รักครั้งแรก ตอนที่4 จบ
ตอนสุดท้าย จบแล้วค่ะ
Ep. 4 ตอนจบ..
..เรื่องราวเริ่มต้นที่ จ.ภูเก็ต
หลังจากที่ บี๋ได้ย้ายมาทำงานที่ จ.ภูเก็ต แถวๆ หาดราไวย์ เพื่อหนีปัญหาความวุ่นวายจากเรื่องรักวุ่นๆ แบบไม่ได้บอกกล่าวใครเลย ที่ทำงานที่ใหม่อยู่ติดริมทะเล เป็นร้านอาหารกึ่งผับ มีจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มนั่งจิบกันชิวๆ มีชาวต่างชาติมาใช้บริการกันเยอะ การทำงานวันแรกตื่นเต้นมากเพราะเป็นบรรยากาศแปลกใหม่ไม่เคยเจอ. ภาษาบี๋ก็งูๆ ปลาๆ ใช้ภาษามือสื่อสารกับลูกค้าบ้างก็สนุกดีอกแบบ ผู้จัดการร้านชื่อพี่ต่อ..แกนิสัยดี หาที่พักให้ พาแนะนำเพื่อนๆ ในที่ทำงานพอเริ่มทำงานวันแรก ช่วงบ่ายแกก็ชวนเอาเงินของทางร้านไปฝากที่แบงค์แกบอกนี่คือกิจวัตรประจำวัน ที่ต่อไปถ้าแกไม่ว่างเราต้องเป็นคนทำ.
..มีวันหนึ่งฝรั่งที่มาเที่ยวทำของหล่นที่ร้าน บี๋เห็นพอดีเลยเก็บของยื่นคืนให้เขา เขาขอบคุณบี๋ พร้อมยิ้มหวานให้ ..เพื่อนที่ทำงานบอกว่าเขาชื่อ สตีฟ. เป็นแขกที่มาทานข้าวที่ร้านเป็นประจำ
… วันต่อมาเขาก็มาทานข้าวที่ร้านอีก และเรียกบี๋มากินด้วย เพื่อขอบคุณที่เก็บของให้ บี้ก็ทานข้าวเป็นเพื่อนเขา สตีฟก็เล่าเรื่องให้ฟังว่ามาอยู่ที่จ.ภูเก็ตหลายปี แล้ว ทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมแห่งหนึ่ง เคยมีแฟนคนไทย แต่เลิกกันไปแล้ว.ตอนนี้โสด ..อยากรู้จักและเป็นเพื่อนกับบี๋ได้ไหม (เอาละซิ บี๋เอ้ย!คราวนี้ จะมีเพื่อนต่างชาติ ฝรั่ง แล้ว 555)
..บี๋ก็บตอบกลับสตีฟไปว่าบี๋โสด ยินดีที่ได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับสตีฟ
..หลังจากวันนั้นบี๋กับสตีฟก็ได้เจอกันบ่อย ในวันหยุดบางทีก็ไปเที่ยวฟังเพลง ด้วยกันบ่อยๆ จนเพื่อนๆ ที่ทำงานแซวว่าสตีฟเป็นแฟนบี๋
..มีวันหนึ่งสตีฟพาเพื่อนมาทานข้าวที่ร้านเขาแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักบี๋ บี๋แนะนำตัวกับเพื่อนๆ เขา และคุยกับคนชื่อทอม อย่างสนุกสนานเพราะเขาเป็นคนตลกกว่าใครๆ บี๋แอบเห็นสตีฟทำหน้าเซ็งๆ เหมือนไม่พอใจ สตีฟเขยิบตัวเข้ามานั่งใกล้บี๋มากกว่าเดิม และชวนชนแก้ว และแสดงทีท่าว่านี่ผู้หญิงของข้านะโว้ย ไอ้พวกเพื่อนๆ หนุ่มๆ ทั้งหลาย ..เราก็ได้แต่ยิ้มหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากทานข้าวกันเสร็จเพื่อนๆ ของตีฟแยกย้ายกันกลับ สตีฟยังรออยู่ที่ร้านเพื่อจะไปส่งบี๋ที่ที่พัก
..ระหว่างทางก่อนจะถึงที่พักของบี๋ สตีฟหยุดรถและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จ้องหน้าบี๋ ตาสบตาพร้อมยื่นมือมาจับมือบี๋ ..ไอ เลิฟ ยู บี๋..พร้อมยื่นจมูกเข้ามาใกล้ หวังจุมพิสบี๋
..ควั๊บเข้าให้ บี๋รีบใช้อีกมือที่ว่างอยู่ ใช้ท่าไม้ตาย กงเล็บสลบมาร ดันหน้าสตีฟ ไว้ได้ทัน ..แต๊ง! ยู .ที่ เลิฟ มี.สตีฟ ..!! ..แต่ ไอ เหนื่อยและอยากพักผ่อนแล้ว สตีฟ ต้องให้เวลาบี๋ คิดก่อนนะ แล้วบี๋จะให้คำตอบสตีฟอีกที.
..โอเคร โอเคร บี๋ แต่ตอนนี้ บี๋ เอามือขยุ้มหน้าสตีฟอยู่ สตีฟหายใจไม่สะดวกนะ ปล่อยได้แล้ว
..5555!!!บี๋ปล่อยมือออกจากหน้าสตีฟ .สตีฟไอ ค๊อก แค๊ก 2-3 ทีเพราะโดนมือขยุ้มหน้าและปิดจมูกไว้นาน
..บี๋ต้องเคยเรียนกังฟูมาแน่ๆ เลย ใช่หรือเปล่าสตีฟถาม
..กังฟูแพนด้า ไง บี้พูดละก้อหัวเราะ
... 555!! สตีฟขำ และก็ขับรถพาบี๋มาส่งที่พัก
...เช้าวันอาทิตย์วันหยุดบี๋ตื่นนอนแต่เช้า มีเสียงโทรศัพยฺ์จากพี่จ๋อโทรมาแต่เช้า พี่จ๋อถามบี๋ว่าถ้าพี่จ๋อไม่ใช่คนธรรมดาแล้วยังอยากจะคุยด้วยอีกไหม บี๋ก็งง (ไม่ใช่คน แล้วเป็นอะไร?)
.ก่อนที่พี่จ๋อแกจะเฉลยว่า แกบวชเป็นพระแล้ว อยากศึกษาธรรมะ ไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะสึกเมื่อไหร่ (บี๋ก็อึ้งรับประทานไปพัก) ก่อนที่จะตอบกลับไปว่า ก็ยังคุยด้วยได้แต่คง คุยเล่น คุยสนุก หยอกล้อเล่นเหมือนหนุ่มหยอกสาว สาวหยอกหนุ่มไม่ได้อีก..ต้องคุยแบบสุภาพ..
...หลังจากวางสายหลวงพี่จ๋อไป ยอมรับว่าในใจของบี๋ก็รู้สึกเศร้า ไม่น้อยที่อยู่ๆ คนรักก็แอบบวชเป็นพระไปซะแล้ว .แต่ส่วนดีใจจิตสำนึกก็กระซิบบอกว่าเราต้อง ยินดี และอนุโมทนาบุญ รรมที่พี่จ๋อเลือก. . (แอบหวังแกคงบวชแป๊ปๆ ไม่กี่พรรษาก็คงสึกแล้วมั้ง)
..เรื่องมันเศร้านะ บี๋เอ้ย!!!! จากคนรักกัน นี่ต้องเปลี่ยนสถานะ เป็นหลวงพี่ กับ โยมสีกา เฮ้อ!!!!
..ช่วงเย็นๆ ที่เคยคิดว่าจะนอนเล่นอยู่ห้องเฉยๆ เลยเปลี่ยนเป็นชวนเพื่อนๆ ออกไปร้องคาราโอเก๊ะกัน แก้เซ็งหน่อย. บี๋ร้องเพลง จีบได้แฟนฉันตายแล้ว อยู่ 4-5 รอบ ..
..ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถึงใบหน้าเวลาเจอผู้คนบี๋จะยิ้มแย้ม ปกติ แต่ในใจมันเหงาๆ ซึม แบบบอกไม่ได้อธิบายไม่ถูก ไปเดินชายหาด ชมทะเลก็ยิ่งเพิ่มความเหงาทวีคูณเข้าไปอีก
...ไม่อยากจะทาแป้ง ไม่อยาก แต่งหน้า ถ้าไม่ใช่เวลาที่ต้องทำงานในร้าน
...รู้สึกอยากไปเรื่อยๆ ที่ไหนก็ได้ไม่รู้เหมือนกัน ..
..พอตอนเย็นของวันเงินเดือนออก บี๋เก็บเสื้อผ้าของใช้ที่จำเป็น และขึ้นรถทัวส์จากภูเก็ตมาลงที่ ขนส่งสายใต้ กทม. สมัยนั้น..จากมาแบบเงียบทิ้งแค่จดหมายลาเพื่อนร่วมงานไว้ 1 ฉบับ บ้าไม่ละคนเรา..
..พอมาถึง กทม. บี๋หาที่พักแถวๆ บางขุนเทียน -ขายทะเล สมัครงาน บัญชีของบริษัท ค้าส่งเหล็ก รายใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นงานที่ไม่คุ้นเคย และไม่เคยทำมาก่อน ต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่นานมาก ..ที่นี่แทบจะไม่ได้คุยเล่นอะไร กับใครมากมาย ทำแต่ งาน งกๆ เย็นก็กลับห้องนอน หน้าตาก็ไม่แต่ง ช่างแม่งมัน!!. เสื้อผ้าก็เสื้อยืด กางเกงยีนส์
. รู้สึกว่าแก่กว่าวัยขึ้นเยอะ เด็กๆ เดินผ่านก็ทักป้ามาทำงานแต่เช้าเนาะ ดูซิ 555
..หลวงพี่จ๋อก็นานๆ จะโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบสักที ..
