ใช้ชีวิตในฐานะลูกฆาตกรตลอดชีวิต!
แม่ของมาเอดะเป็นชาวเกาหลี ส่วนพ่อแท้ ๆ ของเขาเป็นคนไต้หวัน ตอนที่เขา 3 ขวบ พ่อกับแม่ก็หย่ากัน หลังจากนั้นแม่ก็ไปทำงานที่ญี่ปุ่น พ่อกลับไปไต้หวัน ส่วนมาเอดะอยู่กับญาติ ๆ ที่เกาหลี
ตอนที่เขา 7 ขวบ แม่ก็มารับเขาให้ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วย ตอนที่มาเอดะมาถึงญี่ปุ่น ถึงได้รู้ว่าแม่แต่งงานใหม่กับผู้ชายชาวญี่ปุ่นแล้วถึงได้พาเขามาอยู่ด้วยได้
เขากับพ่อเลี้ยงชาวญี่ปุ่นไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน พ่อไม่ได้ใจร้ายกับเขา แต่ก็ไม่ได้ดีกับเขาเป็นพิเศษ เป็นครอบครัวแบบปกติทั่ว ๆ ไป พ่อเลี้ยงทำงานอยู่บริษัทใหญ่โตมีลูกน้องมากมาย เพราะรักและใส่ใจพนักงานจึงรักพ่อเลี้ยงมาก ๆ อันที่จริงแม่เองก็เป็นลูกน้องพ่อมาก่อน ทั้งคู่พบรักและแต่งงานกัน เพื่อหนีคำซุบซิบแม่ก็เลยลาออกมาเป็นแม่บ้านอย่างเดียว
ชีวิตแต่งงานของแม่กับพ่อเลี้ยงไม่ได้ราบรื่นนัก แม่เป็นคนขี้หึง ส่วนพ่อเลี้ยงเป็นคนเจ้าชู้ ทั้งฐานะหน้าที่การงานและการเงิน ทำให้มีคนเข้าหาพ่อเลี้ยงตลอด ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ทำให้พ่อกับแม่ทะเลาะกัน แต่ทั้งคู่ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
ในตอนที่เขาอายุ 18 วันนึงตอนที่มาเอดะเรียนอยู่ ก็มีสายแปลกโทรเข้ามา สายนั้นนำพาเขาไปที่โรงพัก และไปจบที่โรงพยาบาล เขาถูกขอให้ยืนยันร่างที่นอนอยู่ตรงหน้าว่าใช่พ่อเลี้ยงของเขาหรือไม่ ที่เจ็บปวดไปกว่านั้น ยังมีอีกร่างข้าง ๆ ที่ถูกให้มาเอดะยืนยันว่าเป็น " แม่ " ของเขาหรือไม่ " แม่ฆ่าพ่อเลี้ยง และฆ่าตัวตายตาม " เขากลายเป็นทั้งลูกของเหยื่อ และลูกของฆาตกร มันโหดร้ายเกินกว่าที่เขาจะรับมือไหวในวัย 18 ปี
ที่งานศพ มาเอดะใส่ชุดสูทที่เตรียมไว้ใส่ในงานพิธีจบการศึกษา เขาไม่มีชุดงานศพ ชุดนี้เป็นชุดสุภาพที่สุดที่เขามี พอแม่ตาย เขาก็เคว้งไปหมด ที่นี่นอกจากแม่และพ่อเลี้ยง เขาก็ไม่มีใครเลย เขาคิดว่าเขาเป็นคนที่สูญเสียทั้งพ่อและแม่ เขาก็เป็นเหยื่อ เขาก็เป็นผู้สูญเสีย แต่พอเดินเข้าไปในพิธีศพ ทุกสายตาที่นั่นทำให้เขารู้สึกหนาวเยือก " เขาเป็นลูกของฆาตกร "
ทุกคนมองเขาด้วยความเกลียดชัง เหมือนกับว่าเป็นเขาเองที่ลงมือฆ่าพ่อเลี้ยงของเขา ในฐานะลูกชาย เขาได้นั่งเกาอี้แถวหน้า ด้านขวาเป็นโลงศพพ่อ ส่วนด้านซ้ายเป็นโรงศพของแม่ ใช่แล้ว ใช่แล้ว ทั้งพ่อและแม่ถูกทำพิธีในงานเดียวกัน พิธีการดำเนินไปเรื่อย ๆ
