9 ประโยชน์ที่เป็นข้อดีของโกโก้
ประโยชน์ของโกโก้
เชื่อกันว่าโกโก้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกโดยอารยธรรมมายาในอเมริกากลาง และถูกนำกลับไปยุโรปโดยนักเดินเรือชาวสเปนในศตวรรษที่ 16 และกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในฐานะยาเพื่อสุขภาพ ปัจจุบันมีการวิจัยว่าโกโก้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ดังนี้
1. อุดมด้วยโพลีฟีนอลที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
โพลีฟีนอล (Polyphenol) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ พบได้ในอาหาร เช่น ผลไม้ ผัก ชา ไวน์
โกโก้ และช็อกโกแลต มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระลดการอักเสบ ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอล และลดระดับน้ำตาลในเลือด
2. ช่วยลดความดันโลหิต
จากการศึกษาพบว่าทั้งผงโกโก้และดาร์กช็อกโกแลตสามารถลดความดันโลหิตได้ โดยพบว่าชาวเกาะในแถบอเมริกากลาง ที่ดื่มโกโก้เป็นประจำมีความดันโลหิตต่ำกว่าญาติบนแผ่นดินใหญ่ที่ไม่ดื่มโกโก้ หรือดื่มในปริมาณน้อย เนื่องจากฟลาวานอลในโกโก้มีฤทธิ์ช่วยเพิ่มระดับไนตริกออกไซด์ (Nitric oxide) ในเลือด ซึ่งสามารถเพิ่มการทำงานของหลอดเลือดและลดความดันโลหิต
3. ลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง
การเพิ่มระดับไนตริกออกไซด์ในเลือด ยังช่วยขยายหลอดเลือด และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ซึ่งลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
นอกจากนี้ โกโก้ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิด LDL หรือ “ไขมันไม่ดี” ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดคล้ายกับการใช้แอสไพริน ลดระดับน้ำตาลในเลือด และลดการอักเสบ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงภาวะหัวใจวาย หัวใจล้มเหลว และโรคหลอดเลือดสมอง
4. ช่วยให้อารมณ์ดีและลดอาการซึมเศร้า
สารฟลาโวนอลในโกโก้ ช่วยเปลี่ยนทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากการรับประทานอาหาร ให้เป็นเซโรโทนิน (Serotonin) หรือสารแห่งความสุข ที่มีความสำคัญในการพัฒนาระบบสื่อประสาท สามารถส่งผลต่ออารมณ์ หากร่างกายมีระดับเซโรโทนินที่สมดุล จะทำให้สามารถควบคุมอารมณ์ให้ดีขึ้น ลดความเครียด ลดไมเกรน และลดอาการซึมเศร้า
5. ฟลาโวนอลช่วยควบคุมอาการโรคเบาหวานชนิดที่ 2
แม้การบริโภคช็อกโกแลตมากเกินไปจะไม่ดีต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แต่โกโก้มีฤทธิ์ต้านเบาหวาน เนื่องจากฟลาโวนอลในโกโก้สามารถชะลอการย่อยคาร์โบไฮเดรตและการดูดซึมในลำไส้ ควบคุมการหลั่งอินซูลิน ลดการอักเสบ และกระตุ้นการดูดซึมน้ำตาลจากเลือดเข้าสู่กล้ามเนื้อ
งานวิจัยบางงาน แสดงให้เห็นว่าการบริโภคดาร์กช็อกโกแลตหรือโกโก้ที่อุดมด้วยฟลาโวนอล ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภท 2 ลดลง
6. ช่วยควบคุมน้ำหนัก
การบริโภคโกโก้ หรือแม้แต่ช็อกโกแลตอาจช่วยควบคุมน้ำหนักได้ เชื่อกันว่าโกโก้อาจช่วยควบคุมการใช้พลังงาน ลดความอยากอาหารและการอักเสบ รวมถึงเพิ่มการออกซิเดชั่นของไขมันและทำให้รู้สึกอิ่ม
จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานช็อกโกแลตเป็นประจำมีค่าดัชนีมวลกายต่ำกว่าคนที่รับประทานช็อกโกแลตน้อยกว่า หรือไม่รับประทานเลย
นอกจากนี้ การศึกษาการลดน้ำหนักโดยใช้อาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำพบว่ากลุ่มที่ได้รับประทานช็อกโกแลต ที่มีปริมาณโกโก้ 81% วันละ 42 กรัม จะลดน้ำหนักได้เร็วกว่ากลุ่มที่รับประทานอาหารปกติ
7. ป้องกันมะเร็ง
ฟลาโวนอลในผัก ผลไม้ และอาหารอื่นๆ มีคุณสมบัติในการป้องกันมะเร็ง รวมถึงความเป็นพิษต่ำ และผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์เพียงเล็กน้อย ซึ่งโกโก้มีฟลาโวนอลที่มีความเข้มข้นสูงที่สุดในบรรดาอาหารต่อน้ำหนักทั้งหมด
การศึกษาส่วนประกอบของโกโก้พบว่ามีผลในการต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ต่อสู้กับการอักเสบ ยับยั้งการเติบโตของเซลล์ และช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
8. ลดอาการของโรคหอบหืด
โกโก้มีประโยชน์สำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบหืดอย่างมาก เนื่องจากมีสารต่อต้านโรคหืด เช่น ธีโอโบรมีน (Theobromine) และธีโอฟิลลีน (Theophylline) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ปอดขยายออกทำให้หายใจผ่อนคลายและลดการอักเสบ ทั้งนี้ธีโอฟิลลีน ยังใช้ในการรักษาและป้องกันอาการหายใจผิดปกติ และหายใจลำบากที่เกิดจากโรคปอดเรื้อรัง
9. ต้านเชื้อแบคทีเรียและกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ทำการวิจัยผงโกโก้ต่อภาวะฟันผุและโรคเหงือก เนื่องจากโกโก้มีสารประกอบมากมายที่มีคุณสมบัติต้านแบคทีเรีย ต้านเอนไซม์ และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพช่องปาก ซึ่งจะเห็นได้จากการศึกษาหนึ่ง โดยนำหนูที่ติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปากให้สารสกัดจากโกโก้ ปรากฏว่าภาวะฟันผุลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับหนูที่ได้รับน้ำเพียงอย่างเดียว ควรรับประทานโกโก้อย่างไรให้ได้ประโยชน์