ตะแบก ไม้บ้าน ๆ ที่พบเจอบ่อย ๆ แต่มันมีสรรพคุณและประโยชน์มากมาย
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วงที่พี่ชื่นชม หรีดหริ่งระงมพี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว..เป็นบทเพลงที่สะท้อนความงามและความขมขื่น ของต้นไม้ชนิดหนึ่ง ถ้าย้อนยุคไปประมาณ ยุค 80 คงไม่มีใครที่ไมรู้จักต้นตะแบกต้นนี้เป็นแน่แท้ ทีนี้เรามารู้จักต้นตะแบกกันครับ
ตะแบกเป็นไม้เนื้อแข็งสีเทา หรือสีน้ำตาล อมเทา เสี้ยนตรง เนื้อไม้ละเอียดปานกลาง เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 15 - 30 เมตร เปลือกเรียบเป็นมัน สีเทาอมขาว และมีรอยแผลเป็นหลุมตื้น ๆ ตลอดลำต้น ใบเป็นใบเดี่่ยว ออกตรงข้ามหรือเยื่องกันเล็กน้อย ใบอ่อนสีแดงมีขนสั้นอ่อนนุ่มปกคลุม ใบแก่ขนจะหลุดหายไป แผ่่นใบรูปขอบขนานแกมรูปหอก กว้าง 5 - 7 เซนติเมตร ยาว 12 - 20 เซนติเมตร ปลายใบเป็นติ่งแหลม โคนสอบ
ประโยชน์ของตะแบก ไม้ตะแบกเป็นไม้ที่มีคุณค่าชนิดหนึ่งของไทย สามารถนำมาใช้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ต้องการรับน้ำหนักมาก ๆ เช่นรอด ตอ กาน เครื่องบน ไม้ปาร์เก ใช้ในงานก่อสร้างอาคารบ้านเรือน เรือ แพ เกวียน แจว เครื่องมือกสิกรรม ฯลฯ ส่วนไม้ตะแบกชนิดลาย จะนิยมนำมาใช้ทำเครื่องครัวเรือน ด้่ามหอก ด้ามมีด พานท้ายปืน ไม้คิวบิลเลียด กรอบรูปภาพ ไม้บุผนังที่สวยงาม นอกจากนี้เนื้อไม้ยังสามารถน้ำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี มีการนำตะแบกมาปลูกเป็นไม้ประดับในรูปสวนป่าน้อย ปัจจุบันนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับกันอย่างแพ่หลาย
สรรพคุณของตะแบก
. เปลือกมีสรรพคุณเป็นยาแก้ลงแดง ( เปลือก )
. เปลือกใช้ปรุงเป็นยาแก้บิด และมูกเลือ ( เปลือก )
. ขอนดอกมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจ บำรุงปอด บำรุงตับ บำรุงทารกในครรภ์ (ขอนดอก )
. ใช้เป็นยาแก้ลมกองละเอียด ได้แก่อาการหน้ามืด ตาลาย สวิงสวาย ใจสั่น บำรุงดวงจิตให้สดชื่น ( ขอนดอก )
. ใช้เป็นยา แก้ไข้ร้อนเพื่อตรีโทษ แก้เหงื่อ แก้เสมหะ ( ขอนดอก )
. ในบัญชียาจากสมุนไพรมีปรากฏการใช้ขอนดอกในกลุ่มการรักษาอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต ( แก้ลม ) ซึ่งมีส่วน ประกอบของขอนดอก ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ในตำหรับ ได้แก่ ตำหรับ " ยาหอมเทพจิตร " ที่มีสรรพคุณเป็นยาแก้ลมกองละเอียด (อาการหน้ามืด ตาลาย สวิงสวาย ใจสั่น บำรุงดวงจิตให้ชุ่มชื่น ) และตำหรับ " ยาหอมนวโกฐ " ที่มีสรรพคุณ ในการแก้ลมวิงเวียน คลื่นเหียน อาเจียน แก้ลมจุกแน่นในอก ในผู้สูงอายุ แก้ลมปลายไข้ ( อาการหลังจากการฟื้้นไข้ แล้วยังมีอาการคลื่นเหียน วิงเวียน เบื่ออาหาร ท้องอืด อ่อนเพลีย ( ขอนดอก )
. ตำราพระโอสถพระนารายณ์มีปรากฏ การใช้ขอนดอก ร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ อีก 15 ชนิด อย่างละเท่ากัน ่นำมาบดให้ละเอียด ทำเป็นแท่งใช้น้ำดอกไม้เป็นกระสายยา เมื่อจะใช้ก็ละลายน้ำซาวข้าวหรือน้ำดอกไม้ก็ได้ ใส่พิมเสนลงไปเล็กน้อยใช้ ชโลมตัวเป็นยาแก้ไข้ ( ขอนดอก )
จะเห็นได้ว่าจากในอดีตตะแบก มีประโยชน์และสรรพคุณที่ใช้กันมานาน แม้ในปัจจุบัน จะพัฒนาไปมากแล้วก็ตามแต่เราก็ควรอนุรักษ์ไว้เพื่อให้ลูกหลานเราได้เรียนรู้ และภาคภูมิใจกับ สติปัญญาจากบรรพบุรุษของเรา...