รวมเทคนิคการสร้างบ้าน ราคาประหยัด

 ไม่ควรก่ออิฐภายในวันเดียว

งานก่ออิฐเป็นงานที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของผนัง แม้ว่าอาจดูเป็นงานที่น่าจะทำให้เสร็จได้ภายในวันเดียว แต่ปูนที่นำมาก่อนั้น จำเป็นต้องใช้เวลาในการเซ็ทตัวและพัฒนาความแข็งแรง รวมถึงน้ำที่ระเหยออกจากเนื้อปูนจะทำให้ปูนยุบตัวลงเล็กน้อย แม้จะเพียงไม่กี่มิลลิเมตร แต่ก็ส่งผลให้เกิดการแตกร้าวของผนังหลังฉาบได้เช่นกันดังนั้นควรวางแผนให้มีการก่อผนังและมีระยะเวลาสำหรับหล่อเสาเอ็นและคานทับหลังเมื่อก่อได้ระยะความสูง หรือกระทั้งควรเว้นระยะชนท้องคาน เพื่อให้ปูนยุบตัว ก่อนมีการก่ออิฐชั้นสุดท้าย

อย่าก่ออิฐชนท้องพื้นสำเร็จของชั้นบน

เพราะพื้นสำเร็จมักจะให้ตัวได้ การก่อผนังจนชนท้องพื้นสำเร็จ จึงอาจทำให้เมื่อพื้นสำเร็จให้ตัว ทำให้เกิดแรงกดลงบนสันของผนัง แรงกดนี้จะทำให้เกิดการแตกร้าวของผนังได้

อย่าก่ออิฐบนพื้นสำเร็จรูปหรือพื้นที่ไม่มีคานรับ

เพราะพื้นสำเร็จจะมีความสามารถในการให้ตัว และอาจไม่ได้แข็งแรงพอรับน้ำหนักของผนัง การก่ออิฐเสมือนการเอาน้ำหนักไปวางไว้บนแผ่นไม้ น้ำหนักยิ่งมากพื้นอาจจะมีการแอ่นตัวหรือที่ร้ายแรงกว่า คือแผ่นพื้นสำเร็จจะแตกหัก วิศวกรควรออกแบบให้ผนังอิฐตั้งอยู่บนคานโครงสร้างที่มีการเสริมเหล็กและออกแบบส่วนผสมคอนกรีตให้รับน้ำหนักได้ เว้นแต่จะออกแบบไว้

อย่าฉาบเร็วเกินไป

งานฉาบเป็นงานที่ต้องอาศัยความพิถีพิถัน ช่างปูนกว่าจะสามารถทำงานฉาบได้อาจต้องมีประสบการณ์ด้านงานอื่นๆ มาเป็นเวลานานก่อนจะได้รับความไว้วางใจให้ทำงานฉาบคงจะผิดพลาดมหันต์ถ้าเราเร่งรัดขั้นตอนการฉาบกับงานที่คาดหวังความสวยงาม และความคงทนยาวนาน ควรใส่ใจขั้นตอนฉาบให้มาก เพราะเป็นเหมือนการปั้นแต่งผิวหน้าให้เรียบเนียน พร้อมสำหรับการตกแต่งในขั้นตอนสุดท้าย เราคงไม่อยากได้ผนังที่มีคลื่น นูนต่ำไม่เท่ากัน หรือมีเม็ดทรายโผล่ออกมาที่ผิวมากเกินไปซึ่งบางครั้ง การปิดผิวด้วยสี หรือกระเบื้องอีกชั้น ก็อาจจะไม่สามารถแก้ปัญหานั้นได้อีกแล้ว

อย่าฉาบหนาจนเกินไป

แม้ว่าชั้นปูนฉาบจะเป็นชั้นที่ปิดผิวผนังให้ดูเรียบร้อย แต่ก็ไม่ควรฉาบให้หนาเกินไป เพราะชั้นปูนฉาบจะแห้งช้าลง ทำให้เป็นอุปสรรค์ต่อการทำงานได้ อีกทั้งจะก่อให้เกิดปัญหาเรื่องน้ำหนักหากจำเป็นจริง ๆ เช่น ผนังก่ออิฐมีการโน้ม หรือโน้มไปด้านหลังบางส่วน ทำให้ต้องเพิ่มความหนาของปูนฉาบ แนะนำให้เติมปูนในส่วนที่อิฐโน้มไม่ได้ดิ่งนั้นก่อน จากนั้นทิ้งไว้ให้ปูนเซ็ทตัว ก่อนจะฉาบปิดผิวหน้าให้ได้ระนาบ

