บทเรียนจาก โศกนาฏกรรมจากเรือดำน้ำในอดีตเมื่อ กองทัพเรือไทย จะใช้เครื่องยนต์จากจีน

บทเรียนจาก โศกนาฏกรรมจากเรือดำน้ำในอดีตเมื่อ กองทัพเรือไทย จะใช้เครื่องยนต์จากจีน

ย้อนรอยดูอุบัติเหตุน่าสลดสู่โศกนาฏกรรมจากเรือดำน้ำ

1 การหายสาบสูญของเรือดำน้ำ Surcouf หนึ่งในเรือดำน้ำเลื่องชื่อของฝรั่งเศสที่เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1929 ประจำการมายาวนานจนถึงการเปิดฉากของสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ด้วยการยอมแพ้ของฝรั่งเศส เรือดำน้ำลำนี้จึงอยู่ภายใต้การครอบครองของอังกฤษ คอยทำหน้าที่ตระเวนในน่านน้ำของมหาสมุทรแอตแลนติก

เหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1942 เมื่อ Surcouf ใช้เส้นทางคลองปานามามุ่งสู่เกาะตาฮิติ แต่หลังได้รับคำสั่งเรือดำน้ำกลับขาดการติดต่อ เรือดำน้ำลำนี้ไม่เคยเดินทางมาถึงคลองปานามาและหายสาบสูญไปอย่างน่าฉงน พร้อมกับลูกเรืออีกกว่า 130 คนที่ไม่ทราบชะตากรรม

ในช่วงเวลานั้นเกิดข้อสงสัยและทฤษฎีมากมายกับการหายไปของเรือดำน้ำลำนี้ บางส่วนถึงขั้นมีการจับโยงกับสามเหลี่ยมเมอร์บิวดา แต่ทฤษฎีที่มีความเป็นไปได้สูงสุดคือ เกิดอุบัติเหตุทำให้ Surcouf ชนเขากับเรือบรรทุกสินค้า Thompson Lykes ของสหรัฐฯ นำไปสู่ความเสียหายของตัวเรือจนเกิดการอับปางลงในที่สุด

2.อุบัติเหตุทางนิวเคลียร์จากเรือดำน้ำ K-19 เรือดำน้ำ K-19 เป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ลำแรกๆ ของสหภาพโซเวียต และถือเป็นเรือดำน้ำที่บรรจุขีปนาวุธข้ามทวีปที่มีการติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ไว้ภายใน จากความพยายามพัฒนายุทโธปกรณ์เพื่อเตรียมรับมือในยุคสมัยสงครามเย็น ทำให้ K-19 เป็นเรือดำน้ำที่ทันสมัยและมีศักยภาพสูงสุดแห่งยุค

แต่อันที่จริงเรือดำน้ำลำนี้เคยเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ เพียงปีแรกในการเข้าประจำการของ K-19 ก็เกิดการขัดข้อง ระบบหล่อเย็นของหนึ่งในเตาปฏิกรณ์เสียหาย ส่งผลให้เตาปฏิกรณ์สะสมความร้อนจนอุณหภูมิพุ่งสูงกว่า 800 องศาเซลเซียส อีกทั้งพวกเขาไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากเสาวิทยุที่ถูกทำลาย

เพื่อป้องกันเหตุร้ายแรงกัปตันจึงออกคำสั่งให้ทำการซ่อมแซมเตาปฏิกรณ์ ผลลัพธ์นั้นทำให้เกิดการรั่วไหลและเกิดการกระจายของกัมมันตรังสีเป็นวงกว้างทั่วทั้งลำเรือ แม้สุดท้ายพวกเขาจะสามารถพาเรือดำน้ำมาขอความช่วยเหลืออย่างปลอดภัย แต่วิศวกรชุดแรกที่เข้าไปซ่อมแซมเตาปฏิกรณ์เสียชีวิตใน 2 สัปดาห์ อีก 15 คนเสียชีวิตหลังจากนั้น 2 ปี และคาดว่าลูกเรืออีกกว่าร้อยคนที่เหลือก็ได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากรังสีเช่นกัน

3.อุบัติเหตุเรือดำน้ำ USS Thresher ในช่วงสงครามเย็นความพยายามในการพัฒนาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ไม่ได้มีแค่โซเวียต ทางฝั่งสหรัฐฯก็พัฒนาเรือดำน้ำ USS Thresher เพื่อให้พร้อมรับมือกรณีเกิดสงครามเต็มรูปแบบระหว่างมหาอำนาจ และถือเป็นอีกหนึ่งเรือดำน้ำล้ำสมัยที่สุดในยุคนั้น

ระหว่างการทดสอบดำลงไปใต้ผืนน้ำ ในวันที่ 10 เมษายน 1963 เรือดำน้ำ USS Thresher เกิดการขัดข้องระหว่างการดำน้ำลึก ส่งผลให้เรือดำน้ำสูญเสียพลังงานขับเคลื่อนและจมลงอย่างช้าๆ ก่อนนำไปสู่การระเบิดขนาดใหญ่ที่คร่าชีวิตลูกเรือทั้ง 129 รายในพริบตา

จากการสืบสวนภายหลังได้รับการข้อสรุปว่า เรือดำน้ำ USS Thresher เสียหายจากระบบท่อภายในเรือเกิดการรั่วซึม ส่งผลให้วงจรและอุปกรณ์ภายในเรือขัดข้องจนลูกเรือไม่สามารถซ่อมแซมหรือกอบกู้เรือดำน้ำได้ นำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงดังกล่าว

