แนะนำการศัลยกรรตาสองชั้น ปัจจุบันมีกี่วิธี เลือกใช้เทคนิคไหนดี
อยากมีชั้นตาที่สวยสมบูรณ์ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่ารูปตาของตัวเองมีปัญหาจุดไหนกันแน่ ต้องปรับแก้ด้วยเทคนิคใด และสมัยนี้เทคนิคการสร้างตาสองชั้นของวงการศัลยกรรมความงามทั้งไทย และต่างประเทศ ไปไหลถึงไหนบ้างแล้ว บทความนี้มีคำตอบ
ตาสองชั้น เป็นแบบไหน
พื้นที่บริเวณกึ่งกลางเปลือกตาบนจะมีเส้นรอยพับ ซึ่งจะเห็นได้ชัดขณะลืมตา โดยแต่ละคนจะมีเส้นชั้นตาที่ยาวหรือสั้น จางหรือคมชัดไม่เท่ากัน แต่โดยรวมแล้วเมื่อลืมตาจะต้องเห็นเป็นเส้นพับชัดเจนพอประมาณถึงจะเรียกว่าเป็น “ตาสองชั้น”
ชั้นตา ส่งผลต่อโหงวเฮ้ง
โหงวเฮ้ง ที่เป็นศาสตร์การดูลักษณะและตำแหน่งโครงหน้าของคนจีน เพื่อบอกลักษณะนิสัย บุคลิก และทำนายโชคชะตาในอนาคต ซึ่งลักษณะผิวตาก็บ่งบอกได้เช่นกัน
ลักษณะชั้นตาโหงวเฮ้งดี |
ลักษณะชั้นตาโหงวเฮ้งไม่ดี |
เปลือกตาบน มีชั้นตา 2 ชั้น เท่ากันทั้งซ้ายและขวา |
ไม่มีชั้นตา หรือมีชั้นตาไม่เท่ากัน |
หัวตาไม่เชิดขึ้น หรือตกเกินไป |
หัวตาตก หรืออยู่ในลักษณะคว่ำ |
หางตาเชิดขึ้นอย่างสง่า |
หางตาตก ดูเศร้าหมอง |
ขณะลืมตาแล้วเห็นดวงตาดำกลมโตอย่างพอดี |
เมื่อลืมตาแล้วมองเห็นตาดำน้อยมาก |
ผิวหนังตารอบๆ จะต้องเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น |
ผิวหนังตาเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย |
ปัญหาตาแบบไหน ที่ควรทำตาสองชั้น
ไม่ใช่แค่ปัญหาตาชั้นเดียวเท่านั้นที่ควรค่าแก่การสร้างชั้นตาให้สวยงาม แต่ยังมีปัจจัยสุขภาพตา การมองเห็น และผิวพรรณที่เสื่อมโทรมเข้ามาด้วย ดังปัญหาต่อไปนี้
ตาชั้นเดียว
เป็นลักษณะเปลือกตาบนมองไม่เห็นรอยพับขณะลืมตา มักทำให้ตาดูเล็ก ตาตี่ ตาหนา
ตาสองชั้นหลบใน
มีชั้นตา แต่ถูกหนังตาตกลงมาทับ จนมองเห็นได้ไม่ชัด ซึ่งทำให้ดูเหมือนตาชั้นเดียว ในผู้ที่มีหนังตาตกลงมามากๆ จะทำให้เปลือกตาหนา ตาบวมโปน หรือตาเหี่ยวย่นจนทำให้หน้าแก่กว่าวัย
ชั้นตาไม่เท่ากัน
ปัญหาตาไม่เท่ากัน มักเกิดจากขนาดชั้นตาของเปลือกตาบนด้านซ้ายและขวาไม่เท่ากัน ซึ่งเกิดได้จาก 2 ส่วนคือ ผิวหนัง และ กล้ามเนื้อยึดเปลือกตา
หนังตาตก จากผิวหนังหย่อนคล้อย
ลักษณะผิวเปลือกตาที่เหี่ยวย่น และห้อยย้อยตกลงมาบังเส้นชั้นตาจนหมด มักเกิดขึ้นจากอายุที่มากขึ้น คอลลาเจนใต้ผิวน้อยลง ผิวจึงเสื่อมสภาพ
ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
เป็นปัญหาที่เกิกจากกล้ามเนื้อพยุงเปลือกตาขณะลืมตาทำงานผิดปกติ อ่อนแรง มัดกล้ามเนื้อหย่อนยาน ส่งผลให้ลักษณะเปลือกตาบนตก ลืมตาไม่ขึ้น ตาปรือ หากเป็นมากจะส่งผลต่อการมองเห็น เพราะเปลือกตาจะบังลูกตาดำเยอะเกินไป
