เครื่องพิมพ์ดีดหลังห้อง
หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว วิชาพิมพ์ดีดเป็นวิชาที่นักเรียนสายพาณิชย์ทุกคนต้องเรียน พวกเราจะรู้จักคำว่าแป้นเหย้า ฟอ หอ กอ ดอ เอก อา สอ วอ และเราจะได้ยินอาจารย์ผู้สอน พูดประโยคที่ว่า “เตรียม ขึ้นเครื่อง พิมพ์” นักเรียนทุกคนต่างรัวนิ้วแข่งกันแบบเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ได้จำนวนดีดให้มากที่สุดและถูกต้อง เรียกว่าเป็นวินาทีชีวิตไม่มีใครสนใจใคร สติต้องมาเต็มเพราะหากพิมพ์ผิดแม้แค่ตัวเดียวก็อาจทำให้เราสอบไม่ผ่านในครั้งนั้นได้ และต้องหาเวลามาสอบซ้อมช่วงเย็นหลังเลิกเรียน
อาคารที่เราเรียนพิมพ์ดีด เป็นอาคารที่ไว้สอนเฉพาะวิชาพิมพ์ดีดเท่านั้น มีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นละ 2 ห้องเรียนติดกันมีกระจกใสกั้นแบ่งห้องทำให้สามารถมองเห็นกันได้ ในห้องจะมีเครื่องพิมพ์ดีด ประมาณ 45 เครื่อง นักเรียนในโรงเรียนนี้ทุกคนจะทราบดีว่า ห้องพิมพ์ดีดชั้น 4 ห้อง 1 ปกติจะไม่ค่อยเปิดให้ใช้เรียนเท่าไรนัก โดยเฉพาะ แถวหลังจะไม่มีใครกล้านั่ง และหากจำเป็นจริง ๆ จะนั่งแถวนี้ก็ห้ามนั่งที่เครื่องสุดท้ายโดยเด็จขาด เพราะเครื่องนี้มีเจ้าของประจำที่พวกเรารู้เพียงว่าเขาเป็นรุ่นพี่ที่เรียนอยู่โรงเรียนนี้เมื่อนานมาแล้ว และบ่อยครั้งที่เขาจะมาเรียนพิมพ์ดีดกับพวกเราเสมอ ๆ ยิ่งหากมีการสอบจับเวลาด้วยแล้ว พวกเราและอาจารย์จะได้ยิ่งเสียงเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องนี้ดีดแป้นพิมพ์ วันนั้นห้องเรามีเหตุจำเป็นต้องขึ้นมาเรียนห้องนี้เนื่องจากแอร์ที่ห้องเรียนประจำเสีย และวันนี้เป็นวันที่ต้องสอบพิมพ์จับเวลา ความรู้สึกแรกที่เข้าไปเรียนในห้องนี้จะรู้สึกแปลก ๆ อาจเป็นเพราะเรื่องราวที่เล่าต่อ ๆ กันมา แต่พอถึงเวลาสอบพวกเราต่างไม่สนใจใคร ต่างคนต่างมีสมาธิกับแบบพิมพ์ที่วางอยู่ข้างเครื่องพิมพ์ดีดของตัวเอง เสียงพิมพ์ดีดเสียงปัดแคร่เสียงดังสนั่นไม่รู้ว่าเสียงมาจากเครื่องใคร พอได้ยิ่งเสียงอาจารย์เป่านกหวีดสั่งให้หยุดพิมพ์ เราทุกคนก็หยุดพิมพ์ทันที แต่จะมีเสียงพิมพ์ดีดเครื่องหลังห้องเครื่องนี้ที่ไม่มีใครเห็นว่ามีร่างใดนั่งอยู่ พิมพ์ต่ออีก 1 ถึง 2 ตัวอักษร โดยอาจารย์ที่สอน พูดว่า “หยุดได้แล้วค่ะ” หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดและได้ออกจากห้องเรียน พวกเราถามอาจารย์ว่าไม่กลัวเหรอ อาจารย์ตอบแบบชิว ๆ ว่าชิน อาจเป็นเพราะอาจารย์เจอแบบนี้มาหลายปีแล้ว แต่สำหรับพวกเราที่ยังไม่ชินก็จะมีหวาด ๆ กันบ้าง อาศัยอยู่กันเยอะทำให้ไม่วิ่งหูตูบ และในบางวันก็มีเสียงพิมพ์ดีดในห้องนี้ดังขึ้นทั้งที่ไม่มีการเรียนการสอน คงเป็นเพราะพี่เขาจะซ้อมมือมั้ง เราต่างหาเหตุผลว่าทำไมพี่คนนี้ยังวนเวียนกับห้องพิมพ์ดีดและมาสอบพิมพ์ดีดกับพวกเรารุ่นแล้วรุ่นเล่า ก็ได้คำตอบจากอาจารย์รุ่นเก่า ๆ ว่า พี่คนนี้ชอบเรียนวิชาพิมพ์ดีดมากและวันที่พี่เขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเป็นวันที่มีสอบพิมพ์ดีด เลยอาจทำให้จิตสุดท้ายยังยึดติดกับการพิมพ์ดีดอยู่ก็ได้ หลังจากที่รุ่นเราเรียนจบก็ไม่รู้ว่าดวงวิญญาณพี่เขายังมานั่งสอบพิมพ์ดีดกับน้องอยู่หรือไม่ ?