4.การหายสาบสูญที่ยังเป็นปริศนาจนปัจจุบันของ USS Scorpion อีกครั้งที่อุบัติเหตุใหญ่จากเรือดำน้ำเกิดขึ้นกับเรือของสหรัฐฯ กับเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ USS Scorpion ได้รับการเปิดตัวครั้งในปี 1959 มีส่วนร่วมในยุทธการและปฏิบัติการเกี่ยวกับการรบใต้น้ำมากมาย แต่สุดท้ายชะตากรรมของเรือกลับยังเป็นปริศนาจนทุกวันนี้

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 22 พฤษภาคม 1968 สัญญาณการติดต่อจากเรือดำน้ำ USS Scorpion ก็ขาดลงและหายสาบสูญไปโดยสิ้นเชิง ในระยะทาง 400 ไมล์ทางตะวันตกเฉียงใต้จากหมู่เกาะ Azores ส่งผลให้ลูกเรือจำนวนกว่า 99 รายหายสาบสูญไปพร้อมกัน ก่อนพวกเขาจะพบซากเรือดำน้ำในระดับความลึก 10,000 ฟุต

ความน่าสนใจของเรือดำน้ำ USS Scorpion คือ จนวันนี้พวกเขาก็ยังไม่สามารถสรุปหรือคาดเดาสาเหตุของการอับปางลงของเรือดำน้ำล้ำนี้ได้ แม้มีการตั้งสมมติฐานว่าอาจเกิดจากการะเบิดของตอร์ปิโดที่บรรทุกไว้ ตัวเรืออาจดำลงไปในระดับความลึกจนเกินไป หรือกระทั่งการปะทะกับเรือดำน้ำโซเวียต แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดจนวันนี้

5.อีกหนึ่งโศกนาฏกรรมเรือดำน้ำยุคสงครามเย็น K-129 ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับเรือดำน้ำพบได้บ่อยในยุคสงครามเย็น จากความนิยมในการใช้งานเรือดำน้ำในทางยุทธศาสตร์ K-129 เรือดำน้ำทางยุทศาสตร์ของโซเวียตผ่านร้อนผ่านหนาวนับสิบปี ก็จมลงและถูกจดจำในหน้าประวัติศาสตร์ในฐานะอีกหนึ่งโศกนาฏกรรม

 เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม 1968 เรือดำน้ำ K-129 สูญหายภายหลังออกปฏิบัติการลาดตระเวน เรือดำน้ำขาดการติดต่อจากกองบัญชาการไปอย่างกะทันหันพร้อมลูกเรือกว่า 98 ชีวิต นำไปสู่การปูพรมค้นหาเต็มรูปแบบของโซเวียตในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมีนาคม

 การค้นหาให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามความคาดหวังเมื่อโซเวียตต้องกลับมามือเปล่าและลงสรุปว่าเรือดำน้ำ K-129 หายสาบสูญไประหว่างปฏิบัติภารกิจ ต้องรอจนปี 1974 ซากของ K-129 จึงได้รับการค้นพบจากเรือดำน้ำ USS Halibut ด้วยการสำรวจของ CIA กระนั้นก็ยังไม่มีข้อสรุปถึงสาเหตุในการขัดข้องอยู่ดี

6.ภัยพิบัติเรือดำน้ำยุคใหม่ K-141 Kursk ข้ามผ่านจากช่วงสงครามเย็นความนิยมในการจัดสร้างและพัฒนาเรือดำน้ำทางยุทธศาสตร์เริ่มลดลง ส่งผลให้การเกิดอุบัติเหตุลดลงไปด้วย นั่นไม่ได้หมายความว่าอุบัติเหตุจากเรือดำน้ำจะหมดไป กับอีกหนึ่งโศกนาฏกรรมจากเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ K-141 Kursk ของรัสเซีย

 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 12 สิงหาคม 2000 ภายใต้การซ้อมรบครั้งใหญ่ของรัสเซียในรอบ 10 ปี เรือดำน้ำ K-141 Kursk เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ทำให้เรือดำน้ำเกิดความเสียหาย นำไปสู่การเสียชีวิตของลูกเรือเกือบทั้งหมด และอีก 23 คนแม้รอดชีวิตจากระเบิด แต่ก็ต้องขาดอากาศหายใจจากการช่วยเหลือไม่ทันท่วงที

 สาเหตุของการระเบิดในครั้งนี้คาดว่าเกิดจากการรั่วไหลของ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ จากตอร์ปิโดที่ใช้ในการซ้อมรบ เมื่อมีการยิงโดยไม่ได้ทำการตรวจสอบตอร์ปิโดจึงระเบิดคาเรือดำน้ำ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายร้ายแรงและการเสียชีวิตจำนวนมากในที่สุด

7.โศกนาฏกรรมจากเรือดำน้ำจีน Changcheng 361 อีกหนึ่งโศกนาฏกรรมจากเรือดำน้ำจีน เรือดำน้ำ Changcheng 361 ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายไม่แพ้กัน

 เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 16 เมษายน 2003 ภายในช่วงเวลาการซ้อมรบร่วมระหว่างจีนและเกาหลีเหนือ เรือดำน้ำ Changcheng 361 ขาดการติดต่อกับศูนย์บัญชาการอย่างกะทันหัน ต้องใช้เวลาหลังจากนั้นอีกนับสิบวัน เรือดำน้ำจึงถูกค้นพบจากชาวประมงในวันที่ 25 เมษายน พร้อมการเสียชีวิตของลูกเรือทั้งหมด 70 คน

 จากการสอบสวนหาสาเหตุหลังการเก็บกู้ พวกเขาพบว่ากลไกการทำงานของเรือดำน้ำ Changcheng 361 เกิดการขัดข้อง ทำให้ออกซิเจนรั่วไหลและถูกเผาไหม้จนไม่เหลืออากาศหายใจ และเป็นเหตุให้ลูกเรือทุกคนในเรือดำน้ำเสียชีวิตและไม่สามารถติดต่อกลับมาได้อีก