ญี่ปุ่นกลัวหรือต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติ?

     เกียวโตเตรียมรับนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาอีกครั้ง นอกจากการเปิดตัวแคมเปญ "Mind Your Mans" ของรัฐบาลเมือง เกียวโตยังได้ยกเลิกบัตรโดยสารรถบัสประเภท 1 วันยอดนิยม เพื่อกีดกันนักท่องเที่ยว ไม่ให้ใช้บริการรถบัสของเมือง การต่อคิวนานขึ้นและการขนส่งสาธารณะที่ติดขัด ทำให้คนในท้องถิ่นไม่สะดวก...

    ในปี 2022 ชาวบ้านประมาณร้อยละ 80 บ่นเกี่ยวกับระบบขนส่งสาธารณะ และ ถนนที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากเกินไป 3 ใน 4 แสดงความกังวลเกี่ยวกับ พฤติกรรมของนักท่องเที่ยว เช่น การทิ้งขยะ หรือ การรับประทานอาหารขณะเดิน จำนวนนักเดินทางต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ก็ได้สร้างความตึงเครียดให้กับโครงสร้างพื้นฐานในท้องถิ่น และ ส่งผลถึงมารยาทสาธารณะที่ถูกเรียกว่า "มลพิษจากการเที่ยวชม"

     ความสัมพันธ์ของเกียวโต กับการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ มีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม ผู้มาเยือนเกียวโตจำนวน 52 ล้านคนในปี 2018 ทางรัฐลงทุนไปมากถึง 1.3 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นรายได้เกือบ 1 ใน 5 ของ GDP ของเมือง เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว แต่ภาคส่วนนี้กระตุ้นให้เกิดการแบ่งพื้นที่การท่องเที่ยวแบบไดนามิก โดยคนในท้องถิ่นถูกเตะออกจากตลาดที่อยู่อาศัย เนื่องจากพวกเขาต้องการให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเช่าอยู่ ในวันหยุดระยะสั้น ซึ่งจะทำให้เกิดผลกำไรมาก มากกว่าคนญี่ปุ่นซะอีก เนื่องจากร้านค้าและร้านอาหาร จะขายดิบขายดีนั่นเอง...

     ในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 สมาชิกสมัชชาเมืองเกียวโตมายาวนาน "โชเอ มุรายามะ" ได้รณรงค์หาเสียงในนายกเทศมนตรี ด้วยข้อความหลักที่ว่า "นักท่องเที่ยวล้นเกินไปแล้ว" และ "นี่เป็นอันตรายต่อเมืองหลวงโบราณแห่งนี้!!"

     การระบาดใหญ่ของโควิด ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป โดยพื้นฐานญี่ปุ่นปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวขาเข้า ตั้งแต่เดือน เมษายน 2020 ถึงตุลาคม 2022 ส่งผลทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หยุดชะงักโดยสิ้นเชิง ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2013 เมื่อโตเกียวได้รับเลือกให้เป็นเมืองเจ้าภาพ สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกปี 2020 จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่มาเยือนญี่ปุ่น ก็มีเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม 3 เท่า เกือบ 32 ล้านคน ในปี 2019

     โครงการ "Visit Japan Campaign" ของกระทรวงคมนาคม ประจำปี 2003 และ การเปิดตัวกฎหมายพื้นฐาน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในปี 2006 ได้จัดตั้งการท่องเที่ยวให้เป็นเสาหลัก ในการพัฒนาเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ในปี 2008 ได้มีการก่อตั้งสำนักงานการท่องเที่ยวญี่ปุ่นขึ้น มิติทางการเมืองของการท่องเที่ยว อาจกลายเป็นประเด็นสำคัญได้ เช่น เมื่อกฎระเบียบด้านวีซ่าสำหรับ นักเดินทางชาวจีนผู้มั่งคั่ง ผ่อนคลายลงในปี 2009 หรือ เมื่อมีการส่งเสริมการเดินทางไปยัง พื้นที่โทโฮกุในระดับสากล เพื่อช่วยในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นในปี 2011

     ในปี 2019 นักท่องเที่ยวขาเข้า ใช้จ่ายเงินในประเทศญี่ปุ่น มากถึง 4.8 ล้านล้านเยน ซึ่งเกิน 4 ล้านล้านเยน ที่เกิดจากการ ส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ การปิดพรมแดนของญี่ปุ่นในช่วงที่เกิดโรคระบาด ได้เปลี่ยนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จากฐานที่มั่นทางเศรษฐกิจไปสู่ ความต้องการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคมเปญ "Go To Travel" แคมเปญนี้ออกแบบมาเพื่อ เพิ่มการเดินทางภายในประเทศ และ ลดการล้มละลายของโรงแรม

     สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ยังคงได้รับผลกระทบจากการไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ชาวเมืองเกียวโตครึ่งหนึ่งอ้างว่า "สถานการณ์เศรษฐกิจของเมือง ย่ำแย่ลงอย่างมาก ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด" และ "เราหวังว่าการท่องเที่ยว จะฟื้นตัวกลับสู่ระดับ ก่อนเกิดการแพร่ระบาด..."

