5 เรื่องที่คนมีรถยนต์ไฟฟ้าต้องรู้ ก่อนติด EV Charger ที่บ้าน
5 เรื่องที่คนมีรถยนต์ไฟฟ้าต้องรู้ ก่อนติด EV Charger ที่บ้าน
รถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย ด้วยความที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดน้ำมัน แต่สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องพิจารณาคือการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้าที่บ้าน เพื่อให้สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ก่อนติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน มีข้อควรพิจารณาหลายประการ ดังนี้
1. ตรวจสอบขนาด On-Board Charger ของรถยนต์
On-Board Charger คือ ระบบควบคุมการดึงไฟฟ้า ที่ตัวรถจะสั่งการไปยังเครื่องชาร์จไฟฟ้า โดยทั่วไปขนาดมีตั้งแต่ 3.6kW ถึง 22kW ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ ซึ่งจะมีผลต่อระยะเวลาในการชาร์จไฟของแบตเตอรี่รถยนต์ ยิ่งวัตต์สูงก็จะทำให้ชาร์จเร็วยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น รถยนต์ไฟฟ้าที่มี On-Board Charger ขนาด 3.6kW จะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงในการชาร์จไฟจาก 0% ถึง 100% แต่หากใช้เครื่องชาร์จไฟฟ้าขนาด 22kW จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
ดังนั้น การเลือกขนาดเครื่องชาร์จไฟฟ้าให้เหมาะสมกับ On-Board Charger ของรถยนต์ จะช่วยให้ชาร์จไฟได้เร็วขึ้น และประหยัดเวลาในการชาร์จ
2. ตรวจสอบขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าในบ้าน
มิเตอร์ไฟฟ้าในบ้านโดยทั่วไปจะมีขนาด 5(15)A หรือ 15(45)A ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีขนาดกำลังไฟสูง ดังนั้น จึงควรตรวจสอบขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าก่อนติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้า
หากขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าไม่เพียงพอ ควรแจ้งเปลี่ยนกับทางการไฟฟ้าฯ โดยมาตรฐานขนาดมิเตอร์ที่ทางการไฟฟ้าฯแนะนำ คือ Single-Phase 30(100)A หรือ 3-Phase 15(45)A ขึ้นไป
3. ตรวจสอบประเภทหัวปลั๊กรถยนต์
หัวปลั๊กรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- Type 1: ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศญี่ปุ่นและอเมริกา เช่น Nissan Leaf, Tesla
- Type 2: ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศยุโรป เช่น Mercedes-Benz, MG, BMW, Volvo, Porsche, Tesla, Jaguar, Hyundai
- Type GB/T: ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน เช่น BYD
ดังนั้น จึงควรตรวจสอบประเภทหัวปลั๊กรถยนต์ก่อนเลือกเครื่องชาร์จไฟฟ้า เพื่อให้สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างถูกต้อง
4. เลือกจุดติดตั้งที่เหมาะสม
ระยะจากจุดติดเครื่องชาร์จ จนถึงจุดที่เสียบเข้าตัวรถไม่ควรเกิน 5 เมตร เนื่องจากสายเครื่องชาร์จไฟฟ้าโดยทั่วไป อยู่ที่ 5-7 เมตร หากระยะเกินกว่า 5 เมตร อาจทำให้สายเครื่องชาร์จขาดหรือชำรุดได้
นอกจากนี้ ควรเลือกจุดติดตั้งที่สามารถหลีกเลี่ยงการโดนละอองฝนหรือน้ำฝนสาดเข้ามาได้ เนื่องจากเครื่องชาร์จไฟฟ้าบางรุ่นอาจมีมาตรฐานการกันน้ำไม่สูงมาก หากโดนน้ำอาจทำให้เครื่องชาร์จเสียหายได้
5. ตรวจสอบเครื่องชาร์จไฟที่ได้มาตรฐาน
เครื่องชาร์จไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน จะช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เครื่องชาร์จไฟฟ้า เช่น ไฟรั่ว ไฟไหม้ เป็นต้น
นอกจากนี้ เครื่องชาร์จไฟฟ้าควรมีระบบ safety ติดตั้ง เช่น ระบบป้องกันไฟรั่ว มาตรฐานการกันน้ำ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
นอกจาก 5 ข้อที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาก่อนติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน เช่น งบประมาณ ราคาเครื่องชาร์จไฟฟ้า ค่าติดตั้ง ค่าไฟฟ้า ฯลฯ
โดยสรุปแล้ว การติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน มีขั้นตอนและข้อควรพิจารณาหลายประการ เพื่อให้การติดตั้งเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจติดตั้ง
ที่มาของข้อมูลที่ใช้เขียนกระทู้นี้ ได้แก่
* ข้อมูลจากเว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐ เช่น การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
* ข้อมูลจากเว็บไซต์ของผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องชาร์จไฟฟ้า
* ข้อมูลจากบทความและบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลบางส่วนที่รวบรวมจากการพูดคุยกับผู้มีประสบการณ์การติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน
ผู้เขียนได้พยายามรวบรวมข้อมูลให้ครอบคลุมและถูกต้องมากที่สุด เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีความสนใจติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน