มันไซ..การแสดงตลกในญี่ปุ่น โบราณ ซึ่งสามารถเปรียบได้เหมือนการแสดงสแตนด์อัพคอมเมดี
มันไซ..การแสดงตลกในวัฒนธรรมญี่ปุ่น โบราณ ซึ่งสามารถเปรียบได้เหมือนการแสดงสแตนด์อัพคอมเมดี
มันไซ (ญี่ปุ่น: 漫才; โรมาจิ: Manzai) เป็นการแสดงตลกในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งสามารถเปรียบได้เหมือนการแสดงสแตนด์อัพคอมเมดี
คู่ผู้แสดงมันไซในงานเฉลิมฉลองขึ้นปีใหม่ โดยคนขัดจังหวะ (สึกโกมิ) อยู่ด้านหน้า และคนใสซื่อ (โบเกะ) อยู่ด้านหลัง (ไม่ทราบศิลปิน ภาพวาดญี่ปุ่นช่วงศตวรรษที่ 19)
โดยทั่วไปแล้ว มันไซจะประกอบไปด้วยผู้แสดงสองคน (ญี่ปุ่น: 漫才師; โรมาจิ: Manzaishi) ได้แก่ คนขัดจังหวะ (ญี่ปุ่น: 突っ込み; โรมาจิ: Tsukkomi; ทับศัพท์: สึกโกมิ; สอดเข้า, ขัดจังหวะ) และ คนใสซื่อ (ญี่ปุ่น: ボケ; โรมาจิ: Boke; ทับศัพท์: โบเกะ (มาจากคำว่า 呆ける ซึ่งหมายถึงเติบโตอย่างไร้เดียงสา)) รับและส่งมุกตลก (เปรียบเสมือนการชง-ตบ) ด้วยความเร็ว ส่วนใหญ่จะเป็นมุกตลกที่เล่าถึงสถานการณ์การที่ต่างคนต่างเข้าใจผิด พูดไร้สาระ หรือคำพูดสองแง่สองง่าม
ในปัจจุบัน มันไซจะถูกเล่นในแถบโอซากะและผู้แสดงมันไซจะใช้สำเนียงคันไซในระหว่างการทำการแสดง
ในปี ค.ศ. 1933 โยชิโมโตะ โคเกียว บริษัทความบันเทิงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในโอซากะ ได้เริ่มมีการนำเสนอการแสดงมันไซในแบบโอซากะและการเขียนคำว่า 'มันไซ' โดยใช้อักษรคันจิ "漫 (man)" และ "才 (zai)" (เป็นหนึ่งในวิธีเขียนหลายแบบของ 'มันไซ' ในภาษาญี่ปุ่น (ดู § ชื่อเรียก ด้านล่าง) แก่ผู้ชมชาวโตเกียวได้รู้จัก ในปี 2015 นวนิยายมันไซของมาโตโยชิ นาโอกิ สปาร์ค (ญี่ปุ่น: 火花; โรมาจิ: Hibana) ได้รับรางวัลวรรณกรรมอากูตางาวะ และถูกดัดแปลงเป็นละครชุด ฮิบานะ: สปาร์ค บนเน็ตฟลิกซ์ในปี 2016 นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่อง เด็กอาซากุสะ ที่เล่าเรื่องราวของนักแสดงมันไซ ทาเกชิ คิตาโนะ ได้เผยแพร่บนเน็ตฟลิกซ์ในปี 2021 ด้วยเช่นกัน
ประวัติ
พบหลักฐานการแสดงมันไซเป็นครั้งแรกในเทศกาลตรุษญี่ปุ่นช่วงยุคเฮอัง ผู้แสดงมันไซสองคนที่ตอบโต้กันด้วยคำพูดที่มาจากเหล่าเทพ โดยผู้แสดงคนหนึ่งมีท่าที่หรือแสดงปฏิกิริยาตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายหนึ่ง รูปแบบนี้ยังคงมีให้เห็นอยู่จวบจนถึงปัจจุบันในบทบาทของคนใสซื่อ (โบเกะ) และ คนขัดจังหวะ (สึกโกมิ)
ภาพพิมพ์แสดงนักแสดงมันไซสองคนในฉากปีใหม่ (ราว 1825)
ต่อมาในยุคเอโดะ การให้ความสำคัญกับอารมณ์ขันได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ภูมิภาคต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นได้ออกแบบวิธีการแสดงมันไซที่แตกต่างกันไป เช่น โอวาริ มันไซ (ญี่ปุ่น: 尾張万歳; โรมาจิ: Owari Manzai) มิกาวะ มันไซ (ญี่ปุ่น: 三河万歳; โรมาจิ: Mikawa Manzai) และ ยาโมโตะ มันไซ (ญี่ปุ่น: 大和万歳) การมาถึงของยุคเมจิ ทำให้เกิด โอซากะ มันไซ (ญี่ปุ่น: 大阪万才; โรมาจิ: Ōsaka Manzai) ที่ได้เริ่มสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าในเชิงความนิยมเมื่อเทียบกับมันไซในยุคก่อน ๆ