 อย่าเห็นแก่ราคาวัสดุที่มีคุณภาพถูก

วัสดุก่อสร้าง เป็นสิ่งที่ใช้ประกอบขึ้นมาเป็นบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งต้องการความแข็งแรงทนทานใช้งานยาวนาน แต่ความจำกัดของงบประมาณอาจทำให้หลายคนเลือกวัสดุที่ราคาถูก และเน้นที่ความสวยงามเป็นหลักการทำให้ราคาถูกลงในหลายๆ ครั้งหมายถึงการลดคุณภาพให้เหลือแค่ระดับมาตรฐาน วัสดุราคาถูกอาจสามารถสร้างขึ้นเป็นบ้านหนึ่งหลังได้ แต่อายุการใช้งานอาจต่ำกว่าที่คาดหวัง ทำให้เมื่อเวลาผ่านไป อาจต้องมีการซ่อมแซม

ต่อไปการทาสี

ได้แก่ สีทารองพื้นและสีจริง แตกต่างกันอย่างไร มีคำอธิบายดังนี้

สีทารองพื้น มีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่

• สีทารองพื้นชนิดที่ทำจากอะคริลิก ซึ่งจะช่วยป้องกันเชื้อราใช้ทารองพื้นผนังปูนฉาบทั่วๆ ไป ก่อนทาควรผสมน้ำเจือจางประมาณ 20% ของสี สีทารองพื้นชนิดที่ทำมาจากอัลคาไล สีชนิดนี้นอกจากจะป้องกันเชื้อราได้ดีแล้วยังป้องกันความชื้นได้ดีกว่าสีทารองพื้นชนิดที่ทำจากอะคริลิก การใช้งานกับบ้านเก่าควรเลือกสีประเภทนี้ ชนิดรองพื้นปูนเก่า ผสมน้ำ 20% ทารองพื้นก่อนทาสีจริง
• สีจริง หรือที่เราเคยได้ยินกันติดหูว่าสีน้ำพลาสติกนั่นล่ะค่ะ สีพวกนี้ทำมาจากสารจำพวกลาเท็กซ์และอะคริลิก มีการยึดเกาะและยืดหยุ่นที่ดี มีส่วนผสมที่สามารถต่อต้านเชื้อราเหมาะกับสภาพอากาศเมืองร้อนอย่างบ้านเรา ทำความสะอาดง่ายก่อนใช้ควรผสมน้ำให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมตามที่ผู้ผลิตสีแนะนำไว้ (ข้างกระป๋อง)

ขั้นตอนในการทาสีบ้านด้วยตัวเอง

1.ทำความสะอาดพื้นผิว

เป็นขั้นตอนแรกก่อนที่จะทาสี คือต้องทำความสะอาดพื้นผวิเดิมให้สะอาดก่อน เพราะพื้นผิวเก่าอาจจะมีสิส่งสกปรก เช่น คราบสกปรก คราบน้ำมัน เชื้อราที่เกิดจากความชื้น หรือที่หลุดร่อน หากสีเก่าในบ้านมีการหลุดร่อน ให้ทำความสะอาดด้วยการขูดสีเก่าออกให้หมดก่อน อย่าทาทับเป็นอันขาด เพราะจะทำให้สีใหม่ยึดเกาะได้ไม่ดี

2.ล้างผนัง

เมื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่เป็นคราบหรือว่าสีเก่าออกจนหมดแล้ว ให้ทำความสะอาดด้วยการใช้นำอีกทีหนึ่ง เพื่อเป็นการกำหจัดฝุ่นที่เหลือให้ออกให้หมด ผนังจะได้ไม่มีสิ่งสกปรกปนเปื้อน และการยึดเกาะของสีใหม่ก็จะมีประสิทธิภาพสูงด้วย

3.ทาสีรองพื้น

หลังจากที่ล้างเสร็จและรอให้ผนังให้แห้งดีแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเลือก ราคา สีรองพื้นปูนเก่า TOA สำหรับใช้ทารองพื้น โดยในการทาสีรองพื้นจะต้องใช้ให้ถูกต้อง คือถ้าเป็นปูนเก่าที่เคยผ่านการทาสีมาแล้ว สีรองพื้นที่ใช้ก็ควรเป็นสีรองพื้นปูนเก่าเท่านั้น อย่าเอาสีรองพื้นปูนใหม่มาใช้กับพื้นผนังเก่า เพราะคุณสมบัติของงสีทั้งสองชนิดนี้ไม่เหมือนกัน

4.ทาสีทับหน้า

หลังจากที่ทาสีรองพื้นเรียบร้อย ให้ทิ้งให้แห้งอย่างน้อย 6 ชั่วโมงอย่างต่ำ จากนั้นให้ทำการทาสีทับหน้าได้ทันที สำหรับการทาสีทับหน้านั้น ให้ทาทั้งหมดจำนวน 2 รอบ เพื่อให้สีสม่ำเสมอทั่วพื้นที่ โดยในการทาครั้งแรกต้องปล่อยให้แห้งให้ดีก่อน จึงจะทาสีรอบที่สอง เพื่อดูว่าตรงจุดไหนบ้างที่ยังทาได้ไม่เรียบร้อย

แนะนำเพิ่มเติมในการทาสี

ก่อนที่จะเริ่มทาสีรองพื้นหรือว่าสีทับหน้า แนะนำว่าให้คุณป้องกันส่วนอื่นๆ ของบ้านเช่น ประตู หน้าต่าง ด้วยการใช้เทปปิดให้เรียบร้อยก่อน เพื่อป้องกันความผิดพลาดของการทาสี หากพลาดมาแล้วต้องเสียเวลาในการขัดและทาใหม่ ดังนั้นการป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า

เห็นไหมว่าการทาสีบ้านด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย หากคุณรู้จัก ราคา สีรองพื้นปูนเก่า TOA ที่มีคุณภาพ และเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนของการทาสี เท่านั้นก็จะช่วยให้คุณได้ผนังบ้านใหม่ที่สวยงาม มีคุณภาพ โดยที่ไม่ต้องเสียเงินในการจ้างช่างทาสีอีกต่างหาก

งาน ปูกระเบื้อง แม้จะไม่ใช่งานที่ยุ่งยากซับซ้อนวุ่นวายเท่ากับงานรับเหมาก่อสร้าง หรือว่าต่อเติมบ้านทั้งหลัง แต่ก็มีรายละเอียดที่หากไม่มีความชำนาญมากพอ ก็ไม่สามารถ ปูกระเบื้อง เองได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน

ดังนั้น การเลือกใช้บริการช่าง ปูกระเบื้อง มืออาชีพ จึงเป็นทางออกที่ตอบโจทย์มากกว่า เพราะนอกจากจะสะดวกรวดเร็วแล้ว ยังอุ่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง

แต่กระนั้น ผลลัพธ์ของการปูกระเบื้องที่ดีจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเราเลือกช่างปูกระเบื้องที่ดีพอด้วย โดยแนวทางในก่อนตัดสินใจว่าจะให้ช่างรายใดมาปูกระเบื้องให้บ้านเรานั้น ควรพิจารณาจากประเด็นสำคัญต่างๆ ดังต่อไปนี้

1.ควรเลือกช่างปูกระเบื้องที่มีผลงานพิสูจน์ได้

ปัจจุบันเราสามารถหาช่างปูกระเบื้องได้ไม่ยากจากโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นตามแพลตฟอร์มรวมกลุ่มช่างต่างๆ หรือกลุ่มเฟสบุคที่เป็นกลุ่มรวมช่างและผู้รับเหมาก่อสร้าง แต่ทั้งนี้ ในความง่ายของการเข้าถึง ก็ทำให้เรามีตัวเลือกเยอะเกินไป และบางทีก็อาจไว้ใจไม่ได้ว่าช่างเหล่านั้นจะเป็นช่างที่ทำงานให้เราได้ดีจริงๆ หรือเปล่า