..เวลาผ่านไปเร็วมาก เผลอแป๊ปเดียวทำงานที่ กทม.แบบโสดๆ ได้ 14 ปีแล้ว.รู้สึกปวดหลังมาก อยากกลับไปอยู่บ้านเกิด ตัดสินใจออกจากงานกลับไปอาศัยที่บ้านเกิด ไม่มีงานประจำทำ ยึดอาชีพเกษตรกรเต็มตัว..
วันที่รู้สึกว่าเสัยใจและเจ็บปวดที่สุดในชีวิตก็มาถึง จำได้ดีไม่เคยลืมในชีวิต
....ถึงเราจะไม่ได้คุยเล่นหยอกเหมือนหนุ่มสาว กับหลวงพี่จ๋อแต่ก็ยัง ไลน์หา คุยเรื่องต่างๆ ทั่วไป อยู่เสมอ เพราะบี๋ทำใจแล้ว หลวงพี่แกบวชจนได้เป็นพระมหา. ก็คิดว่าท่านคงไม่สึกแล้ว อนุโมทนาบุญด้วยในจิตที่เป็นกุศล.. บี๋เองก็ครองตัวโสดมาตลอดไม่เคยคบผู้ชายคนไหนอีกเลย.
..ในปีพ.ศ 2561 ช่วงนั้นต่าย อรทัย ออกเพลงลูกทุ่งชื่อนิรันดร บี๋ก็ว่าเพราะดี เลยแชร์จากยูทูบ ส่งให้หลวงพี่พระมหาฟัง เพราะท่านชอบฟังเพลง (ความจริงในใจคือ อยากให้รู้ว่า ความรักของเราแม้ไม่สมหวัง แต่มันจะมั่นคงเป็นนิรันดร)
..มีแค่คำตอบในไลน์ มาแปลกๆ ว่า ..ดีแล้วละ ที่บี๋กลับมาอยู่ที่บ้านกับครอบครัว เราหมดห่วงแล้ว..
..แต่ที่เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจให้ไหม้เหมือนขอนไม้ เพราะรูปโปรไฟล์ของหลวงพี่พระมหา จากรูปวัดพระแก้ว กลายเป็นรูป พรีเวดดิ้ง ..เจ้าบ่าวเจ้าสาว.สวยหล่อ
..ภาพเจ้าบ่าวคือ พี่จ๋อ ผมเริ่มขึ้นยาวพอสมควร แสดงว่าสึกออกมาเป็นระยะเวลา พอสมควรแล้ว (อันนี้บี๋ไม่เคยรู้คิดเสมอว่าเขาจะบวชตลอดชีวิต) .
..ส่วนเจ้าสาวก็ใส่ชุดไทย ตัวเล็กๆ . ท่าทางน่าจะเป็นคนรวยมีตังค์ ก็คงเป็นพวกโยมผู้หญิงมีตังค์รวยๆ ที่คอยแวะเวียนทำบุญใกล้ท่าน
...หัวใจตอนนั้นคือเหมือนแตกสลายไปแล้ว รักแท้แพ้เงินคือเรื่องจริง เงินง้างได้ทุกอย่าง หล่นใส่เหล็กเหล็กยังอ่อนเลยน้อเงิน
..แต่ใจบี๋ก็ไม่มีความเกลียดชังอะไรนะ พิมพ์คำอวยพร ให้คู่บ่าวสาวมีความสุข ส่งไปให้ในไลน์ ไม่มีการตอบกลับอะไรมาแต่อย่างใด นั้นคือครั้งสุดท้าย ที่ติดต่อกัน กับพี่จ๋อ ผู้ชายคนเดียวที่ บี๋ให้ใจ และคำว่าคนรัก รู้จักกันมาเกือบ 20 ปี ซื่อสัตย์ จริงใจ กับเขามาตลอด ใครมาชอบมารัก ก็ไม่เคยสนใจ. ทุกอย่างที่ผ่านมาถึงมันจะไม่มีความหมายอะไรกับเขาก็ตาม
… ถึงจะเสียใจเมื่อความรักไม่สมหวัง ถ้าเราเสียใจเป็น ร้องไห้เป็น แสดงว่าเราก็ยังเป็นคนธรรมดาอยู่ ที่รักเป็น ไม่ใช่หุ่นยนต์
..ร้องไห้หนักมากอยู่ประมาณ 2-3 วัน ตาบวม คนรู้จักถามก็บอกมดกัดตา พยายามไม่คิดถึงเขาอีก คิดปลงว่าเขาคงไม่ใช่คู่เรา ..เวลาเท่านั้นที่จะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง
… จบ.. แบบไม่สมหวังค่ะ ..
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน จนจบค่ะ
.นิยายเรื่องนี้ที่อิงจากชีวิตจริงค่ะ