รู้โรคเมาตอซัง เทคนิคการผลิตข้าวให้ผลผลิตสูง
โรคเมาตอซัง
โรคเมาตอซัง
เป็นโรคพืชที่พบได้บ่อยในนาข้าวในประเทศไทย เป็นโรคที่ไม่มีเชื้อสาเหตุ เกิดจากความเป็นพิษของสภาพดินและน้ำ เกิดจากกระบวนการหมักสลายของเศษซากพืชในนาข้าวที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดสารพิษ เช่น สารซัลไฟด์ (H2S) ไปทำลายรากข้าว ทำให้รากเน่าดำ รากไม่สามารถดูดธาตุอาหารจากดินได้ ต้นข้าวจึงแสดงอาการขาดธาตุอาหาร
การแก้ปัญหาโรคเมาตอซัง
การแก้ปัญหาเรื่องเมาตอซังแบบไม่ยาก และเข้าใจง่าย ทำแล้วเห็นผลภายใน 7 -10 วัน ข้าวจะเริ่มค่อยๆ ดีขึ้นทุกวัน
ลักษณะการเกิดข้าวเมาตอซัง ข้าวจะมีอาการเหลืองทั่วทั้งแปลง รากดำ ตรงไหนฟางหนาจะเหลืองค่อนข้างหนักมาก ตรงไหนฟางน้อยจะเหลืองน้อยหน่อย แต่ภาพรวมคือเหลืองทั้งแปลง และจะต้องเหลืองแบบแตกต่างจากการเข้าทำลายของโรค
วิธีการดูว่าเป็นเมาตอซังหรือไม่
การเช็คว่าใช่ข้าวเกิดกระบวนการเมาตอซังหรือไม่ ให้ลงไปในแปลง เดินเหยียบนาในข้าวเพื่อเช็คว่าดินตรงนั้นเกิดฟองอากาศจำนวนมาก หรือไม่ ถ้ามีฟองอากาศนั่นคือใช่ (แก๊สไข่เน่า) และภายในแปลง น้ำจะร้อนเพราะฟางและดินอมความร้อน เอาไว้ในแปลง ดึงข้าวมาดู จะไม่ค่อยมีรากใหม่ รากส่วนใหญ่ดำ ไม่มีรากขาว
สาเหตุการเกิดโรคเมาตอซัง
เพราะฟางเกิดกระบวนการหมักแบบไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดแก๊สและความร้อนภายในดิน ตัวการสำคัญที่ให้เกิดกระบวนการนี้ คือ ฟางกับ น้ำ ถ้ามีแต่น้ำไม่มีฟางไม่เกิดกระบวนการเมาตอซัง ถ้าไม่มีฟาง มีแต่น้ำ ก็ไม่เกิดเมาตอซัง
เพราะฉะนั้นต้องตัดอย่างใดอย่างหนึ่งออกในช่วงข้าวเล็กและเริ่มแตกกอ เพื่อไม่ให้เกิดกระบวนเมาตอซัง
ง่ายสุดคือตัดน้ำออกจากแปลง เพราะเราไม่สามารถเอาฟางออกจากแปลงได้แล้ว การแก้ง่ายที่สุดคือแก้ที่น้ำ
วิธีการแก้ปัญหาเมาตอซัง
1. ปล่อยน้ำให้เหลือในแปลงแบบน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ หรือน้ำคลุกคลิก ปล่อยให้เหลือแค่หว่านปุ๋ยละลายเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องให้มีน้ำมากเลย
