เปลี่ยนรูปแบบการออกใบสั่ง ตาม พ.ร.บ ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย
พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 ต่อ ‘การออกใบสั่ง’ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 ซึ่งได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 591/2566 มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป โดยกำหนดให้เปลี่ยนโทษปรับทางอาญาและโทษปรับทางปกครองตามกฎหมายบางฉบับ เป็นปรับทางพินัย ซึ่งผู้กระทำความผิดมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งปรับต่อศาลปกครองภายใน 30 วัน
การออกใบสั่ง ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น สรุปได้ดังนี้
-
เปลี่ยนรูปแบบการออกใบสั่ง จากเดิมที่การออกใบสั่งจะต้องดำเนินการทางอาญา โดยพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และนำตัวผู้ต้องหาไปฟ้องศาล หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ต้องหามีความผิดจริง ศาลจะลงโทษผู้ต้องหาตามความผิดนั้น แต่หลังจากมีผลบังคับใช้ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัยแล้ว การออกใบสั่งจะดำเนินการทางปกครอง โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ในกรณีนี้คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ) เป็นผู้ออกคำสั่งปรับ โดยผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งปรับต่อศาลปกครองภายใน 30 วัน
-
ผ่อนปรนเงื่อนไขการออกใบสั่ง เดิมการออกใบสั่งจะต้องดำเนินการภายใน 30 วันนับแต่วันที่ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิด แต่หลังจากมีผลบังคับใช้ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัยแล้ว เจ้าหน้าที่ของรัฐมีอำนาจออกคำสั่งปรับได้ภายใน 3 ปีนับแต่วันที่ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิด
-
เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาโต้แย้งคำสั่งปรับ เดิมผู้ถูกกล่าวหาไม่มีสิทธิโต้แย้งคำสั่งปรับ แต่หลังจากมีผลบังคับใช้ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัยแล้ว ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งปรับต่อศาลปกครองภายใน 30 วัน
-
กำหนดให้ผ่อนชำระค่าปรับได้ เดิมผู้ถูกกล่าวหาต้องชำระค่าปรับทั้งหมดภายในกำหนดเวลา แต่หลังจากมีผลบังคับใช้ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัยแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาสามารถขอผ่อนชำระค่าปรับได้ โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 12 เดือน
ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้ออกคำสั่งแนวทางดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัยฯ โดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการดังนี้
- ออกคำสั่งปรับโดยระบุเหตุผลและข้อเท็จจริงประกอบ
- ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาโต้แย้งคำสั่งปรับ
- ผ่อนชำระค่าปรับได้
โดยสรุปแล้ว พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัยฯ ส่งผลให้การออกใบสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นย้ำถึงความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัยฯ ดังนี้
- อาจทำให้ผู้กระทำความผิดไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของการกระทำความผิด เนื่องจากความผิดทางพินัยไม่มีโทษจำคุกหรือโทษอื่น ๆ ที่เป็นโทษทางอาญา
- อาจทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อำนาจออกคำสั่งปรับอย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากไม่มีมาตรการกำกับดูแลที่ชัดเจน
โดยสรุปแล้ว พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัยฯ เป็นกฎหมายที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสังเกตบางประการที่ควรได้รับการพิจารณา เพื่อไม่ให้กฎหมายฉบับนี้กลายเป็นเครื่องมือในการเอาเปรียบประชาชน
ที่มาของข้อมูลสำหรับกระทู้นี้ ได้แก่
* **พระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565**
* **คำสั่งแนวทางดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565** ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
* **ข่าวและบทความเกี่ยวกับผลกระทบของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565**
ข้อมูลทั้งหมดนี้ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนแล้ว เพื่อให้กระทู้นี้มีความน่าเชื่อถือและเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน
นอกจากนี้ กระทู้นี้ยังรวมถึงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเกี่ยวกับผลกระทบของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 ซึ่งผู้เขียนได้พิจารณาจากข้อมูลต่างๆ ที่รวบรวมมา และความคิดเห็นของผู้คนในสังคม