มาเอดะได้แต่ก้มหน้ามองเท้าตัวเอง เขาไม่รู้ตัวเลย จนกระทั่งพิธีกรบอกว่า " โปรดมอบดอกไม้ให้ผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย " ทุกคนลุกขึ้นจากที่นั่ง มาเอดะรู้สึกตัว เขาอยู่แถวหน้าควรเดินไปมอบดอกไม้ก่อน เขากำลังเดินไปทางโลงศพของแม่ แต่ก็ถูกทุกคนแซงหน้าจนเซล้ม ทุก ๆ คน เดินไปวางดอกไม้ให้พ่อ มีเพียงเขาคนเดียวที่เดินเอาดอกไม้ไปวางให้แม่
แม่ที่อยู่ในโลงเบิกตาอย่างน่าสงสาร เขาพยายามจะเอื้อมมือไปลูบปิดให้ แต่ก็ทำใจไม่ได้ “ แม่ที่น่าสงสาร “ อยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา แม่ที่น่าสงสารเดินทางมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ญาติสักคนก็ไม่มี เพื่อนก็ไม่มี นอกจากดูแลบ้าน ดูแลเขาและพ่อเลี้ยง แม่ก็ไม่มีโลกอื่นอีกเลย การที่พ่อเลี้ยงนอกใจ จึงทำให้แม่ทุกข์ทนและหวาดกลัวว่าสักวันนึงโลกเพียงใบเดียวของแม่จะแตกสลายลง " แม่ที่น่าสงสาร " มาเอดะหันไปมองโลกศพของพ่อที่ถูกรายล้อมไปด้วยญาติพี่น้อง เพื่อน และคนรู้จัก ในขณะที่โลงศพของแม่มีเขาเพียงคนเดียว
เจ้าหน้าที่เดินมาที่มาเอดะ และบอกให้เขาเอาดอกไม้ไปให้พ่อเลี้ยง เขาก้าวขาแทบไม่ออก เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ตรงนั้นเป็นพื้นที่ของพ่อกับทุก ๆ คน ตรงนั้นเป็นพื้นที่ของเหยื่อและญาติ ๆ ในขณะที่ตรงนี้ เป็นพื้นที่ของแม่ที่น่าสงสารเพียงคนเดียว แม่ที่เป็นฆาตกร แม่ที่ขนาดจัดงานศพในงานเดียวกันแต่กลับไม่มีสักคนของทางฝั่งนั้นมาวางดอกไม้ เขาตัวแข็งไปหมดตอนที่ลากเท้าหนัก ๆ ไปที่โลงของพ่อ ทุกคนหันมาเห็นมาเอดะและถอยหลังออกทันที ตอนนี้ทุกสายตากำลังจ้องมาที่เขา
" แม่ของแกฆ่าเขา " เสียงกระซิบเบา ๆ ผ่านหูเขาอย่างเชือดเฉือน ตอนนั้นเองที่น้ำตาที่เขาพยายามควบคุมอยู่ไหลพรูลงมา เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าพ่อเลี้ยง ความรู้สึกผิด เสียใจ ละอาย สับสน ปนเปจนแยกไม่ออก " ผมขอโทษ ผมขอโทษที่แม่ทำอย่างนั้น ผมขอโทษจริง ๆ " มาเอดะร้องไห้ตลอดเวลา " ผมขอโทษ อภัยให้ผมด้วย ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมขอโทษ " มาเอดะได้แต่พูดขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ คนในงานจึงเข้ามาช่วยพยุงเขาออกไปจากที่นั่น "จงใช้ชีวิตในฐานะลูกชายของฆาตกรไปตลอดชีวิต" คำพูดนั้นถูกจับโยนใส่หน้าเขาก่อนที่เขาจะพ้นไปจากที่ตรงนี้ ประโยคนี้ทำให้เขาหนาวไปทั้งตัว และรับรู้ว่าเขาจะไม่มีวันหลุดพ้นไปจากถ้อยคำที่เป็นเหมือนคำสาปนี้ไปจนตลอดชีวิต