2. เมื่อน้ำได้ระดับตามที่ต้องการ ให้หว่านปุ๋ย ครบสูตร 16-16-8, 16-8-8,หรือ สูตรอะไรก็ได้ที่มีครบสูตรแบบนี้ (เป็นวิธีการล่อลากใหม่) หว่านพราวๆ บางๆ เท่านั้น โดยประมาณ 5-7 ก.ก ต่อไร่พอ ไม่เน้นปริมาณมาก เพราะช่วงนี้ระบบรากไม่สมบูรณ์ ระบบบรากข้าวเสียหายค่อนข้างหนัก และการหว่านปริมาณมาก ข้าวไปจะเอาปุ๋ยไปใช้ไม่ทัน เกิดความเสียหาย หรือสูญเสียมากกว่า
3. หลังหว่านปุ๋ยได้ 2-3 วันหรือช่วงดินชื้นๆ ให้พ่นฮอร์โมนพีเอนบูม 1.5-2 เท่า เสริมทางใบเข้าไปด้วย เพราะระบบรากเสียหาย ต้องให้กินทางใบทดแทนทางรากก่อน การพ่นทางใบพืชเอาไปใช้ได้ทันที เข้าดูดซึมเข้าทางปากใบ เวลาพ่น ทุกคนทราบแล้วว่าเวลาไหนเหมาะสม ช่วงใบเปิด
4.ปล่อยให้ดินแห้งแบบแตกระแหงไปเลย แตกจนดินขาว เพื่อระบายแก๊สที่อยู่ในดินออกให้หมด ปล่อยแห้งอย่างน้อย 1 อาทิตย์ ขึ้นไป 2 อาทิตย์ยิ่งดี ดินไม่แตกห้ามเอาน้ำใส่เด็ดขาดเพราะจะแก้ปัญหานี้ไม่ได้
5. เมื่อดินแตก จนดินเป็นร่องลึก เอาน้ำเข้าในระดับน้อยๆ หรือระดับน้ำคลุกคลิก ให้หว่านปุ๋ยอีก 1 รอบ ใช้สูตรเดิม ใช้ปุ๋ยครบสูตร แต่เพิ่มปริมาณมากขึ้น จากเดิม 1 เท่าตัว เพื่อให้พืชได้กินปุ๋ยทางดิน การเติม N จะช่วยสร้างต้น สร้างใบ เติม P ช่วยในกระบวนการสร้างราก สร้างดอก การผสมติด เติม K สร้างความแข็งของเชลล์ และสร้างแป้ง สร้างน้ำหนัก
6. เมื่อหว่านปุ๋ยแล้ว 2-3 วันเพิ่มระดับน้ำเพื่อให้ปุ๋ยเคลื่อนย้ายที่ไปหารากพืช และเป็นการล่อรากออกด้านข้าง และด้านลึก
7.ปรับแต่งตามหน้างาน ตรงไหนไม่เสมอต้องปรับแต่งให้ข้าวเสมอด้วยวิธีอื่น
การแก้ปัญหาโรคนี้ไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลา และต้องใจแข็งพอเรื่องงดน้ำให้แห้ง รับประกันเพราะแก้เรื่องนี้มานักต่อนักแล้ว
ปัญหาคือฟาง ลองกลับไปคิดว่าเราจะทำยังไงกับมันได้ ให้มันเหลือในแปลงน้อยที่สุด เมื่อเราต้องเร่งรอบทำ เช่น
1.อัดฟางก้อน
2.กระจายฟางแล้วเผา
3. พักแปลงรอน้ำ แล้วเพื่อไถกลบเพื่อให้ผุแล้วกลายเป็นปุ๋ย
4.ตีหมักทิ้งไว้อย่างน้อย 2 อาทิตย์ และราด EM ช่วยย่อยฟาง
5.ถ้าเร่งรอบควรทำทุกวิธีที่กล่าวมา รับรองไม่เกิดเมาตอซังแน่นอน
แต่ถ้ามีเวลาพักแปลง 2-3 เดือน เพราะต้องรอน้ำ ปล่อยทิ้งให้ยืนคาต้นเลยครับ น้ำค้างกับแดดจะทำให้ต้นและฟางข้าวมันยุบตัว และผุไปเอง นี่คือการแก้ปัญหาแบบมืออาชีพต้องเข้าใจว่ามันเกิดยังไง และต้องแก้แบบไหนที่ตรงจุด