ดังนั้น อันดับแรกสุดเลยของการประเมินเพื่อคัดเลือกช่างปูกระเบื้องคือ รับจะต้องขอดูผลงานการปูกระเบื้องที่ผ่านมาเสียก่อน เพราะอย่างน้อยก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า เคยทำงานมาจริง

ซึ่งยิ่งมีผลงานมากเท่าไร ก็ยิ่งดี โดยภาพที่เราจะขอดูนั้น ก็ควรเป็นภาพตัวช่างและทีมงานของช่างเอง กับการทำงาน ภาพงานที่ปูเสร็จแล้ว

และการส่งมอบงาน รายละเอียดเหล่านี้หากเป็นช่างที่มีประสบการณ์จริง จะถ่ายเก็บบันทึกเป็นแฟ้มผลงานไว้ทั้งหมด เพราะคือหลักฐานความน่าเชื่อถือสำคัญในการใช้ประชาสัมพันธ์สร้างโอกาสในการมีลูกค้ามากขึ้น

ซึ่งหากช่างคนไหนไม่สามารถส่งภาพผลงานให้เราดูได้มากพอล่ะก็ นั่นก็สะท้อนให้เห็นได้เลยว่า เขายังมีประสบการณ์ไม่มากพอในการทำงานสายอาชีพนี้นั่นเอง ซึ่งก็ถือเป็นความเสี่ยงได้ หากเราเลือกใช้บริการ

2.เลือกช่างปูกระเบื้องที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญจริงๆ

ภาพผลงานที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ก็จริงอยู่ แต่ก็อาจไม่ทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะบ่อยครั้ง ช่างประสบการณ์น้อย ก็เป็นหนึ่งในทีมงานของกลุ่มช่างมากประสบการณ์ เป็นเพียงลูกมือที่ยังไม่ได้เชี่ยวชาญจริงๆ เท่านั้น

แต่รู้จักการสร้างแฟ้มผลงานที่ดี แล้วหาช่องทางพิเศษในการนำภาพเหล่านั้นมาใช้สร้างโอกาสในการรับงานเอง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น ดังนั้นเอง นอกจากการพิจารณาจากภาพผลงานแล้ว เราจำเป็นจะต้องพูดคุย สอบถาม ขอคำแนะนำ เพื่อทดสอบความรู้ของช่างเสียก่อน

ถึงแม้เราจะไม่ได้มีความรู้ก็ตาม แต่การสอบถาม และขอคำแนะนำจะทำให้เราพอทราบได้ว่า ช่างคนใดเป็นตัวจริง หรือว่าตัวปลอม หรือหากมีการนัดให้มาสำรวจหน้างานดูก่อน และดูวิธีการแนะนำ การสำรวจพื้นที่ด้วย ก็จะยิ่งมั่นใจได้มากขึ้นว่า เป็นช่างมืออาชีพหรือไม่

3.สำรวจช่างปูกระเบื้องคนอื่นๆ ในทีมให้ดีด้วย

แน่นอนว่าช่างปูกระเบื้องคนเดียวนั้น ไม่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากพอ ในการจ้างช่างปูกระเบื้องจึงจำเป็นจะต้องมีทีมงานผู้ช่วยช่างมาเสริมทัพ ซึ่งผู้ว่าจ้างเองก็ต้องดูภาพรวมของทั้งทีมด้วยว่าโอเคหรือไม่ เพราะบ่อยครั้งหัวหน้าช่างโอเคจริง แต่ลูกน้อง หรือผู้ช่วยคนอื่นๆ

นั้นเป็นเพียงแรงงานที่หัวหน้าหามาแบบไม่รอบคอบ ก็อาจเกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาคุณภาพในการปูกระเบื้องที่ไม่ดีพอ หรือแม้กระทั่งปัญหาช่างหนีงาน ทิ้งงาน ทำให้เกิดความล่าช้า และกระทบกับแผนงานการต่อเติมบ้านส่วนอื่นทำให้งบประมาณบานปลายได้

