ลองกินอาจถึงคาด!! "ปลาปักเป้าแม่น้ำโขง" มีพิษไม่ควรนำมารับประทาน
จากกรณีชาวบ้านทำคลิปนำปลาปักเป้าแม่น้ำโขงมากิน อาจารย์เจษฏ์ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาเตือนว่า กินปลาปักเป้าน้ำจืด ก็เสี่ยงเจอพิษ ไม่ใช่แค่เฉพาะปักเป้าทะเล
โดยอาจารย์เจษฏ์ได้โพสต์ในเฟสบุ๊ก Jessada Denduangboripant ว่า “ปลาปักเป้าน้ำจืด ก็คล้ายกับปลาปักเป้าทะเล และสัตว์น้ำอีกหลายชนิด (เช่น แมงดาทะเลหางกลม , หมึกสายวงน้ำเงิน ฯลฯ) ที่จริงๆ แล้ว พวกมันไม่ได้สร้างสารพิษในตัวเอง แต่มันสามารถสะสมเชื้อแบคทีเรีย หรือแพลงค์ตอนสาหร่าย ที่สร้างสารพิษร้ายแรง ไว้ในตัวเองได้โดยที่มันไม่เป็นอันตราย จึงนับได้ว่าเป็นสัตว์ที่มีพิษเช่นกัน
ที่สำคัญคือ ถึงแม้ว่าปลาปักเป้าน้ำจืดจะมีทั้งชนิดที่มีพิษและไม่มีพิษครับ แต่ชนิดที่มีพิษนั้นมีอยู่หลายชนิดมากครับ เคยมีข่าวคนเสียชีวิตจากการกินปลาปักเป้าน้ำจืดมาแล้ว ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับอันตราย ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยงครับ”
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือสสส. เคยโพสต์ไว้ว่า ปลาปักเป้า มีทั้งปลาปักเป้าน้ำจืด และปลาปักเป้าน้ำเค็ม สารพิษที่อยู่ในปลาปักเป้าน้ำจืดคือ ซาซิท็อกซิน (Saxitoxin) ส่วนสารพิษที่อยู่ในปลาปักเป้าน้ำเค็ม คือ เทโตรโดท็อกซิน(Tetrodotoxin) การออกฤทธิ์ของซาซิท็อกซิน คล้ายกับเทโตรโดท็อกซิน แต่รุนแรงมากกว่า โดยส่วนที่มีพิษสูงที่สุด ของปลาปักเป้า คือ ตับ รังไข่ เครื่องใน รองลงมา คือ หนังปลาและเนื้อปลา ตามลำดับ
และสารพิษนี้ทนต่อความร้อนสูงมาก ดังนั้นการทำให้สุกจึงไม่สามารถทำลายพิษได้ สำหรับผู้ที่รับประทานปลาปักเป้าเข้าไปมักจะเกิดอาการหลังจากกินประมาณ 30 นาทีพิษของปลาปักเป้าจะมีผลต่อระบบกล้ามเนื้อและประสาท โดยจะเริ่มชาที่ริมฝีปากปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน กล้ามเนื้อแขน ขาอ่อนแรง เป็นอัมพาตและถ้ามีอาการช็อก อาจทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 2-4 ชั่วโมง ปัจจุบันยังไม่มียาแก้พิษปลาปักเป้า จะต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาตามอาการและเนื่องจากพิษจะถูกขับทางปัสสาวะการให้ยาขับปัสสาวะจะช่วยให้พิษถูกขจัดออกได้เร็วขึ้น
แม้ปลาปักเป้านำ้จืดจะมี 9 ชนิดของปลาปักเป้าน้ำจืดนั้น และมีชนิดที่เป็นพิษอยู่ 4 สายพันธุ์ คือ ปลาปักเป้าดำ, ปักเป้าสุวัตถิ, ปักเป้าจุดแดง และ ปักเป้าจุดดำ แต่ประชาชนก็ไม่สามารถแยกได้ชัดว่าพันธุ์ไหนที่มีพิษหรือไม่ ทางกรมประมงจึงไม่แนะนำให้นำมากินแต่อย่างใด และหากซื้อเนื้อปลาที่ผ่านการแล่ ต้องทราบชนิดและแหล่งที่มาให้แน่ชัดว่าไม่ใช่ปลาปักเป้า
ผู้จำหน่ายปลาปักเป้าก็จะมีความผิดตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 264) พ.ศ. 2545 เรื่อง การกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายปลาปักเป้าทุกชนิด และอาหารที่มีเนื้อปลาปักเป้าเป็นส่วนผสม ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2545 ด้วย ผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีความผิดตามมาตราที่ 50 แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท อีกด้วย