โดมเหล็กของอิสราเอล: เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ปกป้องอิสราเอล
โดมเหล็ก (Iron Dome) เป็นระบบป้องกันขีปนาวุธโจมตีพิสัยใกล้ (4-70 กิโลเมตร) พัฒนาโดยบริษัท Rafael Advanced Defense Systems และบริษัท Israel Aerospace Industries ของอิสราเอล ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องอิสราเอลจากการโจมตีทางอากาศของกลุ่มติดอาวุธในภูมิภาค
โดมเหล็กประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่
- เรดาร์ตรวจจับและติดตามเป้าหมาย (Multi-mission Radar) เรดาร์นี้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการตรวจจับและติดตามเป้าหมายที่หลากหลาย เช่น จรวด กระสุนปืนใหญ่ และโดรน
- ระบบการจัดการการต่อสู้และควบคุมอาวุธ (Battle Management and Weapon Control System) ระบบนี้ใช้ข้อมูลจากเรดาร์ตรวจจับและติดตามเป้าหมายเพื่อตัดสินใจว่าเป้าหมายนั้นถือเป็นภัยคุกคามหรือไม่ หากเป็นภัยคุกคาม ระบบจะสั่งให้ขีปนาวุธสกัดกั้นยิงออกไป
- ขีปนาวุธสกัดกั้น (Tamir interceptor missile) ขีปนาวุธสกัดกั้นนี้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการทำลายเป้าหมายด้วยความเร็วสูง
โดมเหล็กได้รับการทดสอบใช้งานจริงมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงคราม 5 วันระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในปี 2560 โดมเหล็กสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธของกลุ่มฮามาสได้มากกว่า 90% ช่วยลดความเสียหายและสูญเสียชีวิตของประชาชนในอิสราเอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน โดมเหล็กมีประจำการอยู่ทั่วประเทศอิสราเอล ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 90% ของประชากร โดมเหล็กเป็นระบบป้องกันขีปนาวุธที่มีประสิทธิภาพและมีความสำคัญต่อความมั่นคงของอิสราเอล
ข้อดีของโดมเหล็ก
- มีประสิทธิภาพในการสกัดกั้นเป้าหมายสูง
- สามารถทำงานได้ในทุกสภาพอากาศ
- เคลื่อนที่ได้สะดวก
- มีต้นทุนที่สมเหตุสมผล
ข้อจำกัดของโดมเหล็ก
- สามารถป้องกันได้เฉพาะจรวดพิสัยใกล้เท่านั้น
- มีขีดจำกัดในการสกัดกั้นเป้าหมายจำนวนมากพร้อมกัน
- ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศด้วยเครื่องบินหรือขีปนาวุธพิสัยไกล
อนาคตของโดมเหล็ก
อิสราเอลยังคงพัฒนาโดมเหล็กอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการสกัดกั้นเป้าหมาย ในอนาคต โดมเหล็กอาจได้รับการพัฒนาให้สามารถป้องกันได้แม้กระทั่งจรวดพิสัยไกล หรือแม้แต่ขีปนาวุธนำวิถี
โดมเหล็กเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของอิสราเอล โดมเหล็กช่วยปกป้องอิสราเอลจากการโจมตีทางอากาศของกลุ่มติดอาวุธในภูมิภาค และช่วยปกป้องชีวิตของประชาชนในอิสราเอล