การศึกษาเรื่อง AI Bias และ Fairness
AI Bias คือปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือแบบจำลองทางคณิตศาสตร์มีการตัดสินใจหรือการทำนายที่เอื้อต่อกลุ่มบางกลุ่มและไม่เอื้อต่อกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมและความยุติธรรมในการทำให้ประสบการณ์หรือผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องสำหรับบุคคลหรือกลุ่มที่ถูกกำหนดให้เป็นกลุ่มหมวดหมู่ใดๆ
ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นเนื่องจากข้อมูลที่ใช้ฝึกอบรมแบบจำลองมีความเอื้อต่อแบบความยุติ ยกตัวอย่างเช่น หากแบบจำลองถูกฝึกด้วยข้อมูลที่มีแบบแผนการเลือกบุคคลในตำแหน่งบนเทคโนโลยีสูง แล้วระบบอาจมีความเอื้อต่อเหล่าคนในตำแหน่งนั้นมากกว่าคนในตำแหน่งที่ต่ำกว่า ซึ่งทำให้การตัดสินใจเป็นไปไม่เท่าเทียมและยุติธรรม
เรื่องการให้ความยุติและความไม่เท่าเทียมเกิดขึ้นในแบบจำลอง AI ไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะกับข้อมูลการฝึกอบรมเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับขั้นตอนอื่น ๆ ในกระบวนการสร้างและใช้งาน AI ด้วย เช่น การเลือกคุณสมบัติ (feature selection), การปรับแต่งแบบจำลอง, การกำหนดน้ำหนักในการทำนาย, และอื่นๆ
เพื่อแก้ไขปัญหา AI Bias และความไม่เท่าเทียมในระบบปัญญาประดิษฐ์ การศึกษาและปฏิบัติตามหลักการ Fairness จึงเป็นสิ่งสำคัญ แนวทางสำคัญที่ช่วยในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้คือ:
1.การตรวจสอบและประเมิน : ตรวจสอบและประเมินระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อระบุความยุติและความไม่เท่าเทียม และทำการทดสอบกับกลุ่มที่แตกต่างกัน
2.การสร้างข้อมูลที่แยกแยะและเคร่งครัด : สร้างข้อมูลที่แยกแยะและไม่มีความยุติเพื่อฝึกอบรมแบบจำลอง
3.การปรับแต่งและตรวจสอบแบบจำลอง : ปรับแต่งและตรวจสอบแบบจำลองเพื่อลดความยุติและความไม่เท่าเทียม
4.การใช้เทคนิคเชิงคณิตศาสตร์ : ใช้เทคนิคทางคณิตศาสตร์เพื่อปรับน้ำหนัก, แก้ไขค่าในแบบจำลอง, และปรับแก้ความยุติ
5.การควบคุมและการโปรแกรมแบบจำลอง : ควบคุมกระบวนการทำงานของแบบจำลองเพื่อให้มั่นใจว่าการตัดสินใจที่ตัดสินใจถูกต้องและไม่มีความยุติ
6.การควบคุมการส่งผ่านและการใช้งาน : ปรับน้ำหนักหรือปรับแต่งแบบจำลองก่อนการนำไปใช้งานจริงเพื่อให้มั่นใจว่ามีความเท่าเทียมและไม่มีความยุติในผลลัพธ์ที่สร้างขึ้น
การแก้ไขปัญหา AI Bias และ Fairness เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาและปรับใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ในสังคม ทำให้ระบบที่ถูกสร้างขึ้นมีความยุติน้อยลงและมีความเท่าเทียมในการให้บริการแก่ทุกกลุ่มคน
ที่มา: ChatGPT