หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ทำไมคนเวียดนามถึงไม่เอาระบบกษัตริย์ ?

โพสท์โดย อับดุล รอเเย๊ะส์

เมื่อพูดถึงการสิ้นสุดของสถาบันกษัตริย์ของเวียดนาม หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการกำจัดโดย โง ดิญ เดี่ยม โดยใช้ประชามติเป็นเครื่องมือในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนจำนวนมากรู้ ซึ่งมันไม่ถูกต้องเพราะต่อให้ไม่มีการประชามติ หรือผู้นำไม่ได้ชื่อ โง ดิญ เดี่ยม สถาบันกษัตริย์เวียดนามก็ไม่สามารถอยู่ต่อไปได้แล้ว

หากย้อนว่าทำไมสถาบันกษัตริย์เวียดนาม ถึงมีแต่คนเกลียด มีแต่คนชัง คงต้อนย้อนไปในปี 2459 อันเป็นปีที่สมเด็จพระจักรพรรดิไคดิ่ญขึ้นครองราชย์ สถาบันกษัตริย์เวียดนามนั้นแม้ว่าจะเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส แต่พวกเขานั้นพยายามสู้ขัดขืนมาโดยตลอด ทำให้ผู้คนชาวเวียดนามให้ความเคารพมาตลอด แต่ไม่ใช่กับจักรพรรดิพระองค์ใหม่องค์นี้

ในตอนขึ้นครองราชย์จักรพรรดิไคดิ่ญ พร่ำบอกว่าจะพยายามสู้กับฝรั่งเศสเพื่อนำเอาความยิ่งใหญ่ของชาวเวียดนามกลับมา แต่ว่าการกระทำของเขานั้นสวนทางกับคำพูดทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทั้งพยายามกำจัดชาวเวียดนามที่เห็นต่าง และทำตัวเป็นหุ่นเชิดที่ดีของทางการฝรั่งเศส ในการปกครองพื้นแผ่นดินเวียดนาม

การยอมทำตัวเป็นหุ่นเชิดที่ดีของพระองค์ทำให้ผู้คนเวียดนามไม่พอใจเป็นอย่างมาก ด้วยความชาตินิยมที่ฝังแน่นในชาวเวียดนามทำให้พระองค์ไม่เป็นที่นิยม และนักชาตินิยมจำนวนมากก็กล่าวโจมตีจักรพรรดิอยู่ตลอดเวลา

แต่แล้วฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดลง เมื่อจักรพรรดิไคดิ่ญได้เก็ยภาษีชาวบ้านเพื่มขึ้นเพื่อนำไปสร้างสุสานของพระองค์อันใหญ่โตหรูหรา ร่างกฎหมายเก็บภาษีนี้ยินยอมโดยฝรั่งเศสและนั่นก็ทำให้การเก็บภาษีนี้มีความชอบธรรม ขุนนางขูดรีดเงินชาวบ้านเพื่อมาสร้างสุสานให้กับจักรพรรดิ แม้ว่าชะตาของชาวบ้านนั้นจะไม่ค่อยมีเงินใช้อยู่แล้ว พวกเขายังต้องถูกขูดรีดจนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ประชาราษฎร์ไม่มีความสุขในการดำเนินชีวิต นักชาตินิยมจำนวนมากออกมาโจมตีพระองค์ว่าเป็น "ทรราช" ที่ทำให้ประชาชนลำบากยากแค้น ในขณะที่พวกตัวเองเสวยสุขในพระราชวัง

ความโกรธแค้นเพิ่มขึ้นอย่างมากในหมู่ชาวเวียดนาม พวกเขาอยากกำจัดพระจักรพรรดิพระองค์นี้ไปจากราชบัลลังก์ แต่อย่างไรนั้นโดยการหนุนหลังของฝรั่งเศส ทำให้บรรดานักชาตินิยมที่ขาดการสนับสนุนไม่สามารถเอาชนะได้ นั่นทำให้กระแสต่อต้านในหมู่ชาวบ้านได้แสดงออกทางสัญลักษณ์ต่างๆ ขึ้น

การแสดงออกทางสัญลักษณ์แห่งความเกลียดชังพระจักรพรรดิไคดิ่ญ ที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดคงต้องยกให้กับการวาดภาพ "มังกรในม่านหมอก" ภาพจิตรกรรมฝาผนังในสุสานของจักรพรรดิไคดิ่ญ โดยภาพวาดนี้เป็นภาพวาดมังกรที่งดงาม แต่ผู้วาดกลับใช้ "ตีน" ในการวาดภาพ และแม้ว่าจักรพรรดิจะรุ้เรื่องนี้ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะถ้าประหารจิตรกรผู้นั้นก็จะไม่มีคนวาดรูปต่อ ภาพวาดที่วาดด้วย"ตีน"จึงคงแสดงอยู่ในสุสานของพระองค์ตลอดมานั้นเอง

ในปี 2469 ราชบัลลังก์ตกมาเป็นของพระโอรส ผู้ซึ่งขึ้นเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิบ่าว ดั๋ย จักรพรรดิพระองค์ใหม่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะต่อต้านฝรั่งเศสเหมือนพระบิดาของเขา เป็นเหตุทำให้กระแสความนิยมของเขาในหมู่ผู้คนไม่ได้ดีขึ้นเลย แต่อย่างไรนั้นในสมัยของพระองค์ก็มีปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การสิ้นสุดของราชวงศืเกิดขึ้น

การเข้ามาของจักรวรรดิญี่ปุ่นในอินโดจีน ได้ทำให้ขบวนการเวียดมินห์เข้มแข็งขึ้น ญี่ปุ่นใช้นักชาตินิยมในการต่อต้านฝรั่งเศส และสนับสนุนพวกเขาทุกทางจนผู้คนจำนวนมากหันไปเข้าร่วมกับขบวนการเวียดมินห์

แต่ว่าเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ใกล้จะจบลงด้วยความปราชัยของญี่ปุ่น ญี่ปุ่นใช้โอกาสนี้ปลดอาวุธทหารฝรั่งเศส และควบคุมเวียดนามในฐานะรัฐหุ่นเชิด (Puppet State) ของญี่ปุ่น (สถานะเดียวกับแมนจูกัว) โดยมีสมเด็จพระจักรพรรดิบ่าว ดั่ยเป็นประมุขแห่งรัฐของเวียดนาม

ขบวนการเวียดมินห์มีจุดประสงค์คือ ต้องการให้เวียดนามเป็นเอกราชอย่างแท้จริง การกระทำของญี่ปุ่นเปรียบเสมือนแค่ว่าทำให้เวียดนามหลุดพ้นจากฝรั่งเศสมาขึ้นตรงกับญี่ปุ่นแทน ขบวนการเวียดมินห์จริงทำการลุกฮือเข้ายึดสถานที่ราชการต่างๆ เกิดเป็น "การปฏิวัติสิงหาคม" เพื่อทำลายกาปกครองของญี่ปุ่น

ในช่วงการปฏิวัติสิงหาคม จักรพรรดิบ่าว ดั่ยได้แสดงบทบาทสำคัญของพระองค์ด้วยการสละราชสมบัติ และมอบอาณัติสวรรค์ให้โฮจิมินห์ สร้างความชอบธรรมให้กับโฮจิมินห์ในการปกครองประเทศต่อ การกระทำนี้ขององค์จักรพรรดิในการมอบอำนาจความชอบธรรมให้กับเวียดมินห์ได้ใจประชาชนเป็นอย่างมากโดยเฉพาะฝั่งเวียดมินห์ พระองค์ได้รับความเคารพสูงสุด แม้ว่าราชวงศ์เหงียนของพระองค์จะถึงกาลสิ้นสุดก็ตาม

ทว่าเมื่อสงครามสิ้นสุด แต่ความขัดแย้งนั้นไม่ได้สิ้นสุดลงไปด้วย ฝรั่งเศสต้องการเข้ามาปกครองอินโดจีนอีกครั้งในฐานะเจ้าอาณานิคม ฝรั่งเศสใช้จักรพรรดิบ่าว ดั่ยอีกครั้งให้กลับมาครองราชย์ในฐานะประมุขของประเทศ และจักรพรรดิบ่าว ดั่ยก็ตอบตกลงกลับมาเป็นประมุขของรัฐบาลใต้อาณานิคม

เมื่อประชาชนทราบข่าวก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่จักรพรรดิที่น่าชื่นชมคนนั้นกลับกลอกมาเข้าร่วมกับฝรั่งเศส ดึงเวียดนามให้กลับมาเป็นอาณานิคมอีกครั้ง ความโกรธแค้นและเกลียดชังในฐานะคนขายชาติ และทรยศชาติถูกพูดถึงเป็นอย่างมากตลอดการปกครองของฝรั่งเศสครั้งที่ 2 เพราะชาวเวียดนามนั้นต้องการมีเอกราช ไม่ใช่การมีกษัตริย์โดยที่ฝรั่งเศสคุมหางเสือการปกครองเอาไว้

บัลลังก์ของพระองค์ยังคงมั่นคงตลอดการปกครองของฝรั่งเศส เพราะฝรั่งเศส Suppot พระองค์อย่างเต็มที่ แม้ว่าเสียงด่า เสียงสาปแช่งจะมาจากชาวบ้านไม่เว้นวันก็ตาม

แต่แล้วก็ถึงจุดพลิกผันอีกครั้งเมื่อฝรั่งเศสยอมออกไปโดยดีตามข้อตกลงเจนีวาในปี 2497 ส่งผลให้แผ่นดินเวียดนามแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งเหนือที่ปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ และฝั่งใต้ที่ปกครองด้วยระบบประชาธิปไตย โดยที่จักรพรรดิบ่าว ดั่ย ยังคงเป็นประมุขฝ่ายใต้

