เทคนิคสร้างบ้านไม้ จากต้นไผ่
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับต้นไผ่กันก่อนนะคะ
คุณประโยชน์ของไผ่
- ใช้หน่อไผ่เป็นอาหาร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่มีไฟเบอร์สูงอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ เช่น เหล็ก และ สังกะสี เป็นต้น
- การใช้สอยในชีวิตประจำวัน โดยการจักสานเครื่องใช้ในครัวเรือนต่างๆ และสร้างที่อยู่อาศัย เป็นต้น
- การสร้างรายได้เสริมให้แก่ครอบครัวในระดับท้องถิ่นจากจำหน่ายส่วนต่างๆ ของไผ่
- ก่อให้เกิดการสร้างงาน ตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บหาลำไผ่ การผลิตแปรรูปไม้ไผ่ และการขนส่งเครื่องแปรรูปต่างๆ
- พัฒนาเป็นสินค้าส่งออก ทำรายได้ให้แก่ประเทศ
- ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหากมีการจัดการอย่างถูกต้อง เนื่องจากรากไผ่ช่วยในการรักษาโครงสร้างของดิน และใบไผ่ยังสามารถคืนชีวมวลกลับลงสู่ผืนดินเพิ่มความอุดมสมบูรณ์แก่ดินด้วย
ชนิดไผ่ที่พบ
- ไผ่ซางดำ ไผ่ขม ไผ่ซางแปด ไผ่ขี้มอด ไผ่เลื้อย ไผ่หนาม ไผ่พก (ไผ่วะบวย) ไผ่ไร่หลึ่ง ไผ่ผาก ไผ่ยะหม่น
- ไผ่เฮี๊ยะ ไผ่ไร่ ไผ่บงคาย ไผ่ข้าวหลาม ไผ่ไร่โมง ไผ่ลูกศร
- ไผ่หก ไผ่ซางป่า ไผ่บงป่า ไผ่กิมซุง ไผ่หวานอ่างขาง ไผ่ซางหม่น ไผ่บงหวาน ไผ่รวก ไผ่เลี้ยง
ไผ่มีหลาหลายชนิดเเต่ชนิดไหนนะที่สามารถนำมาก่อสร้างบ้านได้ เรามารู้จักเเละทำความเข้าใจกันคะ
ไผ่ที่ใช้ในการก่อสร้าง และเฟอร์นิเจอร์ ( Bamboo used to building and Furniture )
ประเภทของไม้ไผ่ (Bamboo) และคุณสมบัติไม้ไผ่ที่พบในไทย เพื่อใช้ก่อสร้างและออกแบบอาคาร
ปัจจุบันทั่วโลกมีต้นไผ่ที่รู้จักกันมีประมาณ 75 สกุล และในประเทศไทยมีไผ่ที่พบอยู่ประมาณ 12 สกุล แยกเป็นชนิดประมาณ 44 ชนิด มาดูกันว่ามีไม้ไผ่อะไรบ้างที่ใช้ในการก่อสร้าง การออกแบบตกแต่งอาคารและรวมถึงงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์
- ไผ่ตง (D.asper)
สกุล : Dendrocalamus
– ลักษณะ : เป็นไผ่ขนาดใหญ่ ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6-12 เซนติเมตร, ไม่มีหนามปล้องยาวประมาณ 20 เซนติเมตร, โคนต้นมีลายขาวสลับเทา มีขนเล็ก ๆ อยู่ทั่วไปของลำ, มีหลายพันธุ์ เช่นไผ่ตงหม้อ ไผ่ตงดำ ไผ่ตงเขียว ไผ่ตงหนู เป็นต้น
– พบได้บริเวณ : นิยมปลูกกันในภาคกลางโดยเฉพาะที่จังหวัดปราจีนบุรีปลูกกันมาก ไผ่ตงมีต้นกำเนิดจากประเทศจีน ชาวจีนนำมาปลูกในประเทศไทยประมาณปี พ.ศ. 2450 ปลูกครั้งแรกที่ตำบลพระราม จังหวัดปราจีนบุรี
– คุณสมบัติที่นำไปใช้ประโยชน์ : ไผ่ตงเป็นไม้ที่ให้ประโยชน์ทั้งในแง่ของการนำไปประกอบเป็นอาหาร และการใช้ลำต้นมาสร้างอาคาร เช่น ใช้เป็นเสาอาคารหรือโครงหลังคา
- ไผ่สีสุก (B.flaxuosa)
สกุล : Bambusa
– ลักษณะ : มีลำต้นมีเนื้อหนาและเป็นสีเขียวสด, เป็นไผ่ขนาดสูงใหญ่มีเส้นผ่านศูนย์กลางของต้นประมาณ 7-10 เซนติเมตร, ปล้องยาวประมาณ 4-10 เซนติเมตร, บริเวณข้อมีกิ่งเหมือนหนาม
– พบได้บริเวณ : ไผ่ชนิดนี้มีอยู่ทั่วไปและมีมากในภาคกลางและภาคใต้
– คุณสมบัติที่นำไปใช้ประโยชน์ : เพราะมีความทนทานสูงจึงใช้ทำนั่งร้านในการก่อสร้าง นำมาใช้เป็นนั่งร้านทาสีและนั่งร้านฉาบปูน
- ไผ่ลำมะลอก (D.longispathus)
สกุล : Dendrocalamus
– ลักษณะ : มีลำต้นสูงประมาณ 10-15 เมตร เป็นสีเขียวแก่ ไม่มีหนาม ข้อเรียบ, จะแตกใบสูงจากพื้นดินประมาณ 6-7 เมตร, ปล้องขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 7-10 เซนติเมตร
– พบได้บริเวณ : มีทั่วทุกภาคแต่ในภาคใต้จะมีน้อยมาก
– คุณสมบัติที่นำไปใช้ประโยชน์ : ไผ่ชนิดนี้เองก็ใช้ลำต้นมาทำนั่งร้านในงานก่อสร้างเหมือนไผ่สีสุก
- ไผ่ป่าหรือไผ่หนาม (B.arumdinacea)
สกุล : Bambusa
– ลักษณะ : เป็นต้นแก่มีสีเขียวเหลือง เป็นไผ่ขนาดใหญ่ที่มีหนามและแขนง, ปล้องขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 -15 เซนติเมตร
– พบได้บริเวณ : มีทั่วทุกภาคของประเทศ
– คุณสมบัติที่นำไปใช้ประโยชน์ : นำมาใช้ทำโครงบ้านและทำนั่งร้าน
- ไผ่ดำหรือไผ่ตาดำ (B.sp.)
สกุล : Bambusa
– ลักษณะ : มีลำต้นสีเขียวแก่ ค่อนข้างดำ ไม่มีหนาม, ขนาดเส้นผ่านเส้นศูนย์กลางของปล้องประมาณ 7-10 เซนติเมตร, ปล้องยาว 30-40 เซนติเมตร เนื้อหนา ลำต้นสูง 10-12 เมตร
– พบได้บริเวณ : มีในป่าทึบแถบจังหวัดกาญจนบุรีและจันทบุรี
– คุณสมบัติที่นำไปใช้ประโยชน์ : นำมาใช้ในการก่อสร้างและทำงานจักสาน
- ไผ่เฮียะ (C.Virgatum)
สกุล : Cephalastachyum
– ลักษณะ : มีลำต้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-10 เซนติเมตร, ข้อเรียบ มีกิ่งก้านเล็กน้อย, เนื้อหนา 1-2 เซนติเมตร, ลำต้นสูงประมาณ 10-18 เมตร, ปล้องยาวขนาด 50-70 เซนติเมตร
– พบได้บริเวณ : มีทางภาคเหนือ
– คุณสมบัติที่นำไปใช้ประโยชน์ : ลำต้นสามารถใช้ทำโครงสร้างอาคาร เช่น เสา โครงหลังคา คาน
ลำขนาดใหญ่ ( เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้วขึ้นไป )
- ไผ่ซางหม่น สายพันธุ์ต่างๆ
