หลุมอากาศคืออะไร? มีลักษณะเป็นอย่างไร ?
หลุมอากาศ (Turbulence) คือ บริเวณที่ความหนาแน่นของอากาศไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้เกิดแรงลมกระโชกแรงและอากาศปั่นป่วน เมื่อเครื่องบินบินผ่านบริเวณนี้ แรงยกจากปีกก็จะลดลงกระทันหัน ทำให้ตัวเครื่อง "ตก" ลงไปนิดนึง โดยเป็นความรู้สึกแบบนั่งรถยนต์แล้วตกหลุม หรือพื้นที่ขรุขระ
หลุมอากาศสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- การปะทะกันของอากาศที่มีอุณหภูมิและความชื้นต่างกัน
- ลมเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว
- เครื่องบินลำอื่นที่บินอยู่ก่อนหน้า
- พายุ
หลุมอากาศสามารถเกิดขึ้นได้ในระดับความสูงต่างๆ ตั้งแต่ระดับพื้นดินไปจนถึงชั้นบรรยากาศชั้นสูง โดยทั่วไปแล้ว หลุมอากาศที่พบบ่อยที่สุดคือหลุมอากาศขนาดเล็กที่เกิดขึ้นที่ระดับความสูงต่ำ หลุมอากาศเหล่านี้มักเกิดขึ้นในช่วงที่มีลมแรงหรือมีพายุ
เมื่อเครื่องบินตกหลุมอากาศ ผู้โดยสารจะรู้สึกเหมือนเครื่องตกลงไปเล็กน้อย บางครั้งเครื่องอาจสั่นสะเทือนและเกิดการกระแทกเบาๆ ผู้โดยสารอาจรู้สึกไม่สบายท้องหรือคลื่นไส้ได้ อย่างไรก็ดี หลุมอากาศส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายต่อเครื่องบินและผู้โดยสาร
นักบินมีเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยในการหลีกเลี่ยงหลุมอากาศ เช่น เรดาร์ตรวจจับสภาพอากาศ และระบบเตือนภัยหลุมอากาศ อย่างไรก็ตาม หลุมอากาศขนาดเล็กบางแห่งอาจไม่สามารถตรวจจับได้
วิธีป้องกันอาการบาดเจ็บจากการตกหลุมอากาศ ผู้โดยสารควรรัดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาขณะอยู่บนเครื่องบิน และควรนั่งในท่าที่มั่นคง ผู้โดยสารควรหลีกเลี่ยงการยืนหรือเดินไปรอบๆ เครื่องบินขณะที่เครื่องบินกำลังตกหลุมอากาศ
ลักษณะของหลุมอากาศสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
- หลุมอากาศแบบลูกคลื่น (Wave turbulence) เกิดจากกระแสลมที่เคลื่อนที่ขึ้นและลงเป็นลูกคลื่น หลุมอากาศประเภทนี้มักเกิดขึ้นที่ระดับความสูงสูง และอาจทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนเครื่องบินกำลังถูกเหวี่ยงขึ้นและลง
- หลุมอากาศแบบปั่นป่วน (Rotating turbulence) เกิดจากกระแสลมที่เคลื่อนที่หมุนวน หลุมอากาศประเภทนี้มักเกิดขึ้นที่ระดับความสูงต่ำ และอาจทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนเครื่องบินกำลังถูกเหวี่ยงไปด้านข้าง
หลุมอากาศเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของนักบินและรัดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาขณะอยู่บนเครื่องบิน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บได้