ผีสึนามิ ที่ญี่ปุ่น
เหตุการณ์สึนามิครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น เมื่อปี 2011 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 15,000 คน ผู้รอดชีวิตหลายคนต้องพบเจอกับประสบการณ์ชวนขนหัวลุก เพราะวิญญาณเหยื่อสึนามิยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่ประสบภัย หรือที่เรียกกันว่า “ผีเหยื่อสึนามิ”
หลังเหตุการณ์สึนามิ 311 ผ่านไปได้ไม่นาน ผู้ประสบภัยที่ยังคงเสียขวัญและตื่นกลัวกับเหตุการณ์สึนามิก็เริ่มเจอกับเรื่องชวนขนหัวลุกในพื้นที่
ยกตัวอย่างเช่น
- มีบางคนมองเห็นหน้าผู้เสียชีวิตจากสึนามิในแอ่งน้ำ
- บางคนเห็นวิญญาณผู้เสียชีวิตเดินไปมาบริเวณชายหาดหรือโผล่มาที่ประตูบ้านเลยก็มี
- บางคนเห็นวิญญาณผู้เสียชีวิตที่ตัวเปียกโชกโบกเรียกรถแท็กซี่ เมื่อแท็กซี่จอดรับและพาไปส่งยังที่หมาย จู่ๆ วิญญาณก็หายตัวไปแล้ว
ฯลฯ
ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นแค่เรื่องเล่าส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะประชาชนในพื้นที่ประสบภัยสึนามิเจอวิญญาณมาปรากฏกายให้เห็นเป็นประจำ!
ยูกะ ( นักข่าว ) ได้ลงพื้นที่ไปหาข้อมูลในเมืองที่ได้รับความเสียหายมากเป็นอันดับต้นๆ ยูกะสนใจประสบการณ์ขนหัวลุกจากคนขับรถแท็กซี่เป็นพิเศษ เธอได้สัมภาษณ์คนขับรถแท็กซี่ไปมากกว่า 100 คน แต่มีเพียงแค่ 7 คนยอมเล่าประสบการณ์เจอ “ผีเหยื่อสึนามิ” ให้ฟัง
- คนขับรถแท็กซี่รายแรกเล่าให้เธอฟังว่า หลังจากเหตุการณ์สึนามิผ่านไปได้ 2-3 เดือน ในตอนนั้นแทบไม่มีลูกค้าเลย เขาเลยค่อนข้างตกใจที่จู่ๆ ก็มีหญิงสาวรายหนึ่งโบกมือเรียกให้จอดรับจากในบริเวณที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสึนามิ
ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูร้อนแต่เธอใส่เสื้อโค้ทกันหนาวตัวหนา แถมเธอยังอยู่ในสภาพเปียกโชก เขาลืมนึกไปว่าช่วงนั้นฝนไม่ได้ตกมาหลายวันแล้ว เขาจอดรับเธอ เธอก้าวขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังและบอกให้ไปส่งที่หมู่บ้านซึ่งเป็นโซนที่ถูกทิ้งร้างไว้ แทบไม่มีใครอาศัยอยู่แถวนั้น
เขาเลยถามเธอว่า “คุณอยากให้ผมไปส่งคุณที่นั่นจริงใช่ไหม?” เธอนั่งเงียบไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาเสียงสั่นๆ ว่า “ชั้นตายแล้วใช่ไหม?” เขารู้สึกขนลุกซู่และหันไปดูเธอแต่กลับไม่เห็นใครนั่งอยู่ที่เบาะหลังเลย
- คนขับรถแท็กซี่อีกรายนึงเล่าประสบการณ์ขนหัวลุกให้ยูกะฟังว่า เขาได้จอดรับผู้โดยสารชายคนหนึ่งอายุประมาณ 20 ปี ชายคนนี้มีสีหน้าที่งุนงง เมื่อสอบถามถึงสถานที่ที่เขาต้องการให้ไปส่ง เขาเอาแต่ทำท่าชี้นิ้วให้ไปข้างหน้า จนสุดท้ายเขายอมพูดออกมาคำเดียวว่า “ฮิโยริยามะ” ซึ่งเป็นสวนสาธารณะบนภูเขาแถวชานเมือง หลังจากขับรถไปถึงที่หมายซึ่งอยู่บนภูเขาแล้ว คนขับรถแท็กซี่ก็หันไปเพื่อจะเก็บเงินชายคนนั้น แต่ว่าไม่มีใครอยู่บนรถเลยสักคน
บทสัมภาษณ์หนึ่งในหนังสือของริชาร์ด แพร์รี่ ( นักข่าวจากต่างประเทศ )
- เป็นเรื่องของชายจากเมืองคูริฮาระที่กลายเป็นคนเกลียดฝนเพราะหลังฝนหยุดตก จะเกิดน้ำท่วมขังเป็นแอ่ง แล้วทำให้เขามองเห็นดวงตาของคนรู้จักที่เสียชีวิตจากสึนามิอยู่ในนั้นตลอดเวลา
- อีกเรื่องเล่าซึ่งเกิดขึ้นที่เมืองโอนากาวะคือ เรื่องผีหญิงแก่ที่คอยหลอกหลอนคนในแคมป์ผู้หลบภัย โดยเธอจะปรากฏกายให้เห็นตอนมานั่งกินชาเป็นประจำ หลังเธอจากไปทุกครั้ง เบาะรองนั่งจะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำทะเล
- อีกเรื่องเกิดขึ้นที่สถานีดับเพลิงของเมืองทางาโจที่มักจะมีโทรศัพท์แจ้งเหตุเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำอีก จนนักดับเพลิงต้องไปยังพื้นที่เกิดเหตุนั้นและสวดภาวนาให้ดวงวิญญาณได้ไปสู่สุคติ แล้วการโทรแจ้งเหตุซ้ำๆ หลายครั้งก็หายไปในที่สุด
- ยังมีเรื่องเล่าจากเจ้าอาวาส ไทโอะ คาเนดะ ที่ยิ่งทำให้เรื่อง “ผีเหยื่อสึนามิ” มีความลึกลับมากยิ่งขึ้นไปอีก ท่านอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสึนามิ และให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสียในการจัดทำพิธีฝังศพเป็นจำนวนมากมายนับครั้งไม่ถ้วน
ท่านเล่าถึงเหตุการณ์ที่นายทาเคชิ โอโนะ ถูกผีเหยื่อสึนามิเข้าสิง นายทาเคชิอยู่ในเหตุการณ์ระหว่างเกิดคลื่นยักษ์สึนามิและได้กลับมาเยี่ยมครอบครัวอีกครั้งหลังจากไปหลบภัยอยู่ที่อื่น หลังจากกินข้าวเย็นกับครอบครัวเสร็จแล้ว เขาเดินไปที่หลังบ้าน อยู่ดีๆ เขาก็เริ่มกลิ้งตัวไปมาบนพื้นโคลน ส่งเสียงขู่ฮึมฮัมอยู่ในลำคอ ครอบครัวเขารู้สึกตกใจมาก แต่วันต่อมาเขากลับจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ได้เลย
เรื่อง “ผีเหยื่อสึนามิ” เป็นปรากฎการณ์ที่ยังหาคำอธิบายไม่ได้ แต่หากย้อนไปมองประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น จะเห็นว่าคนญี่ปุ่นมีความเชื่อดั้งเดิมที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมา นั่นคือความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาภูตผีวิญญาณ ซึ่งสิ่งนี้อาจช่วยอธิบายได้ว่าทำไมหลายคนจึงเห็น “ผีเหยื่อสึนามิ”
ศาสนาชินโตเป็นศาสนาเก่าแก่ของชาวญี่ปุ่น ( * ชินโต หมายถึง หลักคำสอนแห่งเทพเจ้า) ที่มีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อดั้งเดิมที่สืบต่อกันมา คนพื้นเมืองดั้งเดิมของชนชาติญี่ปุ่นมีความเชื่อเรื่องผี (ยูเร) และมีความเชื่อกันว่าเทพเจ้าสถิตอยู่ในสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา ทั้งในสิ่งมีชิวิตและไม่มีชีวิต
คนญี่ปุ่นหลายคนให้ความเห็นว่าสึนามิมาพรากเอาชีวิตของหลายคนไปก่อนเวลา ทำให้ดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตยังคงวนเวียนอยู่ในที่เกิดเหตุ และถึงแม้ผลสำรวจจะแสดงว่า คนญี่ปุ่นมีสัดส่วนประชากรที่ไม่นับถือศาสนาสูงที่สุดในโลก แต่ริชาร์ด แพร์รี่กลับไม่เห็นด้วย เพราะเขาได้เรียนรู้ภายหลังเหตุการณ์สึนามิว่าคนญี่ปุ่นยังคงยึดมั่นในขนบประเพณีการบูชาบรรพบุรุษและเทพเจ้า
ริชาร์ด แพร์รี่อาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นมา 18 ปีแล้ว หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิขึ้น ทำให้เขารู้สึกเซอร์ไพรส์มากที่คนญี่ปุ่นเชื่อในเรื่องชีวิตหลังความตายมากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก สำหรับเขาแล้วการเริ่มเห็นดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตหลังผ่านเหตุการณ์ไปแล้วหลายเดือนไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะร่างกายกำลังตอบสนองต่อภาวะเศร้าโศกจากการสูญเสียและมักแสดงอาการออกมาให้เห็นในภายหลัง
เมื่อผ่านเหตุการณ์สึนามิไปได้ 2-3 เดือน ก็เริ่มมีเรื่องเล่าต่างๆ มากมายเกี่ยวกับการเห็นผีตัวเป็นๆ และเรื่องเหนือธรรมชาติต่างๆ ที่ดูเหมือนเป็นปรากฏการณ์อุปาทานหมู่