- ไผ่ยักษ์น่าน
- ไผ่โปก
- ไผ่ตงยักษ์ ( ไผ่ตงหม้อ )
- ไผ่มันหมู
- ไผ่เก้าดาว
ลำขนาดกลาง ( เส้นผ่าศูนย์กลาง 3-5 นิ้ว )
- ไผ่ซางหม่น “นวลราชินี”
- ไผ่บงใหญ่
- ไผ่สร้างไพรดำ หรือไผ่สร้างไพรใหญ่
- ไผ่ซางนวล
ลำขนาดเล็ก ( เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว )
- ไผ่รวกดำ
- ไผ่เลี้ยงใหญ่
- ไผ่หางช้าง
- ไผ่ลำมะลอก ลำ3 นิ้ว ยึดตลิ่งได้ดี มอดไม่กิน
- ไผ่ด้ามขวาน
- ไผ่รวก กาญจนบุรี
ขั้นตอนการเตรียมไม้ไผ่สร้างอาคาร
จุดอ่อนของไม้ไผ่ คือ มักเสียหายจากการถูกมอดและแมลงกินเนื้อไม้ เนื้อไม้มีการยืดและหดตัวมาก จึงไม่ควรใช้ไม้ไผ่สดในการก่อสร้าง ควรใช้ไม้ไผ่ที่ผ่านการทรีตเม้นต์มาแล้วเท่านั้น โดยหลักการทรีตเม้นต์ คือ การทำให้สารประกอบในเนื้อไม้ที่เป็นแป้งและน้ำตาลเปลี่ยนสภาพไม่เป็นอาหารของมอดและแมลง ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
- วิธีธรรมชาติแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน คือ การนำไม้ไผ่แช่ในน้ำไหลเพื่อชะล้างแป้งออก หรือการนำไปแช่ในน้ำนิ่งหรือแช่โคลนเพื่อให้แป้งบูดจนมอดไม่กิน
- ชาวเขาที่เชียงรายใช้กำมะถัน โดยการนึ่ง การต้ม หรือการเผาไฟ
- เกษตรกรบางกลุ่มที่ปลูกไผ่ใช้วิธีต้มไม้ไผ่ในน้ำส้มควันไม้ผสมเกลือ
สำหรับการทรีตเม้นต์ที่ใช้แพร่หลายทั้งในยุโรป อินโดนีเซีย และไทยในปัจจุบัน ซึ่งเหมาะกับการทำงานปริมาณมาก และได้ผลดี คือ การแช่ในสารละลายโบรอน (Boron) ซึ่งเป็นสารบอแรกซ์ (Borax) ผสมกับสารบอริค แอสิด (Boric Acid) เป็นการทรีตเม้นต์แบบเคมีที่ปลอดภัยไม่เป็นพิษกับคนและสิ่งแวดล้อม โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้
วิธีทำไผ่ก่อนทำมาใช้งาน
1. เจาะทะลุทุกลำปล้องด้วยสว่าน เพื่อให้น้ำยาไหลเข้าไปทั่วถึง2. ผสมสารละลายโบรอนอัตราส่วน 5 – 7เปอร์เซ็นต์ กับน้ำ แล้วแช่ไม้ไผ่นาน 7-10 วัน โดยถ่วงให้ไม้จมในน้ำยาตลอดทั้งลำ กรณีไม้ยาว 6 เมตร ควรทำบ่อยาว 7-8 เมตร ลึก 2 – 2.50 เมตร แนะนำให้ทำเป็นระบบปิดเพื่อควบคุมกลิ่นและปริมาณน้ำในบ่อ
3. นำไม้ไผ่ขึ้นและระบายของเหลวออก
4. ทำความสะอาดด้วยเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง
5. นำไม้ไผ่ขึ้นมาตากแดดให้แห้งสนิท ดีที่สุดคือตากในโรงเรือนที่มีหลังคาใส มีลมพัดผ่านตลอด และไม่วางกองทับกัน อาจวางแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้ ซึ่งแนวตั้งจะประหยัดพื้นที่มากกว่า ระยะเวลาในการตากขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยสังเกตจากสีเนื้อไม้ให้เหลืองทั้งลำ ถ้ายังมีเขียวบ้าง เหลืองบ้าง หรือมีแถบน้ำตาล แปลว่ายังความชื้นอยู่ (จากสีเขียวจะกลายเป็นสีน้ำตาลแล้วเป็นสีเหลืองตามลำดับ ถ้ากลายเป็นสีซีดออกเทาๆ ไม้จะไม่สวยเพราะดูเก่าเกินไป)
6. เมื่อแห้งสนิทแล้วให้เก็บเข้าโรงเก็บไม้ โดยทำโรงเรือนแบบเปิดมีหลังคาและมีลมผ่านได้ อาจกั้นโดยรอบด้วยซาแลน ไม่ควรทำโรงเรือนแบบปิดทึบ เพราะจะเกิดเชื้อราได้ง่าย พร้อมทำชั้นเก็บไม้เป็นช่องๆ แยกตามประเภท และไม่วางซ้อนกันมากเกินไป
ไม้ไผ่ในงานก่อสร้าง
ไม้ไผ่แต่ละชนิดมีลักษณะแตกต่างกัน สามารถนำมาใช้งานได้ทุกชนิด โดยเลือกให้เหมาะกับประเภทการใช้งาน สำหรับการใช้ในเชิงอุตสาหกรรมจะใช้ไผ่ที่มีการปลูกเป็นไร่สำหรับตัดขาย เพราะสามารถสั่งซื้อจำนวนมากได้ มีลำสวยงามกว่าไผ่ตามธรรมชาติ สามารถแบ่งตามการใช้งานได้ 3 ประเภท คือ ไม้ไผ่สำหรับโครงสร้าง ไม้ไผ่สำหรับงานตกแต่ง และไม้ไผ่สำหรับงานหัตถกรรม โดยเลือกใช้ตามความหนาของเนื้อไม้ เช่น ไม้ไผ่หนึ่งลำยาว 12 เมตร ส่วนโคน 6 เมตร ใช้ทำโครงสร้างได้ ส่วนปลายจะมีเนื้อบางกว่าก็นำมาทำงานตกแต่ง หรือไผ่เฮียะซึ่งมีเนื้อไม้บางก็เหมาะกับงานหัตถกรรม โดยเตรียมไม้ไผ่ให้มีความยาวมาตรฐาน 1.50 เมตร 3 เมตร และ 6 เมตร เพื่อความสะดวกในการนำไปใช้งาน และเป็นความยาวที่สามารถขนส่งด้วยรถบรรทุกได้
ไม้ไผ่สามารถทำการรักษาเนื้อไม้ได้ 2 วิธี คือ
- ป้องกันความชื้นเข้าเนื้อไม้ ความชื้นสามารถเข้า-ออกได้ทางหน้าตัดไม้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีผลให้ไม้มีการยืดหดตัวและเป็นต้นเหตุให้เกิดเชื้อราในปล้องได้ การปิดหน้าตัดไม้ด้วยวัสดุปิดผิวที่กันความชื้นได้ เช่น การทาวัสดุประเภทยางมะตอย เช่น ฟลินท์โค้ท หรือมีตัวอย่างที่บาหลีใช้ปูนเกราต์ฉาบหัวไม้ทุกลำซึ่งเป็นวิธีที่ดี แต่ก็ใช้เวลามากและทำให้งบประมาณสูงขึ้น
- การเคลือบผิว ผิวไม้ไผ่ส่วนมากจะมีผิวมันเงา มีการดูดซึมต่ำ จึงมักทาด้วยผลิตภัณฑ์รักษาเนื้อไม้ต่างๆ ไม่ติด หรือลอกในเวลาไม่นาน หากต้องการเคลือบลำไม้ไผ่ควรลอกผิวไม้ออกก่อน หรือใช้กับไม้ไผ่แปรรูปได้ เช่น แผ่นไม้อัดไม้ไผ่ คำแนะนำของคุณตั๊บคือ ถ้าเป็นไม้ไผ่ที่อยู่นอกชายคาโดนแดดและฝนตลอด แนะนำให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ แล้วเปลี่ยนเมื่อไม้เริ่มเสื่อมสภาพ ส่วนไม้ไผ่ที่อยู่ในชายคาสามารถเคลือบผิวด้วยพอลิยูรีเทนทั้งแบบใสและแบบด้านได้ เพื่อช่วยให้ผิวไม้มันเงาและดูใหม่เสมอ
