“ฮิซาชิ โออุจิ” ชายผู้ต้องรับรังสีนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก ราวกับในนรกบนดิน
เนื้อหานี้มีความรุนแรงของภาพ
เรื่องราวของฮิซาชิ โออุจิเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1999 เมื่อเขาอายุ 39 ปี พร้อมกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคนที่กำลังทำงานในโรงงานแปรรูปเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ JCO ภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โตไคมูระ จังหวัดอิบารากิ โรงงานนี้เป็นสถานที่ที่มีหน้าที่แปรสภาพยูเรเนียมให้กลายเป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์โดยปกติแล้วจะใช้เครื่องมืออัตโนมัติในกระบวนการนี้
อย่างไรก็ตามในช่วงหลังนั้น โรงงานเริ่มใช้วิธีที่ละเมิดกฎหมาย โดยที่พนักงานต้องผสมสารยูรานิลไนเตรทด้วยมือก่อนจะนำมาเทใส่เครื่อง การละเมิดกฎหมายนี้เป็นการเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นในภายหลังในโรงงานนี้ โดยที่เกิดการรั่วไหลและปริมาณมากของสารนิวเคลียร์ถูกปล่อยออกมา สิ่งนี้ได้สร้างปัญหาทางสิ่งแวดล้อมและเสี่ยงต่อความปลอดภัยของบุคคลที่อยู่ใกล้โรงงานนั้นในระยะยาวถึงขึ้นมาเป็นประเด็นความสนใจของสาธารณชนและหน่วยงานความปลอดภัยนิวเคลียร์ทั่วโลกด้วย
วิธีการนี้ตามปกติแม้จะอันตรายแต่ก็ไม่มีคนโวยวายอะไรนัก เนื่องจากความเข้มข้นของยูเรเนียมในสารที่ผสมด้วยมือนั้น มีอยู่แค่ 5% โดยปกติแล้ว วิธีการนี้ถือเป็นอันตรายอย่างมากแต่ความกล้าและความจำเป็นในการผลิตของโรงงานโออุจิในวันที่ 30 กันยายน 1999 ก่อให้เกิดบางสิ่งที่ไม่คาดคิด โรงงานพบว่ากระบวนการผลิตมีความล่าช้าจนเริ่มเกิดปัญหาความร้อนในถังหลอมยูเรเนียม
โดยเริ่มต้นเขาและเพื่อนร่วมงานต่างตัดสินใจที่จะผสมยูเรเนียมมากกว่า 18% เพื่อเร่งกระบวนการผลิต แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการผสมในอัตราส่วนที่สูงเช่นนี้ทำให้เกิดปฏิกิริยานิเคลียร์รุนแรงภายในถังหลอมยูเรเนียม สิ่งนี้ก่อให้เกิดการระเบิดอันรุนแรงซึ่งมีผลผลิตรังสีแกรมม่าและรังสีนิวตรอน สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบร้ายแรงต่อโออุจิและเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ทั้งสองคนต้องเผชิญกับปริมาณรังสีที่มหาศาลที่ต้องรับเข้าไป
ด้วยความที่ในตอนที่เกิดเหตุโออุจิอยู่ใกล้เคียงกับถังที่มากสุด เขาจึงได้รับผลของรังสีไปในปริมาณถึง 17,000 มิลิซีเวิร์ต สูงกว่าปริมาณรังสีที่ปกติจะรุนแรงถึงขั้นทำให้คนเสียชีวิต (5,000 มิลิซีเวิร์ต) ถึง 3 เท่า ส่งผลให้เขาถูกระบุว่าเป็นคนที่ได้รับปริมาณรังสีสูงที่สุดเท่าที่มีการบันทึกของโลก
เขาและเพื่อนมีอาการเวียนหัวและอาเจียนอย่างรุนแรง จนหมดสติไป พวกเขาจึงต้องถูกส่งตัวเข้าสถาบันรังสีวิทยาแห่งชาติ ในจังหวัดชิบะ และต่อมาถูกย้ายตัวไปยังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโตเกียวที่เทคโนโลยีดีกว่า เพื่อดูแลอาการในทันที
ในมุมมองที่น่าสนใจนี้คือ ในวันแรกของการรักษาตัวที่โรงพยาบาลโออุจินั้น ไม่มีของอาการผิดปกติใด ๆ เลย โออุจิก็ยังคงแสดงอารมณ์ที่ดีและมีความร่าเริงอย่างมาก แถมยังพูดคุยและเล่นเป็นกันเองกับคนรอบตัวด้วยความร่าเริง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อทีมแพทย์ตรวจเลือดพบว่าร่างกายของโออุจิถูกรังสีที่ทำลาย DNA ไป นำไปสู่การเสียหายของโครโมโซมอย่างมาก นี่หมายความว่าตั้งแต่นี้ไป ร่างกายของโออุจิจะไม่สามารถสร้างเซลล์ใหม่ได้อีก
แม้ว่าเขาจะดูแข็งแรงและไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ในขณะนี้ นั่นก็เพราะเซลล์ที่กำลังจะตายอย่างช้าๆ แต่ร่างกายก็ยังคงทำงานอยู่ แต่ในอนาคต เขาจะต้องเผชิญกับความจริงที่ร่างกายของเขาไม่สามารถฟื้นฟูเซลล์ได้อีกต่อไปและจะต้องพบว่าอาจจะมีความลำบากมากขึ้นในการรักษา
ระบบแรกของร่างกายที่ถูกส่งผลกระทบจากรังสีในกรณีของโออุจิคือระบบภูมิคุ้มกัน ที่เป็นส่วนสำคัญของการป้องกันร่างกายจากโรค ในการตรวจร่างกายของเขาที่ทีมแพทย์ดำเนินการ พบว่าเม็ดเลือดขาวของโออุจิมีจำนวนน้อยมากเพียงแค่ 10% เมื่อเทียบกับปกติของคนทั่วไป. สภาวะนี้ทำให้เขาเสี่ยงต่อการเป็นโรคมากยิ่งกว่าคนที่ติดเชื้อ HIV แม้ว่าความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนั้นจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ในช่วงเวลานั้น มีทางเดียวที่จะช่วยได้แก่โออุจิ เมื่อทีมแพทย์ตัดสินใจลงมือทดลองการรักษาใหม่โดยใช้เทคโนโลยีการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell) จากครอบครัวของเขา ทางนี้ถือเป็นวิธีการรักษาที่เป็นเอกลักษณ์และไม่เคยทดลองมาก่อนในโลก และนับว่าน่าเสียดายมากที่แม้ในตอนแรกการรักษาดูเหมือนจะประสบความสำเร็จ เซลล์เม็ดเลือดขาวของโออุจิกลับกลับมาทำงานได้อย่างปกติ
แต่ทว่าไม่นานหลังจากนั้น เซลล์ที่ถูกปลูกถ่ายกลับเริ่มแสดงอาการที่ไม่ปกติ เนื่องจากผลกระทบจากรังสีที่ได้รับ นั่นคือโออุจิกลับกลายเป็นคนไข้รายแรกในโลกที่มีการรักษาด้วยวิธีนี้ แต่สิ่งที่เป็นที่น่าเศร้าคือผลลัพธ์ของการทดลองนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้
ใบหน้าของโออุจิเริ่มที่จะบวมผิวของเขาเริ่มลอกออกจนเห็นกล้ามเนื้อ เพราะเซลล์ของเขาไม่สามารถงอกใหม่ได้ สร้างความเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมากให้เขา อีกทั้งเขาเริ่มหายใจลำบากเพราะของเหลวในร่างกายไปทั่วปอดจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพียงเพื่อการยื้อชีวิต ถึงอย่างนั้นก็ตามทางบ้านของเขาก็ยังคงหวังว่าทีมแพทย์จะช่วยเหลือโออุจิได้
ตั้งแต่อยู่ในโรงพยาบาลที่เขารักษาตัวได้ราวๆ 1 เดือน อาการของโออุจิก็เริ่มเข้าขั้นทรุดรุนแรง อวัยวะภายในก็เริ่มที่จะ “ละลาย” มีเลือดออกจากอวัยวะทุกอย่าง แถมการที่เจ้าตัวไม่มีผิวหนังยังทำให้ร่างกายของเขาสูญเสียน้ำตลอดเวลา ระบบภายในของเขาเริ่มเป็นพิษจนทีมแพทย์ต้องถ่ายเลือดให้เขาทุกวัน แถมยังถี่มากขึ้น ถึงขั้นที่บางวันแพทย์ต้องถ่ายเลือดให้เข้าถึง 10 ครั้ง
ร่างกายของโออุจิอ่อนแอลงสุดๆ จนมีอาการท้องเสีย และเลือดออกอยู่ตลอดเวลาซึ่งทำให้ไม่ว่าหมอจะให้ยาอะไรกับเขา ยาดังกล่าวก็จะไม่อยู่ในร่างกายผู้ป่วยนานพอที่จะแสดงผล ที่สำคัญต่อให้หมอจะพยายามปลูกผิวหนังใหม่ให้กับเขา การที่ร่างกายของโออุจิสร้างเซลล์ใหญ่ไม่ได้ก็ทำให้ผิวหนังที่ปลูกมาเหมือนแปะไปบนตัวเฉยๆ ไม่นานก็กลายเป็นผิวเน่า
และแล้วในวันที่ 59 ของการรักษาหัวใจของโออุจิเต้นด้วยความเร็วพุ่งไปถึง 120 ครั้งต่อนาที ก่อนที่หัวใจของเขาจะทนต่อความล้าที่เกิดขึ้นไม่ไหว และหยุดเต้นลง
ครอบครัวของโออุจินั้นไม่ได้ทิ้งความหวังที่จะช่วยชีวิตของเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ลงนามยินยอมการปล่อยให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในกรณีที่หัวใจหยุดเต้น ดังนั้นทีมแพทย์ก็จำเป็นที่จะต้องปั๊มหัวใจของชายคนนี้ และไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของโออุจิ หลังจากที่แพทย์พยายามปั๊มหัวใจอยู่ 3 ครั้ง หัวใจของเขาก็กลับมาเต้นอีกครั้ง
การทำเช่นนั้นกับทำให้เรื่องเลวร้ายขึ้นอีกเซลล์ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเขายังเริ่มทำลายเม็ดเลือดขาวที่เหลืออยู่เพียงนิดเดียว จนโออุจิ ไม่เหลือเม็ดเลือดขาวในร่างกายอีกต่อไป
วันที่ 81 นายแพทย์ที่ดูแลโออุจิได้เรียกครอบครัวของโออุจิมาแนะนำว่าอาการของชายคนนี้ไม่ใช่อะไรที่จะสามารถยื้อชีวิตได้อีกแล้ว จนทำให้ในที่สุดทางครอบครัวก็ยอมลงนามยินยอมปล่อยโออุจิไป และในอีก 2 วันต่อมา ในวันที่ 83 ของการรักษาโออุจิก็จากไปในที่สุดด้วยอาการอวัยวะล้มเหลวหลายแห่ง
ไม่มีรายงานมากเท่ากับเรื่องราวของโออุจิ แต่เพื่อนอีกสองคนที่โดนรังสีไปพร้อมๆ กันก็เสียชีวิต ตามโออุจิไปในช่วงต้นปี 2000
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
สารพิษในร่าง 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา'! ตำรวจเร่งสอบพยาน ตรวจบ้านพักซ้ำ รอญาติจากเชียงราย
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ยาพิษ คนสนิท ความไว้ใจ : บทเรียนราคาแพงว่า…อย่าไว้ใจใครเกินไป
ยาพิษ คนสนิท ความไว้ใจ : บทเรียนราคาแพงว่า…อย่าไว้ใจใครเกินไป
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
กินไข่ผิดชีวิตเปลี่ยน? ไข่ทั้งฟอง vs ไข่ขาว กินแบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน!
สารพิษในร่าง 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา'! ตำรวจเร่งสอบพยาน ตรวจบ้านพักซ้ำ รอญาติจากเชียงราย
"ประธานสหภาพฯ" บริษัทไดกิ้น เปิดใจหลังสั่งปิดงาน! ชี้ ยังต้องได้โบนัส
ยาพิษ คนสนิท ความไว้ใจ : บทเรียนราคาแพงว่า…อย่าไว้ใจใครเกินไป
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
ทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิด
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia






