งั่ง หรือ พระอีหง่าง ตำนานความเป็นมาสุดแสนแปลกประหลาด
งั่ง หรือ พระอีหง่าง ตำนานความเป็นมาสุดแสนแปลกประหลาด
บทความนี้ทำเพื่อเป็นสาระความรู้โปรดใช่วิจรณญานในการรับรู้
งั่ง หรือ พระอีหง่าง ในภาษาไทยถิ่นอีสานและภาษาลาว เป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งของของเขมร ได้รับการยอมรับนับถือทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทางตอนใต้ของประเทศลาว
โดยมีความเชื่อว่าหากพกพาหรือบูชา จะช่วยในเรื่องเมตตามหานิยม ค้าขายดี มีเสน่ห์ให้เพศตรงข้ามรัก และอยู่ยงคงกระพันปัจจุบันถือเป็นเครื่องรางยอดนิยม มีมูลค่าตั้งแต่ไม่กี่บาทไปจนถึงหลักแสน
งั่ง (ซ้าย) และเป๋อ (ขวา) ซึ่งเป็นเครื่องรางลักษณะเดียวกัน
ความเชื่อเรื่องงั่งมีความเป็นมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรอยุธยาเป็นต้นมา[1] มีคติชนอธิบายที่มาของงั่งไว้ว่า มีชายผู้หนึ่งผิดหวังในความรักจึงจะออกบวช
แต่ขณะกระทำพิธีอุปสมบทอยู่นั้น หญิงคนรักกลับมาขอคืนดี เขาจึงเปลี่ยนใจไม่บวชอีก แต่หลังจากนั้นก็เกิดอัศจรรย์ เพราะมีสาวใหญ่สาวน้อยมาลุ่มหลงติดพันไม่ขาดสาย จึงเรียกว่า งั่ง เพราะแทนที่เขาจะบวชเรียน แต่กลับไปลุ่มหลงกับกามตัณหาแทน หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผู้มีวิชาเชิงไสยศาสตร์ได้นำเรื่องราวนี้ไปทำเครื่องรางแทน โดยให้มีรูปลักษณ์แบบเดียวกับพระเครื่อง บ้างก็ว่าเป็นรูปลักษณ์ของพระทุศีล
แต่พระครูธรรมวงศา เจ้าอาวาสวัดจอมเพชร แขวงจำปาสัก ประเทศลาว อธิบายว่า งั่ง ในภาษาลาว ใช้นำหน้าชื่อบุคคลที่มีอำนาจวิเศษอย่างเทพเจ้าหรือตัวละครในวรรณกรรม เช่น งั่งสีโห งั่งสังข์ทอง หรืองั่งสินไซและจากการวิจัยของทำนอง วงศ์พุทธ และคณะ (2559) อธิบายว่า ทั้งปลัดขิก พ่องัด และงั่ง เป็นเครื่องรางกลุ่มเดียวกันที่มีความหมายสื่อถึงพระศิวะ ซึ่งตกทอดจากความเชื่อในศาสนาพราหมณ์
โดยมากงั่งจะมีลักษณะเป็นรูปบุคคลนั่งสมาธิ มีลักษณะคล้ายพระเครื่อง ร่างกายท่อนบนเปลือย ปลายเกศเอียงขวา หน้าตาดุดัน ปากแสยะยิ้ม ค่อนไปทางอัปลักษณ์ มีตาสีแดงซึ่งทำจากพลอยเทียม หรือหินสีแดง เป็นอาทิ
โดยมีเครื่องรางที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน คือ พ่องัด ซึ่งมีท่านั่งชันเข่าใช้มือกำอวัยวะเพศชาย หากเป็นเพศหญิงเรียกว่า เป๋อ ซึ่งเปลือยกายนั่งถ่างขาเผยให้เห็นโยนี และอีกชนิดเรียกว่าอิ่น เป็นรูปเพศชายกับเพศหญิงสวมกอดกันด้วยความรักใคร่
ด้วยความที่งั่งได้รับการบูชาเพราะเชื่อว่าเสริมเสน่ห์และเป็นของต่ำ จึงต้องห้อยไว้ที่เอวใกล้ของสงวน ต้องบูชาด้วยประจำเดือนของสตรี และเชื่อกันว่าผู้เลี้ยงงั่งไม่อาบน้ำหรือทำตัวสกปรกก็จะยิ่งเสริมอิทธิฤทธิ์แก่งั่ง เพราะงั่งชอบเกลือกกลั้วกับของสกปรก
โดยจะมีพิธีเลี้ยงใหญ่ในวันที่ 15 เมษายน หรือวันสงกรานต์ ด้วยการจัดอาหารสำรับใหญ่ ประกอบไปด้วยไก่ต้ม ไข่ต้ม ข้าว น้ำ และเหล้าขาว
ส่วนวิธีพิสูจน์ว่าเป็นงั่งจริงหรือปลอม กล่าวกันว่าให้วางงั่งคว่ำไปกับพื้น แล้วให้ผู้หญิงกระโดดข้าม หรือใช้ผ้าถุงของผู้หญิง งั่งจะพลิกตัวขึ้นมาจ้องคนทำ
และเล่ากันอีกว่า หากงั่งหายไป ให้ไปหาในชุดชั้นในหรือกางเกงในสตรี ถือเป็นเรื่องปกติ
แบบนี้แล้วแต่ความเชื่อนะครับ...แต่ขอ บอกมันเป็นเครื่องรางของขลังที่แสนจะอุบาทมากๆ งั่งนั่งกะจู่โด่ ส่วนอีเป่อนั่งแหกหอย เออสิทธิเสรีภาพไป หา มาบูชาได้ตามสบาย
อ้างอิงจาก: th.m.wikipedia.org/wiki/,ความเชื่อร่วมเรื่องเครื่องรางของขลังในเมืองชายแดน ไทย-ลาว-กัมพูชาวารสารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี