ทาสแมวเสี่ยงเป็นโรคจิตเภท จริงหรือมั่ว?
ทาสแมวเสี่ยงเป็นโรคจิตเภท จริงหรือมั่ว?
หากใครติดตามข่าวเกี่ยวกับโรคจิตเภทในช่วงที่ผ่านมา คงจะได้เห็นข่าววิจัยที่ระบุว่า ทาสแมวมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคจิตเภทสูงกว่าคนรักสัตว์ชนิดอื่น ๆ ถึง 2 เท่า ผลวิจัยนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับทาสแมวไม่น้อย บางคนถึงกับวิตกกังวลว่าตัวเองหรือคนในครอบครัวที่เลี้ยงแมวจะป่วยเป็นโรคจิตเภทในอนาคต
แต่อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยนี้ยังไม่อาจฟันธงลงไปได้อย่างแน่ชัดว่า การติดเชื้อปรสิตทาสแมวทำให้เป็นโรคจิตเภทหรือไม่ เนื่องจากงานวิจัยที่นำมาวิเคราะห์แต่ละชิ้นมีความแตกต่างกันในหลายประการ เช่น วิธีการวิจัย ประชากรที่ใช้ศึกษา และระยะเวลาในการติดตามผล
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อความเสี่ยงในการเป็นโรคจิตเภท เช่น พันธุกรรม สภาพแวดล้อม ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ และการใช้สารเสพติด เป็นต้น
ดังนั้น ทาสแมวจึงไม่ควรวิตกกังวลจนเกินไป หากพบว่าตัวเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคจิตเภท ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
สำหรับวิธีป้องกันการติดเชื้อปรสิตทาสแมว ได้แก่
- ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสกับแมวหรือมูลแมว
- ปรุงสุกอาหารจากเนื้อสัตว์ที่อาจเป็นพาหะนำเชื้ออย่างทั่วถึง
- ป้องกันไม่ให้แมวออกนอกบ้าน
- พาแมวไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่เกิดจากปรสิตทาสแมว
นอกจากนี้ ทาสแมวควรดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจิตเภท
ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าผลวิจัยนี้ควรได้รับการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมในวงกว้างและยาวนานขึ้น เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือมากขึ้น เพราะหากผลวิจัยนี้ได้รับการยืนยันจริง ๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อทาสแมวและวงการสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ทาสแมวก็ไม่ควรวิตกกังวลจนเกินไป เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่อาจส่งผลต่อความเสี่ยงในการเป็นโรคจิตเภท สิ่งสำคัญคือทาสแมวควรดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจิตเภท
อ้างอิงจาก:
ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Schizophrenia Bulletin ฉบับเดือนธันวาคม 2566 โดยทีมวิจัยจากศูนย์วิจัยสุขภาพจิตแห่งรัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลีย
รายงานข่าวเกี่ยวกับผลการวิจัยดังกล่าวจากสื่อมวลชนต่าง ๆ เช่น BBC News, The Guardian, และ Bangkok Post