วิธีทำให้เราจำได้ดีขึ้น ทริคเสริมความจำ
วิธีทำให้เรามีความจำที่ดีขึ้น
ทุกคนต่างก็อยากเป็นคนความจำดี ลองนึกดูว่าสมัยเรียนพวกเราต่างก็พยายามอ่านหนังสือเพื่อที่จะจำทุกอย่าง
เอาไปใช้ในห้องสอบได้ เปิดหน้า เช็คหลัง ขนาดตอนทำงานแล้วก็ยังมีเรื่องที่ต้องจำมากมาย แต่จำไม่ค่อยได้เลย พอมานึกถึงแล้ว มีสุดยอดมนุษย์บางคนที่สามารถจำได้ทุกอย่างเพียงอ่านแค่รอบเดียว จำตัวอักษรตอนทายประโยคยาว พูดภาษาต่างประเทศ หรือวาดรูปรายละเอียดได้เป็นอย่างดี
ยกตัวอย่างหนังสือดี ๆ บางเล่ม เช่น หนังสืออุปนิสัยที่จะช่วยให้เราฝึกตัวเองให้ดีขึ้น แก้ไขความคิดและทัศนคติ หนังสือการลงทุนที่จะทำให้เราทำธุรกิจได้ดีมากยิ่งขึ้น หนังสือที่จะสอนให้เรารู้จักถึงสิ่งที่สำคัญที่ควรสนใจมากกว่าสิ่งอื่นที่ไม่สำคัญกับตัวเราเลย
1. อย่าเรียนรู้แค่เพียงการนำเข้าเท่านั้น แต่ต้องเรียนรู้ไปควบคู่กับการนำไปใช้
จาก Cone of learning ทุกคนต่างจดจำสิ่งที่เราอ่านได้เพียง 10% จำสิ่งที่ได้ยิน 20% จำสิ่งที่ได้เห็น 30% และจำได้จากสิ่งที่ได้ยินและได้เห็นที่ 50% ซึ่งสิ่งที่เราควรจะทำมากที่สุดคือ เราต้องนำสิ่งทั้งหมดมากระทำออกไป อย่างเช่น การนำไปใช้จริง นำไปลองพูดบอกต่อ มันจะทำให้เราจำได้ดีขึ้นอีก 60%
2. อ่านสลับไปกับการพักผ่อน ดีกว่าการพยายามอ่านจนจบ
การที่เราทุ่มเทนั้นดี แต่พอเราทุ่มเทมาก ๆ ความเหนื่อยล้าจะทำให้สมาธิของเราลดน้อยลง การพักผ่อนสมองจะช่วยให้สมองผ่อนคลายและได้พักผ่อน เป็นการเสริมให้ความจำเราดีขึ้น ยกตัวอย่าง นักเรียนสองกลุ่ม กลุ่มแรกที่อ่านหนังสือแบบอ่านทีละน้อย แต่อ่านสม่ำเสมอทุกวัน กลับทำข้อสอบและแบบฝึกหัดได้ดีกว่า กลุ่มเด็กที่พยายามจะอ่านให้จบครั้งเดียวภายใน 1-3 วันก่อนสอบ เพราะฉะนั้น จะดีกว่าถ้าเราพักความต่อเนื่องที่มากเกินไป เพื่อเสริมสร้างความผ่อนคลายให้สมองได้จดจำดีขึ้น และไปเน้นที่ความสม่ำเสมอแทน
3. ฝึกยกตัวอย่างเวลาที่เราอ่าน ยิ่งยกเรื่องที่อยู่ในชีวิตประจำวันจะยิ่งเห็นภาพและจดจำได้ดีขึ้น
เมื่อเราลองจินตนาการสิ่งที่เราอ่าน เราจะจำได้มากขึ้น จากการพยายามยกตัวอย่างภายในหัวและคิดตาม อย่างเช่น เราอ่านถึงพวกประโยคอุปมาอุปมัย ประโยคที่ว่าหว่านเมล็ดลงพื้น บางเมล็ดกระเด็นตกดินที่อุดมสมบูรณ์ บางเมล็ดตกดินที่แห้งขาดน้ำ ประโยคนี้สมองของเราจะจินตนาการออกมาทันที และเราจะเริ่มวิเคราะห์จนสมองฉายภาพตามขึ้นมา
เราจะมองเห็นว่า เมล็ดที่ตกดินดีจะเติบโตเป็นต้นอ่อนจนโตขึ้นเป็นต้นได้ เหมือนกับเวลาที่เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ชีวิตและความคิดของเราก็จะได้รับการพัฒนาขึ้นไปด้วย ในขณะที่เมล็ดอีกส่วนหนึ่งที่ตกลงดินแห้ง ๆ จะไม่มีทางโตขึ้นได้ หรือต่อให้โตมันก็จะตายอยู่ดี เหมือนกับชีวิตของบางคนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ลำบากเกินกว่าจะโตขึ้นมาได้
4. เราต้องมีสมาธิกับสิ่งที่เราจดจ่อในตอนนั้นจริง ๆ พร้อมกับทบทวน
นี่คือวิธีที่เราจะต้องนำสิ่งที่รบกวนสมาธิเราออกไปจากโซนของเรา ไม่มีใครอดทนต่อสิ่งเร้าได้ อย่างเช่น เสียงแจ้งเตือนของมือถือ เพียงแค่มันดังมือของเราก็จะหยิบมากดปุ่มอ่านมันแล้ว เพราะฉะนั้น จงปิดและเอาสิ่งที่จะทำสมาธิเราหลุด ออกไปให้ห่างจากสายตาเราให้มากที่สุด บางคนอาจจะไม่มีปัญหากับมือถือ แต่ดันมีปัญหากับบรรดาหนังสือการ์ตูนบนชั้นวางแทนก็มี แนะนำให้เก็บกองเหล่านั้นไว้ในที่ลับตาจะดีที่สุด หรือเอาผ้ามาคลุมไปซะเลย
5. ฝึกการออกกำลังในรูปแบบต่าง ๆ
การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายของเราผ่อนคลายขึ้น และลดความเครียด คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะสังเกตตัวเองได้เมื่อเราตั้งใจโฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ว่าสมองของเราจะโล่งพร้อมดูดซับสิ่งต่าง ๆ ที่เรียนรู้ได้ในช่วงเวลานั้นอย่างแน่นอน เราควรเลือกออกกำลังกายแบบไหน ตอบได้เลยว่า ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะวิ่ง โยคะ ว่ายน้ำ เล่นบาสฯ ต่างก็ถือเป็นการออกกำลังกายที่ดีทั้งสิ้น และร่างกายจะหลั่งสารให้เราตื่นตัวพร้อมรับรู้สิ่งรอบตัวได้ดีขึ้น
6. จงนอนหลับให้เพียงพอ
แม้ว่าทุกข้อของเราจะผ่าน แต่ถ้าเรานอนหลับไม่เพียงพอ สมองของเราจะรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่สามารถรับรู้สิ่งที่หนัก ๆ ได้ การนอนไม่หลับ หรือไม่สามารถเข้าสู่สภาวะการหลับลึกได้ เราจะขาดสมาธิไปอย่างแน่นอน และทำให้เกิดอุปสรรคต้อความจำ ไม่ใช่แค่เรื่องการอ่านหนังสือ แต่รวมไปถึงการทำงานต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของเราด้วย เพราะแบบนั้น หากทุกคนมีสิ่งที่ช่วยให้หลับสบาย หลับสนิทได้ ทั้งยังเสริมสร้างสมอง ขอแนะนำให้ทานก่อนนอนเพื่อช่วยให้สมองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จบสรุปแล้ว หากมีเรื่องน่าสนใจอื่น ๆ จะมาเขียนเพิ่ม