ซึ่งถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น รากูโกะ ยังคงเป็นที่นิยมเสียมากกว่า[ต้องการอ้างอิง]
หลังสิ้นสุดยุคไทโช ในปี 1912 บริษัทโยชิโมโตะ โคเกียว ที่ก่อตั้งในช่วงต้น ๆ ของยุคได้คิดค้นมันไซที่ไม่มีการแสดงในเชิงเฉลิมฉลองเหมือนมันไซสมัยก่อน โดยมันไซรูปแบบใหม่ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและความนิยมก็ได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศญี่ปุ่น รวมถึงโตเกียวด้วยเช่นกัน และประกอบกับคลื่นเทคโนโลยีการสื่อสารใหม่ มันไซยังถูกแสดงบนเวทีโรงละคร วิทยุ โทรทัศน์ และวิดีโอเกม
การแสดงมันไซที่มีชื่อเสียง
ดาวน์ทาวน์
ทาเกชิ คิตาโนะ ผู้กำกับภาพยนตร์ พิธีรายการโทรทัศน์ และอดีตนักแสดงมันไซของ "ทู บีทส์"
ชื่อเรียก
คันจิสำหรับคำว่า 'มันไซ' สามารถเขียนได้หลายแบบ โดยดั่งเดิมแล้วเขียนแล้วมีความหมายว่า "หมื่นปี" (ญี่ปุ่น: 萬歳; โรมาจิ: Banzai; ทับศัพท์: บันไซ) ที่ใช้คันจิ 萬 (man) แทนที่จะใช้คันจิอีกตัวที่อ่านออกเสียงเหมือนกัน 万 และคันจิที่ง่ายกว่า 才 แทนที่ 歳 (สามารถเขียนเพื่อสื่อความหมาย 'ความสามารถ') การมาถึงของ โอซากะ มันไซ ทำให้มีการเปลี่ยนคันจิตัวแรกเป็น 漫 ที่อ่านออกเสียงเหมือนกัน
โบเกะ และ สึกโกมิ
โบเกะ และ สึกโกมิ ถือว่าเป็นลักษณะเด่นที่สำคัญของมันไซ ซึ่งสามารถเปรียบเสมือนได้กับการชง-ตบของการแสดงตลกในประเทศไทย คนใสซื่อ (ญี่ปุ่น: ボケ; โรมาจิ: Boke; ทับศัพท์: โบเกะ) มาจากคำกริยา โบเกรุ (ญี่ปุ่น: 惚ける/呆ける; โรมาจิ: Bokeru) ที่มีความหมายว่า "เติบโตอย่างไร้เดียงสา" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการตีความที่ผิดพลาดและการลืมสิ่งที่พึ่งพูดออกไปในระยะเวลาอันรวดเร็วของผู้ที่รับบทเป็นโบเกะ และคำว่า สึกโกมิ (ญี่ปุ่น: 突っ込み; โรมาจิ: Tsukkomi) หมายถึงผู้แสดงมันไซที่มีหน้าที่ขัดจังหวะ พูดแทรก หรือแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้องของโบเกะ โดยทั่วไปแล้วสึกโกมิจะตำหนิติเตียนโบเกะ และตีศีรษะด้วยพัดลมกระดาษพับที่เรียก ฮาริเซ็ง (ญี่ปุ่น: 張り扇; โรมาจิ: Harisen) นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ประกอบการแสดงมันไซอื่น ๆ เช่น กลองเล็กที่มักจะถือและใช้โดยโบเกะ ไม้ไผ่ญี่ปุ่น หรือร่มกระดาษ
เป็นต้น[ต้องการอ้างอิง] อุปกรณ์ประกอบการแสดงเหล่านี้จะใช้ในการแสดงมันไซที่ไม่มีความจริงจังเท่านั้น เนื่องจากการแสดงมันไซแบบดั้งเดิมหรือการแข่งขันจะบังคับไม่ให้มีการใช้อุปกรณ์ประกอบการแสดง
อีกทั้งยังทำให้การแสดงตลกนี้เป็นเหมือนกับ คนโตะ (การแสดงตลกที่ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์และฉากประกอบการแสดง) มากกว่าการแสดงมันไซ
อ้างอิงจาก: gov-online.go.jp/eng/publicity/book/hlj/,วิกิพีเดีย
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
บุกจับเซียนพระลูกผู้ใหญ่บ้าน ยิงกลางร้านอาหารนครปฐม เสียชีวิต 2 เจ็บ 3
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม








