรื่องจึงได้ออกเดินทางไปตามนางอุสา ณ เมืองพาน แต่พบว่านางอุสาได้สิ้นใจเพราะความตรอมใจไปก่อนหน้านั้นแล้ว ท้าวบารสเสียใจอย่างสุดซึ้งจึงตรอมใจตายตามนางอุสาไป

        นิทานพื้นบ้านเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความรักอันบริสุทธิ์ของนางอุสาและท้าวบารส ตลอดจนการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของผู้คนในช่วงเวลานั้น

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
sairung11's profile


โพสท์โดย: sairung11
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
35 VOTES (5/5 จาก 7 คน)
VOTED: Thorsten, Riddikulus, ลิลลี่ ไมโครนอส, ไอ้เฮี้ยแม้ว สัสทอน, อ้ายเติ่ง, teetete, sairung11
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
นางเอกดังสุดเศร้า กับการสูญเสียครั้งใหญ่ โพสต์อาลัยรักสุดหัวใจ1 ใน 8 ของนักเรียนร.ร.รัฐในนิวยอร์ก'ไร้บ้าน'!ตำรวจ ตามรวบจนครบ 3 โจ๋เหิมเกริม ใช้มีดฟันคู่อริ กลางสถานี BTS“จี๋ สุทธิรักษ์” พระเอกสุดปัง โกอินเตอร์แสดงซีรีส์ญี่ปุ่น เตรียมออนแอร์ต้นปี 2025!5 เทคนิคเพิ่ม Productivity ที่ช่วยให้คุณทำงานสำเร็จเร็วขึ้น
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ลิลลี่ เหงียน" สวนกลับ "ปู มัณฑนา"..อย่าลืมเอาเงินมาคืนกะxsี่ผู้มีพระคุณด้วยเงินดิจิทัลเฟส 3 คนทั่วไป เงินเข้าเมื่อไหร่ ได้เงินสดไหม วิธีเช็กสถานะทางรัฐอีกมุมของ "ยายสา" ตำนานแม่มดแห่งสมิหลา กับความลึกลับที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย"หวังเซียนเฉา นักการทูตผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ถัง‘ขนม ศศิกานต์’ เลิก ‘ครูเต้ย อภิวัฒน์’ ทั้งที่เพิ่งคลอดลูก คนที่ 2 จากกันด้วยดี ไม่มีมือที่ 3
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ปริศนาในภาพเขียน Salvator Mundi โดย Leonardo da Vinciแม้รวยเท่าใดอย่างไรก้ต้องเกิดตายไม่สิ้นสุด จะหยุดได้ก็เพียงด้วยยอดแห่งบุญ"ตารางลดน้ำหนัก" ฉบับกินยังไงก็ผอม5 เทคนิคเพิ่ม Productivity ที่ช่วยให้คุณทำงานสำเร็จเร็วขึ้น
ตั้งกระทู้ใหม่