แต่การออกไปของฝรั่งเศสทำให้จักรพรรดิบ่าว ดั่ย ขาดคนหนุนหลัง และสหรัฐอเมริกาผู้เป็นคนอุปถัมภ์เวียดนามใต้คนใหม่ ก็ไม่สนับสนุนจักรพรรดิอย่างที่เคยเป็น แต่ไปสนับสนุนรัฐสภาที่นำโดยโง ดิญ เดียม นายกรัฐมนตรี

เมื่อไร้ซึ่งฝรั่งเศส ผู้คนจำนวนมากจึงแสดงความคิดเห็นเชิงลบต่อองค์จักรพรรดิ "คนขายชาติ" และ "คนที่ทำให้คนในชาติแตกแยก" ถูกปลุกระดมจำนวนมากต่อองค์จักรพรรดิบ่าวดั่ย ที่มีส่วนในการแบ่งแยกเวียดนามเป็นเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ ความเกลียดชังรุนแรงมากหนังสือพิมพ์จำนวนมากขุดข่าวฉาวตั้งแต่สมัยอาณานิคมขึ้นมาโจมตีพระองค์ไม่เว้นวัน โปสเตอร์จำนวนมากที่สื่อถึงความโหดร้ายของจักรพรรดิผุดขึ้นทุกที่ และไม่มีทีท่าว่ากระแสความนิยมที่ตกต่ำถึงขีดสุดของสถาบันพระมหากษัตริย์ จะฟื้นขึ้นมาดีเลยแม้แต่นิดเดียว

ในที่สุด โง ดิญ เดียม ก็ตัดสินใจทำประชามติในการถอดบ่าว ดั่ยออกไปจากราชบัลลังก์ในปี 2498 และแน่นอนว่าเมื่อประชาชนรู้ข่าวการทำประชามตินี้ก็ยินดีกับโง ดิญ เดี่ยมที่ตัดสินใจถูก พวกเขามาร่วมลงคะแนนอย่างมืดฟ้ามัวดินเพื่อกำจัด "คนขายชาติ" ให้พ้นไปจากบัลลังก์ ซึ่งผลคะแนนประชามตินั้นก็ถ่วมท้นด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนสาธารณรัฐมากกว่าระบบกษัตริย์ โง ดิญ เดี่ยมตั้งตัวเป็นประธานาธิบดีส่วนจักรพรรดิบ่าวดั่ยก็ต้องลี้ภัยไปฝรั่งเศส และเสียชีวิตที่นั้นในปี 2540

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: gru ก็ งง
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เพจดัง เผยโฉม น้องมิณ สาวแสบหลอกเงิน LGBTQ ตัวจริงกับในรูปไม่เหมือน5 พฤติกรรมแสดงถึงความรักกุมารี เทพธิดาในร่างเด็กหญิงแห่งเนปาล"มินตรา" โหนกระแส 2 วันติด! สาวแสบนักล่าสาวหล่อ หลอกจนหมดตัวพรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้ยื่นเรื่องขอปลดผู้นำเกาหลีรัฐบาล แจกเงิน เยียวยาน้ำท่วมภาคใต้ ครัวเรือนละ 9,000 บาทนายกสวีเดนยกเลิกกำหนดการเยือนเกาหลีใต้แล้วอบอุ่นทุกปีแต่ปีนี้พิเศษ! งานวันเกิด ‘อั้ม พัชราภา’ เพิ่มความหวาน มีคนดูแลหัวใจแล้ว?รีวิวหนังดัง ARGO แผนฉกฟ้าแลบ ลวงสะท้านโลก"จีซู BLACKPINK" คว้าตำแหน่ง ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ประจำปี 2024 ส่วน "ลิซ่า" คว้าอันดับสาม3 ปีซ้อน! จีซู BLACKPINK ยืนหนึ่งผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกเปิดจดหมายหวานฉ่ำ"ทนายตั้ม"ที่เขียนถึงภรรยาสุดที่รัก
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
บิวบองเปิด คลิป มาริโอ ทำลาบปลาให้กินต้มยำกุ้ง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว!!มาริโอ้ เมาเร่อ หล่ออมตะแบบหนุ่มไทบ้าน"แม่ปุ้ย" ลั่น เหตุผลส่ง "ดินสอสี" ลงประกวดเวทีเขมร Miss Planet 2024 ฉะยับคนหาว่าด้อยค่านางสาวไทย?รีวิวหนังดัง ARGO แผนฉกฟ้าแลบ ลวงสะท้านโลก"จีซู BLACKPINK" คว้าตำแหน่ง ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ประจำปี 2024 ส่วน "ลิซ่า" คว้าอันดับสาม
ประโยชน์ของชาเขียวโครงการช่วยเหลือให้เกิดสภาพคล่องของเศรษฐกิจรู้หรือไม่? แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักใช้ข้อมูลอะไรหลอกลวงคุณแผนที่ที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรปอายุ 4,000 ปี
ตั้งกระทู้ใหม่