5 ปัญหาที่ต้องรู้ก่อนการทำตาสองชั้น
ทำตาสองชั้นแล้วไม่สวย
:: ทำออกมาแล้วไม่สวย เกิดได้ 2 ปัจจัยหลักๆ เลย ก็คือ เลือกเทคนิคการทำตาสองชั้นไม่เหมาะกับปัญหาผิวตาของตัวเอง และอีกประการคือ ทำกับศัลยแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญมากพอ
ทำตาสองชั้นแล้วตาลึก ตาโหล
:: ส่วนใหญ่มากเกิดจากการเย็บปมไหมในระดับที่สูงเกินไป ทำให้ตาดูลึก โปน และอีกกรณีคือไม่ได้รับการแก้ปัญหาตาลึก แต่ไปแก้ปัญหาจุดอื่นแทน
ทำตาสองชั้นแล้วหน้าแก่ขึ้นหรือไม่
:: หากทำตาสองชั้นแล้วทำให้ใบหน้าดูแก่ลง อาจเกิดจากการนำเอาไขมันส่วนเกินบริเวณเปลือกตาออกมากเกินไป จึงทำให้ตาโหล เบ้าตาดูลึก
ทำตาสองชั้นแล้วมีพังผืดที่เปลือกตา เกิดจากอะไร
:: มักเกิดจากการผ่าตัดทำตาสองชั้นร่วมกับการฉีดไขมันเติมเต็มรอบตาในรอบเดียวกัน ควรเว้นระยะให้แผลกรีดแห้งสนิทก่อนจะทำการเติมเต็มผิวด้วยรูปแบบอื่น
ทำตาสองชั้นแล้วเกิดแผลเป็น แก้ยังไง
:: มักเห็นได้ชัดในเทคนิคตาสองชั้นแบบกรีดยาว หรือเย็บจุด หากใช้ครีมรักษาไม่หาย แนะนำให้ใช้หัตถาการเลเซอร์เข้าช่วย
วิธีทำตาสองชั้นในปัจุจบัน มีกี่แบบ
หากพูดถึงการทำตาสองชั้น หลายคนก็มักจะคิดถึงการกรีดเปลือกตาบนเพื่อสร้างชั้นตาให้สวยชัดเพียงเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงปัญหารูปตาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยังมีปัญหาเฉพาะจุดที่ต้องแก้ไข เช่น หัวตาตก หางตาตก กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ที่ต้องใช้เทคนิคแตกต่างกันออกไปอีก ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกตามปัญหาดังนี้
1. เลเซอร์ตาสองชั้น
เป็นการสร้างตาสองชั้นด้วยพลังงานเลเซอร์ Plexr (เพล็กเซอร์) ลงไปที่กึ่งกลางเปลือกตาบน ซึ่งจะทำให้ผิวเกิดการหดตัว สร้างเส้นชั้นตาขึ้นมาอย่างสวยงาม และสามารถลบเลือนริ้วรอยเล็กๆ ได้อีกด้วย
ข้อดี เลเซอร์ตาชั้นเดียว
: ระยะเวลารักษารวดเร็ว
: ให้ตา 2 ชั้นที่เหมาะสม ในผู้ที่กลัวการผ่าตัด
: ไม่มีเลือดออก เพราะไม่ใช่การผ่าตัด
: ไม่มีรอยแผล หายไว ไม่ต้องพักฟื้น
: ผิวตาสุขภาพดีขึ้น เพราะเลเซอร์เข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ข้อเสีย เลเซอร์ตาชั้นเดียว
: ผลลัพธ์ไม่ถาวร และสวยงามเท่ากับวิธีผ่าตัดตาสองชั้น
: ให้ผลลัพธ์ไม่ชัดเจน ในผู้ที่มีเปลือกตาหนาเกินไป
2. ทำตาสองชั้นแบบเย็บจุด (Non – Increased Eyelid Crease Creation)