ข้อควรพิจารณาก่อนเลือกใช้ไม้ไผ่สร้างอาคาร
ไม้ไผ่ไม่ได้เหมาะกับการสร้างบ้านหรืออาคารทุกประเภท ดังนั้นถ้าใครอยากใช้ไม้ไผ่ควรดูข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- สำหรับเจ้าของอาคารที่จะเลือกใช้ไม้ไผ่ ควรเริ่มจากความชอบและเข้าใจธรรมชาติของวัสดุที่มีความอ่อนและแอ่นตัว มีการแตกได้ อาจเกิดเชื้อราซึ่งสามารถเช็ดออกหรือถ้าอากาศแห้งก็อาจหายไปเองได้ และต้องมีการเปลี่ยนเมื่อถึงเวลา หากยังไม่แน่ใจเรื่องเหล่านี้ควรเลือกใช้วัสดุประเภทอื่นแทน
- ในบ้านเรายังไม่มีวิศวกรที่ชำนาญเรื่องไม้ไผ่ ผู้ออกแบบจึงอาจใช้วิธีชั่งน้ำหนักไม้ไผ่ให้วิศวกร เพื่อให้สามารถคำนวณโครงสร้างได้ อีกทั้งการขออนุญาตก่อสร้างอาคารที่ใช้ไม้ไผ่เป็นโครงสร้างหลักยังไม่สามารถทำได้ หากยังไม่พร้อมแนะนำให้ก่อสร้างโครงสร้างหลักด้วยคอนกรีตหรือเหล็กตามปกติ แล้วใช้ไม้ไผ่เป็นโครงสร้างรองและส่วนตกแต่งแทนจะดีกว่า
หลังจากนำ “ไม้ไผ่” มาใช้ในเป็นองค์ประกอบต่างๆในการสร้างบ้านแล้ว เพื่อช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น จึงควรรู้จักดูแลรักษาไม้ไผ่อย่างถูกวิธี...โดยหนังสือ BAMBOO WORLD ได้อธิบายไว้ว่า...
1. ไม้ไผ่ที่จะนำมาใช้งาน ต้องเป็นไผ่ที่เจริญเติบโตเต็มที่ อายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพราะไผ่อ่อนมักจะสะสมแป้งและความชื้นไว้ในเนื้อ เพื่อเตรียมแตกหน่อ อีกทั้งไผ่อ่อนยังเป็นที่ชื่นชอบของ มอด ที่พร้อมมาเจาะกินไผ่ในช่วงระยะดังกล่าวนี้
2. ควรเลือกตัดไม้ไผ่ในฤดูแล้ง จะทำให้ทนทานต่อแมลงได้มากกว่าฤดูกาลอื่น ส่วนใครที่จะนำไผ่ไปใช้งานOUTDOOR ควรใช้วิธีการอัดน้ำยารักษาเนื้อไม้เพื่อให้ไม้ไผ่ทนทานต่อการใช้งานท่ามกลางแดด ฝน และลมมากขึ้น
อีกหนึ่งวิธีการดูแลรักษาไม้ไผ่ด้วยวิธีการธรรมชาติจากหนังสือ “ไม้ไผ่ สำหรับคนรักไผ่” ของสุทัศน์ เดชวิสิทธิ์ ได้กล่าวไว้ว่า....
หลักการสำคัญของการถนอมไม้ไผ่ให้ใช้ได้นาน คือ การทำลายสารบางอย่างที่มีอยู่ในเนื้อไผ่ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของแมลง เช่น จำพวกแป้งและน้ำตาล ให้หมดไป ทำได้โดย
1. การนำไม้ไผ่ไปแช่น้ำ โดยสามารถแช่ได้ทั้งน้ำจืดและน้ำทะเล เป็นเวลา 3 วันถึง 3 เดือน
2. การใช้ความร้อน หรือสกัดน้ำมันจากไม้ไผ่ออกไป เพื่อทำลายแหล่งอาหารของแมลงในเนื้อไผ่ โดยทำได้ 2 วิธีคือ นำไผ่ไปต้มและปิ้งไฟ
ซึ่ง - การต้ม จะทำให้เนื้อไม้นุ่ม
