ชีวิตยังไม่สิ้น !
ชีวิตยังไม่สิ้น
"ติชิลา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกของความหวังที่เป็นจริง
"เปิ้ล" มาหาดิฉันทำไม? เธอต้องการความช่วยเหลือหรือมาร่ำลากันแน่? ถ้าเป็นอย่างแรก ดิฉันจะช่วยเธอได้ยังไงกัน?
"ปภาดา" คือชื่อจริงของเธอค่ะ แต่ทุกคนในบริษัทเราเรียกเธอว่า "เปิ้ล" ฟังแล้วก็สมชื่อที่สุด เพราะเปิ้ลสดสวย เปล่งปลั่ง สดใส เหมือนแอปเปิ้ลที่เพิ่งถูกเด็ดจากขั้ว...แทบจะส่งกลิ่นหอมละมุนด้วยซ้ำไป
เธอมาปรากฏกายให้ดิฉันเห็นได้ยังไงหนอ ทั้งๆ ที่...
ดิฉันขอเล่าตั้งแต่แรกก็แล้วกันค่ะ!
เราทำงานอยู่บริษัทหลักทรัพย์ด้วยกันแถวย่านดาวน�ทาวน์ของกรุงเทพฯ ดูเหมือนจะเป็นคนที่ชอบไปถึงที่ทำงานเร็วกว่าเพื่อนกันทั้งคู่ ก่อนแปดโมงเช้ามักจะพบกันที่ลานจอดรถหรือไม่ก็หน้าประตูลิฟต์ นานๆ ถึงจะมีเพื่อนหรือพนักงานจากบริษัทอื่นๆ มาสมทบกันที่นั่น
เปิ้ลสวยเหมือนก้าวออกมาจากหนังสือแฟชั่น ใบหน้าติดยิ้ม เข้าใกล้จะได้กลิ่นหอมกรุ่นจนพวกผู้ชายที่ขึ้นลิฟต์พร้อมกันจะหันมอง บ้างก็ทำเป็นสูดลมหายใจแรงๆ
"ใครหนอ ทั้งสวยทั้งหอมจนไม่อยากให้ลิฟต์ถึงเร็วๆ เลยแฮะ! ชื่นใจ้ชื่นใจ"
เปิ้ลทำหน้าตาย ก่อนจะหันมายิ้มอารมณ์ดีกับดิฉัน...เราไม่ถึงกับสนิทสนมกันหรอกค่ะ เพราะดิฉันต้นสามสิบแล้ว แต่เธอเพิ่งจะเบญจเพส มีเพื่อนสนิทในวัยไล่เลี่ยกันทั้งนั้น
นอกจากสะสวย ดูหวานใสไปทั้งหน้าตาและเนื้อตัว เปิ้ลยังมนุษยสัมพันธ์ดีมาก พูดหวานขานเพราะ มีน้ำจิตน้ำใจกับเพื่อนร่วมงานทุกคน แต่ก็เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ใจอ่อนหรืออ่อนแอจนถูกใครชักจูงได้ง่าย รู้จักปฏิเสธอย่างนุ่มนวล แต่ตรงไปตรงมาน่านับถือ
วันหนึ่ง ดิฉันไปถึงลิฟต์ก่อนแปดโมงเกือบ 15 นาที คิดว่าเปิ้ลยังไม่มาเพราะไม่เห็นรถของเธอ แต่ที่ไหนได้ล่ะ เปิ้ลมายืนคอยลิฟต์อยู่ก่อนดิฉันแล้ว...ทักทายกันเสร็จก็พอดีประตูลิฟต์เปิด ออก ดิฉันก้าวเข้าไปก่อนตามความเคยชิน...ประตูลิฟต์ปิดสนิท ดิฉันหันมาหาเธอ แต่เปิ้ลไม่ได้ยืนอยู่ใกล้ๆ เหมือนเคย!
อะไรกันนี่? จะว่าเปิ้ลเข้าลิฟต์ไม่ทันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะมีเรารอกันอยู่สองคนเท่านั้น! ทำไมเธอไม่ตามเข้ามา...ดิฉันรู้สึกหนาวเยือก ขนลุกซ่าไปทั้งตัว ปากคอแห้งผากบัดดล
คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก คอยชะเง้อมองดูเปิ้ลแต่กลับเห็นแต่คนอื่นๆ เดินเข้ามาในห้องทำงาน...ปรากฏว่าเปิ้ลเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน อาการโคม่าอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อค่ำวาน!