เป็นการสร้างชั้นตา 2 ชั้นโดยไม่ต้องกรีดแผล แต่ใช้วิธีการกรีดสั้นเท่าจุดไข่ปลาประมาณ 3 - 5 จุด บริเวณเปลือกตาบน แล้วทำการเย็บจุดจากด้านในของหนังตาบน เพื่อให้เกิดรอยพับที่สวยงาม
ข้อดี ตาสองชั้นแบบเย็บจุด
: ระยะเวลาการรักษารวดเร็ว
: รอยแผลเล็กจนแทบมองไม่เห็น
: บวมช้ำน้อย
: ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อเสีย ตาสองชั้นแบบเย็บจุด
: ทำชั้นตาใหญ่ไม่ได้มาก
: บวมน้อย ฟื้นตัวไว
: ไม่ต้องตัดไหม เพราะแผลเย็บจากด้านใน
3. ทำตาสองชั้นแบบกรีดชั้นหนังตา (Blepharoplasty)
เป็นการใช้มีดผ่ากรีดเปิดปากแผลบริเวณเปลือกตาบน จากนั้นจะเย็บเพื่อสร้างชั้นตาที่สวยงาม ซึ่งระยะการกรีดจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ ตามปัญหาชั้นตาของคนไข้ ดังนี้
4. กรีดสั้น
ระยะความยาวในการกรีดเปิดปากแผลจะสั้นประมาณ 1 - 2 เซนติเมตร เท่านั้น ซึ่งจะสามารถสร้างชั้นตาให้เกิดเป็น 2 ชั้นได้ดีในผู้ที่มีตาชั้นเดียวตั้งแต่กำเนิด
ข้อดี กรีดสั้น
: แผลเป็นเห็นไม่ชัด
: แผลหายไว ฟื้นตัวเร็ว เมื่อเทียบกับการกรีดยาว หรือการปรับแก้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
: ไม่เห็นรอยกรีด โดยเฉพาะเวลาหลับตา
ข้อเสีย กรีดสั้น
: ตกแต่งชั้นตาได้ไม่มาก และไม่สามารถตัดเอาหนังตาส่วนเกินออกได้
: ไม่สามารถเอาไขมันส่วนเกินบริเวณเปลือกตาบนออกมาได้
5. กรีดยาว
เป็นการกรีดแผลยาวตั้งแต่หัวตาไล่ไปถึงหางตา เพื่อสร้างชั้นตาที่สวยงามพร้อมๆ กับตัดแต่งเอาหนังตาส่วนเกิน และไขมันส่วนเกินบริเวณเปลือกตาบนออกได้ในคราวเดียวกัน
ข้อดี กรีดยาว
: ตัดแต่งหนังตาส่วนเกินที่หย่อนคล้อยได้ดี
: สามารถเอาไขมันส่วนเกินที่เปลือกตาออกได้เยอะ
: แก้ปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้ด้วย
: ลดปัญหาหางตาตกได้ดีกว่าแบบกรีดสั้น
ข้อเสียกรีดยาว
: มีอาการบวมช้ำ อักเสบได้ง่ายกว่าการกรีดแบบสั้น
: จำเป็นต้องพักฟื้น และรักษาแผลผ่าตัดให้หายอย่างถูกวิธี
: ผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดช้ากว่าแบบกรีดสั้น จะต้องรอประมาณ 1 - 2 เดือน
6. เปิดหัวตา (Epicanthoplasty)
สำหรับการเปิดหัวตา เป็นการเพิ่มความโค้งมนของรูปตา และปรับกรอบตาที่เล็กให้ดูใหญ่ขึ้น ด้วยการกรีดแผลบริเวณหัวตาเล็กๆ เท่านั้น
ข้อดี เปิดหัวตา
: บวมน้อย ไม่ต้องพักฟื้นนาน
: สามารถทำร่วมกับการผ่าตัดเพื่อสร้างตาสองชั้นแบบอื่นได้ดี และมักได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน
: ช่วยแก้ปัญหาการมองเห็นได้ดี ในผู้ที่มีเนื้อเปลือกตาบริเวณหัวตาหนาจนทับตาดำ
ข้อเสีย เปิดหัวตา
: อาจทำให้ดวงตาเบิกโตมากเกินไป หากกรีดตัดเอาหนังหัวตาออกไปมากเกิน
: เป็นตำแหน่งที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นแบบบวมนูน หรือคีลอยด์ได้มากกว่าที่อื่น
7. เปิดหางตา (Lateral Canthoplasty)
เป็นการขยายความยาวของรูปตาด้วยการกรีดเปิดแผลมุมหางตาด้านข้าง ซึ่งมีทั้งเปิดหางตาบน และการเปิดหางตาล่าง ขึ้นอยู่กับปัญหารูปตา และการเลือกใช้เทคนิคการปรับแก้รูปตาให้สวยสมบูรณ์ของศัลยแพทย์
ข้อดี เปิดหางตา
: ช่วยลดระยะการแต่งหน้า หรือเมคอัพดวงตาน้อยลง
: ช่วยลดการระคายเคืองจากขนตาที่ตกลงมาทิ่มหางตาบน / หางตาล่าง
ข้อเสีย เปิดหางตา
: บวมช้ำมากกว่าตำแหน่งอื่น จำเป็นต้องพักฟื้นนาน
: เกิดภาวะพังผืดที่เยื่อบุหางตา หากแพทย์ไม่ชำนาญมากพอ
: หากกรีดยาวเกินไป ตาจะยาวผิดปกติ ไม่ธรรมชาติ
8. เก็บหนังตาตกไว้ใต้ท้องคิ้ว (Subincision brow lift)
เป็นการเก็บหนังตาที่ตก เหี่ยวย่น หย่อนคล้อยเย็บเก็บไว้ใต้ท้องคิ้ว เพื่อทำให้เห็นชั้นตาที่ชัดเจนขึ้น ดวงตากลมโต ได้รูปมากขึ้น
ข้อดี เก็บหนังตาตกไว้ใต้ท้องคิ้ว
: บวมช้ำน้อยมาก
: สามารถทำร่วมกับเทคนิคทำตาสองชั้นได้
: ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เลย
ข้อเสีย เก็บหนังตาตกไว้ใต้ท้องคิ้ว
: ไม่สามารถสร้างตาสองชั้นได้ จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีตาชั้นเดียว
: ไม่สามารถแก้ปัญหาสุขภาพกล้ามเนื้อตาได้
9. เกลี่ยไขมันใต้ตา (Nons Conjectures Eyebag Removal)
เป็นการแก้ไขตำแหน่งใต้ตาที่นูนไม่เรียบ อันเกิดจากก้อนไขมันไปกระจุกตัว และเกลี่ยเพื่อเติมเต็มบริเวณที่เป็นหลุมลึกให้เรียบเต็มขึ้น
ข้อดี เกลี่ยไขมันใต้ตา
: ลดริ้วรอยและความหมองคล้ำใต้ตาได้ดี
: ช่วยลดการมองเห็นของรอยแผลเป็น เพราะเป็นการกรีดแผลบริเวณขอบใต้ตา
ข้อเสีย เกลี่ยไขมันใต้ตา
: ไม่สามารถแก้ปัญหาผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำจากภาวะภูมิแพ้ได้แบบถาวร
: ไม่สามารถแก้ปัญหาใต้ตาที่ลึกมากได้
10. ปรับกล้ามเนื้อตาแบบไม่กรีด (Non-incision ptosis)
ปรับระดับมัดกล้ามเนื้อตาที่หย่อนยานให้กระชับขึ้น ด้วยการมัดเย็บเป็นจุดประมาณ 3 - 5 จุด บริเวณกึ่งกลางเปลือกตาบน
ข้อดี ปรับกล้ามเนื้อตาแบบไม่กรีด
: ไม่เกิดรอยแผลเป็น
: ใช้เวลาในการทำไม่นาน
: บวมช้ำน้อย พักฟื้นไม่นาน
ข้อเสีย ปรับกล้ามเนื้อตาแบบไม่กรีด
: มีอาการหนังตาตึง หรือหลับตาได้ไม่สนิท แต่จะค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ
: เสี่ยงไหมหลุดได้ง่าย หลังทำควรงดการแกะ เกา หรือขยี้ตา
11. ปรับกล้ามเนื้อตาแบบกรีด (Incision ptosis)