- การปิ้ง จะทำให้เนื้อไม้แข็งแรงและแข็งแกร่งมากขึ้น
สำหรับวิธีป้องกันมอดกินไม้ มีวิธีที่ใช้สืบทอดกันตั้งแต่โบราณ คือ นำไม้ไผ่ทั้งลำลงแช่ในน้ำประมาณ5-7 วัน จนเริ่มมีกลิ่นเหม็นเน่า จากนั้นให้นำขึ้นไปผึ่งแดดหรือตากลม อีก5-7 วัน (เพื่อให้ไม้ไผ่หายเหม็น) แล้วค่อยนำไม้มาใช้งานต่อ...วิธีนี้จะช่วยทำให้มอดหรือแมลงไม่มากินและกล้าเข้าใกล้อีกเลย ที่สำคัญยังเป็นวิธีธรรมชาติที่ปลอดภัยจากสารเคมี 100 % นอกจากนี้ยังมีอีกมีหนึ่งวิธี ก็คือ การนำต้นไผ่ลนไฟให้ความร้อน จนเยื้อในลำไผ่สุก จากนั้นให้ทำการทาด้วยสารเคมีเคลือบผิวไผ่เป็นการไล่มอดไม่ให้เข้าใกล้ได้อีกทาง
ข้อดีของการสร้างบ้านไม้ไผ่
1. ราคาถูก บ้านไม้ไผ่มีต้นทุนในการก่อสร้างถูกกว่าบ้านไม้อิฐหรือคอนกรีตทั่วไป แต่มีข้อจำกัดอยู่ที่ความแข็งแรง ทนทาน และปลอดภัย อย่างไรก็ตามถ้าเลือกไม้ไผ่ที่มีเนื้อแข็งหนา ก็สามารถต่ออายุการใช้งานของบ้านได้หลายสิบปีเลยทีเดียว
สำหรับราคาไผ่ ขึ้นอยู่กับความนิยมและชนิดของไผ่ จึงมีราคาแตกต่างกันไป แต่ชาวชนบทส่วนใหญ่มักปลูกและนำมาใช้งาน เพราะประโยชน์ที่หลากหลายทั้งใช้สร้างบ้าน และนำไปประกอบอาหารได้อีกด้วย
2. บ้านปลอดโปร่ง ไม่ร้อน ไม้ไผ่เป็นวัสดุธรรมชาติ ช่วยดูดซับความร้อน ทำให้ภายในบ้านมีอากาศเย็นและถ่ายเท บางบ้านมีการนำไม้ไผ่มาสร้างเป็นรั่วเพื่อกันแดดนอกจากจะให้ความร่มรื่นยังสามารถป้องกันแสงแดดกระทบตัวบ้านได้อย่างดีเยี่ยม
3. ทำเฟอร์นิเจอร์ หลังจากสร้างบ้านเสร็จ หากมีไม้ไผ่เหลือ ก็สามารถนำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ บันได รั่วบ้าน เป็นต้น
4.ไผ่มีประโยชน์และใช้งานได้เยอะไม้ไผ่เป็นไม้ตระกูลหญ้าที่ไม่จำเป็นต้องดูแลรักษามากจึงสามารถปลูกไผ่ไว้สร้างบ้านเองได้ อาศัยระยะเวลาอย่างน้อยประมาณ 3 ปี จะเริ่มขึ้นหน่อกลายเป็นลำต้นที่แข็งแรงและยังนำหน่อไปประกอบอาหารได้อีกด้วย
ตัวอย่างการสร้างบ้านไม้ไผ่ตามนี้คะ
เริ่มจาก
วิธีการสร้างหลังคาจากไม้ไผ่ เราสามารถผ่าครึ่งของลำต้นไผ่ จากนั้นนำมาประกอบกันโดยใช้วิธีคว่ำ หงาย สลับไปเรื่อยๆ จนสุดโครงสร้าง และเพื่อให้ไม้ไผ่มีความทนทาน มันวาว ควรนำไม้ไผ่ไปแช่น้ำเกลือกันปลวกกิน และเอาแลกเกอร์ทาเคลือบดูสวยงาม ทั้งยังช่วยกันแดดกันฝนได้เป็นอย่างดี
มาดูในส่วนของการประกอบหรือยึดไม้ไผ่เข้ากันบ้างค่ะ วิธีนี้สามารถนำไปใช้กับผนัง ประตู หน้าต่าง รวมไปถึงคาน มีทั้งแบบผูกเชือกและแบบเจาะแล้วใช้น๊อตยึดให้แน่น
ตัวอย่างบ้านไผ่สำเร็จรูป
ขอบคุณที่รับชมคะ