นากอร์โน-คาราบัค เสี่ยงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
รัฐนากอร์โน-คาราบัค
รัฐนากอร์โน-คาราบัค เป็นดินแดนที่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตย โดยนานาชาติยอมรับว่าภูมิภาคนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาเซอร์ไบจาน แต่ในทางพฤตินัยแล้ว รัฐนี้แทบจะเป็นของอาร์เมเนียอย่างสมบูรณ์ เพราะคนที่อยู่ในรัฐนี้ รวมถึงรัฐบาลท้องถิ่นเป็นชาวอาร์เมเนีย อีกทั้งรัฐนากอร์โน-คาราบัคยังมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับรัฐบาลอาร์เมเนียด้วย
ความขัดแย้งระหว่างอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานเกี่ยวกับนากอร์โน-คาราบัค มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยอาร์เมเนียอ้างว่าดินแดนแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของพวกเขา ในขณะที่อาเซอร์ไบจานอ้างว่าดินแดนแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอธิปไตยของตน
ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 นำไปสู่การสู้รบระหว่างกองกำลังอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน ซึ่งส่งผลให้ชาวอาร์เมเนียยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของนากอร์โน-คาราบัค
ในปี 2020 เกิดการสู้รบอีกครั้งระหว่างอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน ส่งผลให้อาเซอร์ไบจานยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของนากอร์โน-คาราบัคคืนมาได้
ความขัดแย้งระหว่างอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานเกี่ยวกับนากอร์โน-คาราบัคเป็นความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมายาวนานและส่งผลกระทบต่อภูมิภาคนี้อย่างลึกซึ้ง ความขัดแย้งนี้ทำให้เกิดความสูญเสียทางชีวิตและความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล และยังคงเป็นปัญหาที่ท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
ทางการอาเซอร์ไบจานก็ประกาศตั้งด่านตรวจที่ระเบียงลาชินด้วยเหตุผลทางความมั่นคงเพื่อไม่ให้มีการขนส่งอาวุธมีข้อมูลออกมาเช่นกันว่าอาเซอร์ไบจานไม่ยอมให้รถของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศใช้เส้นทางของระเบียงลาชินเพื่อเข้าไปส่งของให้พลเรือน
การปิดล้อมระเบียงลาชินที่กินเวลามาร่วม 9 เดือนส่งผลให้ประชาชนเผชิญต่อภาวะขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงเวชภัณฑ์ต่างๆ และต้องใช้ชีวิตประจำวันอย่างยากลำบาก
ส่วนสาเหตุที่อาร์เซอร์ไบจานไม่ยอมปล่อยรัฐนากอร์โน-คาราบัค คืนให้อาร์เมเนียทั้งๆ ที่คนที่อยู่ที่นั่นไม่ใช่คนเชื้อชาติของตัวเอง เป็นเพราะว่ารัฐนากอร์โน-คาราบัคเป็นพื้นที่ยุทธสาสตร์สำคัญ เป็นทางผ่านของท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของอาเซอร์ไบจานจากทะเลสาปแคสเปียนเข้าไปยังยุโรป ซึ่งธุรกิจนี้นับเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจอาเซอร์ไบจาน