จะว่าผีหลอกก็ไม่ใช่ เพราะเธอยังไม่ตายนี่นา
หรือจะเป็นเจตภูตที่ล่องลอยออกจากร่างมาที่บริษัทเพราะเป็นห่วงงาน?
เพื่อนๆ ของเปิ้ลไปเยี่ยมเธอทุกวัน ดิฉันคอยถามข่าวก็ได้ความว่าเธอยังไม่ได้สติ พ่อแม่แทบจะขาดใจตาย เพื่อนๆ ก็น้ำตาไหลกันทุกคน...เปิ้ลมีทีท่าว่าจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปตลอดกาลค่ะ!
"โธ่! เปิ้ล" ดิฉันสะท้อนใจเมื่อนึกถึงหน้าสวยๆ นัยน์ตากลมโตสุกใส เรือนร่างอรชรคล้ายนางแบบ...ต่อไปนี้จะไม่มีเปิ้ลในบริษัทของเราอีกแล้ว
เวลา ผ่านไปราว 7 วัน...ดิฉันก็เห็นเปิ้ลยืนตัวตรงอยู่หน้าลิฟต์ นัยน์ตาที่มองมาดูเศร้าโศก วิงวอน ดิฉันหลุดปากเรียกชื่อเธอด้วยความดีใจ...หายแล้วหรือเปิ้ล...
ประตูลิฟต์เปิดออก ดิฉันเอื้อมไปจับมือเธอเพื่อก้าวเข้าลิฟต์ด้วยกัน แต่สิ่งที่พบคือความว่างเปล่า...ประตูปิด มีดิฉันคนเดียวในลิฟต์อันเวิ้งว้าง และเยือกเย็นสิ้นดี!
ตอนแรกนึกว่าเปิ้ลตายแล้ว แต่เพื่อนที่แวะเยี่ยมตอนเช้ามาเล่าว่าอาการยังทรงอยู่ตามเดิม...ดิฉันไม่ กล้าเล่าให้ใครฟังหรอกค่ะ นอกจากจะรู้สึกสับสนวุ่นวายว่าเปิ้ลมาปรากฏตัวให้เห็นทำไม? เพื่ออะไร? ดิฉันไม่ได้ตาฝาดไปเองแน่นอน
เย็นนั้น ดิฉันตัดสินใจไปเยี่ยมเปิ้ลกับเพื่อนเธออีกสองคน
ภาพ ในห้องไอซียูน่าสลดหดหู่เหลือเกิน เล่นเอาดิฉันตาลายพร่าเมื่อเห็นร่างบอบบางนอนหงายแน่นิ่ง ผิวขาวซีด หลับตาพริ้ม มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ดิฉันแสบร้อนไปทั้งเบ้าตาขณะเอื้อมมือไปกุมมือเย็นซีดของเธอไว้ พลางกระซิบบอกใกล้หู
"อดทนหน่อยนะจ๊ะ เปิ้ลจ๋า ไม่ช้าเธอจะหายดีตามเดิม อย่าสิ้นหวังเป็นอันขาด เธอต้องต่อสู้เข้มแข็งเข้าไว้ ถึงแม้รอบๆ ตัวเธอจะหม่นหมองแค่ไหนก็ตาม...อย่าท้อ! อย่าหมดกำลังใจ วันหนึ่งเธอจะหายดี จะหัวเราะรื่นเริงได้ตามเดิม"
ทำนองนั้นแหละค่ะที่ดิฉันพร่ำบอก รู้สึกมือเธออบอุ่นขึ้นมาด้วยสายเลือด ขยับนิดหน่อย แต่ก็ทำให้ดิฉันขนลุกซู่...เปิ้ลคงรับรู้ และมุ่งมั่นจะยื้อชีวิตของตัวเองกลับคืนมาให้จงได้
ตั้งแต่วัน นั้นดิฉันก็ไม่เห็นเธอที่หน้าลิฟต์อีกเลย! อีกราวสองเดือนเปิ้ลก็ทุเลาจนกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ในที่สุดก็กลับมาเป็นเปิ้ลที่สดสวยและเข้มแข็งในบริษัทของเราตามเดิม!