เมื่อสุดยอดผู้ล่า ต้องกลายเป็นเหยื่อ!
48,000 ปีก่อน ในทุ่งหญ้าที่ล้อมรอบด้วยป่าสน ของพื้นที่ที่ในปัจจุบัน คือ เทศบาลซิกดอร์ฟ(Siegsdorf) ของแคว้นบาวาเรีย ในประเทศเยอรมันนี กลุ่มพรานมนุษย์นีแอนเดอร์ทาล กำลังชำแหละร่างสิงโตถ้ำวัยหนุ่ม ที่พวกเขาล่าได้
ในปี ค.ศ.1985 มีการพบซากกระดูกของสิงโตถ้ำเพศผู้ ขนาดปานกลาง ที่ซิกดอร์ฟ โดยซากที่พบนั้น
มีส่วนสูงถึงไหล่ 1.2 เมตร มีความยาวส่วนหัวและลำตัว 2เมตร ไม่รวมหาง เนื่องจากไม่พบชิ้นส่วนหาง ซึ่ง ส่วนสูง และความยาว ดังกล่าว เท่ากับสิงโตอาฟริกาเพศผู้ ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังพบรอยถูกของมีคมเฉือนอยู่หลายรอย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มีการชำแหละเนื้อออกจากกระดูก ทั้งยังได้พบชิ้นส่วนเครื่องมือหินของมนุษย์นีแอนเดอร์ทาล อยู่ด้วย ซึ่งบ่งบอกว่าพวกเขาได้ชำแหละสิงโตถ้ำตัวนี้ โดยนักวิชาการ ที่ศึกษาซากดึกดำบรรพ์ดังกล่าว ในเวลานั้น ให้ความเห็นว่า พวกมนุษย์นีแอนเดอร์ทาล ได้มาพบร่างของสิงโตถ้ำที่ตายแล้ว จากนั้นพวกเขาก็ชำแหละมันเป็นอาหาร
สิงโตถ้ำยูเรเซีย(Euresian cave lion)เป็นสัตว์นักล่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปช่วงยุคน้ำแข็ง โดยอาจมีน้ำหนักได้มากถึง 340 กิโลกรัม มีความสูงจากพื้นถึงไหล่ 1.4 เมตร และมีความยาวจากหัวจรดปลายหางมากกว่า 3 เมตร ซึ่งด้วยขนาดของมัน ทำให้พวกนักวิชาการ เคยเชื่อว่าไม่มีสัตว์ชนิดใด เป็นศัตรูกับมันได้ รวมถึงมนุษย์ยุคหิน แม้จะมีการหลักฐานว่า เคยมีพวกนีแอนเดอร์ทาลเอาหนังสิงโตถ้ำ ทำเครื่องนุ่งห่ม แต่ก็เชื่อว่า มาจากสิงโตที่ตายเอง ไม่ได้เกิดจากการล่าของพวกนีแอนเดอร์ทาล
ทว่า จากการศึกษาล่าสุดในปี ค.ศ.2023 ได้พบว่าซากกระดูกสิงโตถ้ำแห่งซิกดอร์ฟ นั้น มีร่องรอยของหอกปลายหินแทงทะลุอยู่หลายจุด ซึ่งแสดงว่า สิงโตตัวนี้ถูกโจมตีด้วยหอกของพวกนีแอนเดอร์ทาล ก่อนที่มันจะเสียชีวิต และการแทงที่ลึกไปถึงกระดูก ก็น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มันเสียชีวิตได้ ซึ่งนี่ถือเป็นหลักฐานแรก ว่า พวกนีแอนเดอร์ทาลนั้น ล่าสิงโตถ้ำด้วย อย่างไรก็ตาม พวกเขาคงไม่อาจล่าสัตว์ใหญ่ที่ว่องไวและอันตรายแบบนี้ ได้บ่อยนัก ยกเว้นแต่จะเจอพวกที่อ่อนประสบการณ์หรืออ่อนแอ จนพลาดท่าถูกพวกพรานยุคหินสังหารเอาได้