วางแผนเกษียณอย่างไรให้มีเงินใช้ไม่ขาดมือ
วางแผนเกษียณอย่างไรให้มีเงินใช้ไม่ขาดมือ บทความนี้แนะนำแนวทางการวางแผนเกษียณตั้งแต่เริ่มต้น ไปจนถึงการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน เพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะมีรายได้หลังเกษียณอย่างมั่นคง
การเกษียณเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนและได้ทำในสิ่งที่รัก แต่หลายคนอาจกังวลว่าจะมีเงินใช้ไม่เพียงพอหลังเกษียณ เพราะอายุที่เพิ่มขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายต่างๆ สูงขึ้น ประกอบกับรายได้จากการทำงานจะหายไป ดังนั้น การวางแผนเกษียณจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีเงินใช้ไม่ขาดมือและใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีความสุข
ขั้นตอนในการวางแผนเกษียณ
- กำหนดเป้าหมาย
สิ่งแรกที่ควรทำในการวางแผนเกษียณคือ การกำหนดเป้าหมายว่าคุณต้องการมีเงินใช้หลังเกษียณเท่าไร โดยคำนวณจากค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าที่อยู่อาศัย ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น จากนั้นจึงกำหนดระยะเวลาที่คุณต้องการเกษียณ
- ประเมินสถานะการเงินปัจจุบัน
ตรวจสอบเงินออมที่มีอยู่ในปัจจุบัน และรายได้ที่คาดว่าจะได้รับหลังเกษียณ เช่น เงินบำนาญ เงินประกันชีวิต เงินปันผลจากการลงทุน เป็นต้น เพื่อประเมินว่ามีเงินเพียงพอต่อเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ หากมีเงินไม่เพียงพอ ก็ต้องเพิ่มการออมหรือลงทุนมากขึ้น
- เลือกช่องทางการออมและลงทุน
มีช่องทางการออมและลงทุนหลายประเภท แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป จึงควรเลือกช่องทางที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และเป้าหมายที่ตั้งไว้ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ประกันชีวิตแบบบำนาญ หุ้น ตราสารหนี้ เป็นต้น
- ทบทวนแผนการลงทุนเป็นประจำ
ภาวะเศรษฐกิจและตลาดการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ควรทบทวนแผนการลงทุนเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่ายังเหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
เคล็ดลับการวางแผนเกษียณ
- เริ่มออมเงินตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เวลาทำงานเติบโตตามดอกเบี้ยทบต้น
- เพิ่มการออมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีเงินเพียงพอต่อเป้าหมาย
- กระจายความเสี่ยงในการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินทั้งหมด
- วางแผนค่าใช้จ่ายหลังเกษียณให้เหมาะสมกับรายได้
- เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
ตัวอย่างแผนเกษียณ
สมมติว่าคุณอายุ 30 ปี ต้องการมีเงินใช้หลังเกษียณ 10 ล้านบาท และต้องเกษียณตอนอายุ 60 ปี โดยคาดว่าจะมีรายได้จากเงินบำนาญประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน ดังนั้น คุณต้องมีเงินออมอีก 5 ล้านบาท
จากการคำนวณพบว่า คุณจะต้องออมเงินเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 30 ปี คุณสามารถแบ่งเงินออมออกเป็น 2 ส่วน คือ เงินออมเพื่อใช้จ่ายทั่วไป และเงินออมเพื่อลงทุน โดยเงินออมเพื่อใช้จ่ายทั่วไปควรออมในบัญชีเงินฝากหรือกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ ส่วนเงินออมเพื่อลงทุนควรออมในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงปานกลางถึงสูง เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ คุณควรพิจารณาลดค่าใช้จ่ายในปัจจุบันลง เพื่อเพิ่มเงินออมหรือลงทุนมากขึ้น เช่น เลิกสูบบุหรี่ ลดการรับประทานอาหารนอกบ้าน เป็นต้น
การวางแผนเกษียณเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีเงินใช้ไม่ขาดมือและใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีความสุข ดังนั้น ควรเริ่มวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ และทบทวนแผนเป็นประจำเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
ภาพวาดแผ่นเดียว ครูต้องรีบแจ้งแม่ให้พาไปหาหมอ ด่วน!!!
IO เขมรปั่นหนัก! ใช้ AI สร้างพาสปอร์ตปลอม อ้าง “บัวขาว” เป็นคนกัมพูชา ไม่ใช่คนไทย