     จำนวนผู้มาเยือนในเดือน กันยายน 2023 สูงถึง 2.2 ล้านคน หรือ คิดเป็นร้อยละ 96 ของระดับก่อนการแพร่ระบาด การอ่อนค่าของเงินเยนญี่ปุ่นเมื่อเร็วๆนี้ เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ยูโร และ สกุลเงินอื่นๆ ได้สนับสนุนการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วนี้ ในไตรมาสที่สองของปี 2023 การใช้จ่ายรวมของนักท่องเที่ยวขาเข้า สูงถึง 1.23 ล้านล้านเยน ซึ่งเกือบจะตรงกับการใช้จ่ายในปี 2019 ในช่วงเวลาเดียวกัน

     ปัจจุบันการใช้จ่ายด้านการเดินทาง ต่อนักท่องเที่ยวขาเข้า อยู่ที่เฉลี่ย 200,000 เยน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายนโยบายที่กำหนดไว้สำหรับปี 2025 เป้าหมายนี้จัดทำขึ้นในกฎหมายพื้นฐานฉบับปรับปรุงล่าสุด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในปี มีนาคม 2023 ซึ่งระบุว่า "ญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายการท่องเที่ยวขาเข้า ของกลุ่มคนรวยมากขึ้น เพื่อเพิ่มระดับการบริโภค เช่น นักท่องเที่ยวจาก อังกฤษ จีน และ ออสเตรเลีย เป็นนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด ในปี 2023

     นักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่ ไม่ได้เดินทางออกจากญี่ปุ่นในช่วงเทศกาลวันหยุดของจีน ถึงแม้ว่ารัฐบาลจีนจะยกเลิกการห้ามการท่องเที่ยวแบบกลุ่มขาออก ในเดือนสิงหาคม 2023 ก็ตาม เพื่อเป็นการตอบสนองการอนุมัติของรัฐบาลญี่ปุ่น ในการกำจัดน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก หน่วยงานการท่องเที่ยวได้ลบญี่ปุ่น ออกจากรายชื่อจุดหมายปลายทางที่แนะนำ ถึงแม้ว่ารัฐบาลจีนไม่ได้กีดกันการเดินทางระหว่างประเทศ ไปยังญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ แต่ทริปที่จองไว้ก็ถูกยกเลิกเกือบหมด...

     ในโอกินาว่าซึ่งเปรียบเสมือฮาวาย ในแง่ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในปี 2017 จะเห็นได้ชัดว่าไม่มีนักท่องเที่ยวชาวจีน ในระหว่างเดือนกรกฎาคม 2023 ผู้ว่าการโอกินาว่า "เดนนี ทามากิ" สามารถล็อบบี้ให้เที่ยวบินตรงจากปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ไปยังนาฮะได้สำเร็จ เพื่อกลับมาดำเนินการต่อ อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวขาเข้าสู่โอกินาว่า กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ และ ในเดือนกันยายน 2023 อยู่ที่ร้อยละ 50 ของระดับก่อนการแพร่ระบาด

     ชาวโอกินาวาจำนวนมาก ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกลับมา ของการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มากเกินไป ชาวบ้านร้องเรียนเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว ที่ทำลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งการขีดเขียน พ่นสี ทาสี ทิ้งขยะ เข้าไปในที่ห้ามเข้า เป็นต้น

     เจ้าของบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวในท้องถิ่น "เคอิจิโร นากามูระ" จึงได้ออกแบบเว็บไซต์ที่ให้ความรู้ แก่นักท่องเที่ยว เกี่ยวกับพฤติกรรมที่เหมาะสม ในขณะเที่ยวชมเกาะ...

     ญี่ปุ่นมีแนวโน้มยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม พื้นที่มหานครอย่างโตเกียว โอซาก้า และ เกียวโต ซึ่งได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวถึง 2 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งทำให้เกิดช่องว่างระหว่างพื้นที่เมืองและชนบท ที่โดดเด่น แทนที่จะเป็นนักท่องเที่ยวล้นเกินทั่วไป ญี่ปุ่นกลับเผชิญกับการดึงดูดนักท่องเที่ยวมากเกินไป ในบางพื้นที่ นักท่องเที่ยวที่ฝ่าฝืนกฎและมารยาท ซึ่งก่อให้เกิดการตอบโต้อย่างรุนแรงในสังคมท้องถิ่น ถึงเวลาแล้วที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จะต้องรับทราบถึงความท้าทายเหล่านี้ และ แปรสภาพเป็นธุรกิจที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ ทางการเงินและการสนับสนุนทางสังคม...