เป็นการกรีดยาวเปลือกตาบน ตั้งแต่บริเวณหัวตาไล่ไปถึงหางตา เหมือนการทำตาสองชั้นกรีดยาว แต่จะทำการแก้ไขกล้ามเนื้อตาด้วยกาเย็บหนังแท้เข้ากับกล้ามเนื้อตา เพื่อเพิ่งแรงยกเปลือกตาได้ดีขึ้น
ข้อดี ปรับกล้ามเนื้อตาแบบกรีด
: แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง พร้อมๆ กับสร้างชั้นตาได้ในคราวเดียวกัน
: แก้ปัญหาตาลืมไม่ขึ้นจนมองเห็นไม่ชัด
ข้อเสีย ปรับกล้ามเนื้อตาแบบกรีด
: เห็นรอยแผลเป็นชัดในขณะลืมตา
: เสี่ยงตาโปนดูไม่เป็นธรรมชาติ หากกรีดและเย็บติดในตำแหน่งผิด
12. ยกกระชับใต้ตา (LB)
เป็นการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยใต้ตาให้กลับมาตึงกระชับได้รูปทรง โดยการกรีดเปิดแผลบริเวณผิวตาล่าง และดึงเอาเนื้อเยื่อส่วนเกินออกมา
ข้อดี ยกกระชับใต้ตา
: ช่วยแก้ปัญหาความเหี่ยวย่นใต้ตาได้ในระยะยาว
: สามารถใช้ร่วมกับเทคนิคตาสองชั้นอื่นๆ ได้ดี
ข้อเสีย ยกกระชับใต้ตา
: เสี่ยงเบ้าตาลึก หากเอาเนื้อเยื่อ หรือไขมันใต้ตาออกมากจนเกินไป
13. ผ่าตัดยกกระชับหน้าผาก (Endotine)
เป็นการแก้ปัญหาหนังตาตก และหย่อนคล้อยในระดับรุนแรง และมักเป็นภาวะกล้ามเนื้อหน้าผากเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวหน้าผากหย่อนตกลงมาใกล้เปลือกตาบนมากเกินไป ซึ่งมักพบได้ในผู้ที่มีอายุมาก
ข้อดี ผ่าตัดยกกระชับหน้าผาก
: มองไม่เห็นรอยเย็บ / รอยแผลเป็น
: แผลหายไว ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
: ปลอดภัยสูง เพราะวัสดุ Endotine จะเป็นวัสดุที่ใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น
ข้อเสีย ผ่าตัดยกกระชับหน้าผาก
: เสี่ยงตาปิดไม่สนิท หลับตาแล้วเห็นตาขาว หากมีการยกหนังหน้าผากเยอะกินไป
: มีความรู้สึกตึงและปวดบริเวณหน้าผาก แต่จะค่อยๆ หายเป็นปกติ
สรุป ปัจจุบันการทำตาสองชั้น มีเทคนิคกี่แบบ เลือกยังไงดี
ปัจจุบันมีเทคนิคการสร้างตาสองชั้นทั้งหมด 11 วิธี แต่ละวิธีจะแก้ปัญหาแตกต่างกัน เช่น การเลเซอร์ การเย็บจุด และการกรีดสั้น จะช่วยสร้างชั้นตาในผู้ที่มีชั้นตาเดียวตั้งแต่กำเนิด และมักได้ผลดีให้คนไข้ที่อายุยังน้อย ส่วนการกรีดยาวสร้างชั้นตา จะเป็นการตัดแต่งผิวตาที่เหี่ยวย่น ไปจนถึงแก้ปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้ด้วย มักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีในผู้ที่ต้องการตาสองชั้นพร้อมๆ กับแก้ปัญหาสุขภาพตาร่วมด้วย แต่ทั้งหมดนี้ จะต้องได้รับการประเมินอย่างถี่ถ้วนโดยศัลยแพทย์ก่อนการรักษา เพื่อให้ได้ผลดี ไม่เสี่ยงแก้รอบสอง และไม่ต้องเสียเงินหลายรอบด้วย
แหล่งที่มาและข้อมูลจาก: https://www.suiplasticsurgery.com/content/eye-surgery/double-eyelid/