ขอเตือนส.ว.
ขอเตือน ส.ว.
ลูกชายพาคุณพ่อวัย78ปี มาหาหมอกอล์ฟ บอกว่าปวดหลังนิ้วโป้งเท้าขวา แล้วก็แปะกอเอี๊ยะมา ไม่ได้บวม ไม่ได้แดง ไม่ได้ผิดรูป ยังขยับเท้า พลิกเท้าได้่ปกติ หมอก็เลยถามว่าอยากได้ยากินหรือยาทา ลูกชายตอบแทนพ่อว่า ยาอะไรก็ได้ที่หายไวๆ
ซึ่งหมอก็ตอบไปว่า ถ้าให้ยาแก้ปวดในผู้สูงอายุ ต้องให้ยาลดกรดไปด้วย กันแผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งหมอจึงต้องถามเพิ่มเติมว่า มีทานยาอะไรประจำไหม ทีนี้ลูกชายถึงได้ร่ายยาวมาว่า พ่อมีโรคประจำตัวคือ หัวใจ เบาหวาน ไขมัน ความดัน ไทรอยด์ รับยาที่โรงพยาบาล
เอาละสิ แล้วยาเยอะด้วย ยาที่รพ.รับตัวใดบ้างก็ไม่รู้ รู้แต่มียาละลายลิ่มเลือดแน่ๆ ดังนั้นหมอไม่เสี่ยงให้ยาแก้ปวด ที่ไปทำปฏิกริยากัน ทำให้ผู้ป่วยไตพังดีกว่า เลยบอกไปว่าให้ได้แต่ยานวด ทาแก้ปวดภายนอก แล้วถ้าไม่ดีขึ้น วันนัดกับหมอโรคประจำตัวที่รพ.ให้ไปขอยาแก้ปวดเพิ่ม ซึ่งจะได้ไม่ตีกันกับยาที่กินอยู่
เรื่องนี้เลยอยากเตือน ส.ว.หลายประเด็น
1.ยาใหม่ๆที่จะได้ไปกิน ระวังจะตีกัน ดังนั้น ต้องเอายาเก่าที่มีทั้งหมด ไปให้หมอใหม่ ที่ตัวเองไปหา ที่ไหนก็ตาม ได้พิจารณาร่วมด้วย
2.ยาภายนอก เช่น ยานวด ยาทา ยาหยอด จะปลอดภัยต่อตับ ไต กว่ายากิน เพราะเป็นยาเฉพาะที่
3.ผู้สูงอายุไปหาหมอ ให้มีญาติหรือลูกหลานไปด้วย เผื่อผู้สูงอายุเวียนศีรษะ หกล้ม หรือจำอะไรได้ไม่หมด หรืออะไรก็แล้วแต่ เพื่อความปลอดภัยของท่านครับ
อีกเคสที่เพิ่งเจอ คือ ผู้ป่วยความดันสูง ไปหาหมอ รับยาทานประจำ แต่พอเจอไลน์กลุ่มสวัสดีวันจันทร์ เพื่อนบอกว่า ยาพวกนี้ทานแล้วเสี่ยงมะเร็ง เชื่อเพื่อน ก็เลยหยุดยา ไปมีอาการอีกทีคือ แน่นหน้าอก ความดันสูงถึง 250 น่ากลัวครับ เกือบขิต ทางที่ดีคือโรคเรื้อรังพวกนี้ ต้องทานยาต่อเนื่องไปพบแพทย์สม่ำเสมอ แล้วอย่าเชื่อข้อมูลเท็จที่ส่งทางโซเชียลนะครับ