ริชาร์ดให้เหตุผลว่าร่างกายมีการตอบสนองต่ออาการเศร้าโศกเสียใจจากการสูญเสียและแสดงอาการออกมาในอีกรูปแบบนึง ทาเคชิ โอโนะเป็นหนึ่งในตัวอย่างของเรื่องนี้ ถึงแม้เจ้าอาวาสคาเนดะจะช่วยทำพิธีขับไล่ผี รวมถึงคนในครอบครัวก็เชื่อว่าเขาถูกผีเหยื่อสึนามิเข้าสิงจริง แต่ริชาร์ดไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ
" แต่เขาก็เห็นด้วยกับแนวคิดของเจ้าอาวาสคาเนดะ เพราะถ้ามีกลุ่มคนที่มีความเชื่อเช่นเดียวกันว่าการถูกผีเข้าสิงเป็นเรื่องจริง เราก็ควรจะรับฟังและลงมือปฏิบัติเพื่อช่วยบรรเทาสภาพจิตใจพวกเขาให้ดีขึ้น "
ยกตัวอย่างเช่น ตู้โทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนยอดเนินเขาที่เมืองโอตสึอิจิ ที่เรียกกันว่า “Phone of the wind” เมื่อมองจากบนยอดเขาอีกฟากฝั่งหนึ่งจะเห็นวิวของทะเล เปรียบเสมือนการได้ส่งข้อความไปหาผู้ที่จากไปอยู่อีกโลกหนึ่งได้ เพื่อช่วยปลอบประโลมผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
ท่านเจ้าอาวาสไม่เคยพูดกับเขาว่าท่านไม่เชื่อในเรื่องผีเหยื่อสึนามิ ท่านสอนว่า “เรื่องผีมีอยู่จริงหรือไม่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานต่างหากที่เกิดขึ้นจริง”
ดังนั้นริชาร์ดคิดว่าปรากฏการณ์ “ผีเหยื่อสึนามิ” เป็นผลมาจากการสูญเสียทรัพย์สินและบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งผู้รอดชีวิตกำลังเผชิญอยู่ร่วมกัน ร่างกายจึงตอบสนองต่อความเศร้าโศกและความเจ็บปวดทางใจและแสดงอาการออกมาทางอ้อม
ด็อกเตอร์ ชาร์ลส์ ฟิกลีย์ (Dr. Charles R. Figley) อาจารย์สาขาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยทูเลน ได้ยืนยันว่าเมื่อคนจำนวนมากเผชิญความเครียดและความบอบช้ำทางจิตใจร่วมกัน สามารถก่อให้เกิดการแสดงออกทางร่างกายที่แปลกประหลาดแบบเดียวกันได้
เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปหลังเกิดมหันตภัยธรรมชาติ เนื่องจากมีผู้รอดชีวิตจำนวนมากที่สูญเสียบุคคลอันที่รักไปและต้องย้ายถิ่นชั่วคราว คนจำนวนมากตกอยู่ในสภาวะความรู้สึกเดียวกัน จึงทำให้พวกเขาสัมผัสปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติแบบเดียวกันได้ สำหรับบางคนแล้วการเห็นผีสามารถช่วยเยียวยาจิตใจพวกเขาได้ ....
" ผีอาจจะมีจริง หรือไม่มีจริง แต่ความเศร้าในจิตใจผู้สูญเสียนั่นเกิดขึ้นจริง "
คนไทยเองครั้งหนึ่งก็เคยประสบความสูญเสียครั้งใหญ่จากสึนามิหลายคนจวบจนวันนี้ก็ไม่เคยลืมเรื่องนั้นเลย น่าจะ 18 ปีมาแล้ว ตอนนั้นถึงแอดไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่ก็จำได้ว่า พ่อกลับเข้ามาบ้านแล้วก็บอกว่ามีข่าวสึนามิ มีคนตายด้วย แอดก็เปิดทีวีแล้วก็นั่งดูข่าวกับครอบครัว เขาก็รายงานยอดผู้เสียชีวิต ตอนแรกก็แค่ไม่กี่คน
แต่เวลาผ่านไปยอดคนเสียชีวิตก็เยอะขึ้น ๆ จนรู้สึกตกใจ ว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ สื่อก็รายงานข่าวทุกวัน ความรู้สึกเราตอนนั้นคือมันเศร้า เศร้ามากๆ หดหู่ ฟังข่าวไปก็น้ำตาซึม ที่พอทำได้ตอนนั้นคือ ด้วยความเป็นเด็กเราก็ไปพับเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้ แคะกระปุกตังค์ แล้วให้พ่อพาไปที่จุดรับบริจาค จากนั้นพอเขามีโครงการช่วยเหลืออะไรแถวบ้าน อันไหนช่วยได้เราก็ช่วยตามกำลังที่เราพอจะทำได้ ทุกวันนี้พอนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นเราก็ยังเศร้าอยู่เลย ขนาดเราไม่ได้สูญเสียใครหรืออะไรไป แล้วคนที่เป็นผู้สูญเสียโดยตรง อือออ .... เข้าใจความรู้สึกเขามากๆ