4.ควรหาคู่เทียบประเมินราคา อย่าตัดสินใจจากช่างทีมเดียว

ในการเลือกช่างปูกระเบื้อง เราควรหาช่างหลายๆ ทีมมาเปรียบเทียบเพื่อประเมินคุณภาพก่อนตัดสินใจ อย่ารีบร้อนตัดสินใจเลือกทีมใดทีมหนึ่งเลยโดยยังไม่ได้มองหาตัวเลือกเพื่อเปรียบเทียบ ทั้งนี้ ประเด็นในการเปรียบเทียบนั้น

ควรแยกออกเป็น 2 เรื่องหลักๆ คือ ราคา และ ฝีมือ เพราะเราต้องไม่ลืมว่า เราอาจถูกช่างปูกระเบื้องโก่งราคาได้ ดังนั้น จึงควรตรวจสอบตลาดให้ดีก่อนว่าราคาที่เหมาะสมนั้นอยู่ตรงไหน เพื่อให้เราได้งานที่ดีในราคาที่ยุติธรรม

5.ควรเลือกช่างที่มีรูปแบบการทำงานได้มาตรฐานน่าเชื่อถือ

เมื่อรู้สึกว่าได้ทีมช่างปูกระเบื้องที่พอใจได้แล้ว ในลำดับสุดท้ายของการตัดสินใจ ก็ควรสอบถามเรื่องสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร การชำระเงินว่าจ้าง แผนการทำงาน การตรวจสอบและการส่งมอบงานให้เรียบร้อย เพื่อดูว่าทีมช่างมีรูปแบบการทำงานอย่างไร

เป็นแบบแผนที่มีมาตรฐานหรือไม่ มีเอกสารที่สามารถใช้ในการยืนยันตรวจสอบได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อที่หากเกิดปัญหาภายหลังจะได้มั่นใจได้ว่า สามารถติดตาม ดำเนินการแก้ไขได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เกิดปัญหากวนใจภายหลัง

บ่อยครั้งหลายคนอาจมองว่างานปูกระเบื้อง เปลี่ยนกระเบื้อง ซ่อมกระเบื้อง นั้น เป็นงานเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถเปลี่ยนเองได้ หรือหากจ้างช่างมาช่วยทำ ก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณาเลือกเท่าไร เพียงแค่หาช่างทั่วไปก็ได้แล้ว แต่ในความเป็นจริงคือตรงกันข้ามเลย เพราะการปูกระเบื้องนั้นต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูงไม่แพ้การช่างแขนงอื่นๆ

โดยหากเราเลือกใช้ช่างที่ไม่มีคุณภาพมากพอ กระเบื้องที่ปูก็จะชำรุดเสียหายได้ง่าย ใช้งานได้ไม่ยาวนาน อีกทั้งยังอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุภายในบ้านได้อีกด้วย ทั้งนี้ นอกจากคำแนะนำในการเลือกช่างปูกระเบื้องที่กล่าวมาในข้างต้นแล้ว อีกหนึ่งแนวทางที่จะช่วยให้เราได้ช่างปูกระเบื้องที่ตอบโจทย์

ก็คือ การเลือกใช้บริการช่างปูกระเบื้องกับร้านจัดจำหน่ายกระเบื้องคุณภาพโดยตรง เพราะทางร้านจะการันตี และรับผิดชอบให้เราได้ว่า ช่างจะไม่หนีงาน ไม่ทิ้งงาน และเป็นช่างที่มีประสบการณ์ดูแลงานกระเบื้องของร้านจัดจำหน่ายมาแล้วนั่นเอง

ทำให้เราอุ่นใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง รวมถึงบริการซื้อกระเบื้องพร้อมช่างนั้น ส่วนใหญ่ยังมีราคาประหยัดกว่า และสะดวกรวดเร็วกว่าในการดำเนินการอีกด้วย

เป็นไงบ้างคะรวมเทคนิคราคาสร้างบ้านขึ้นอยู่กับการควบคุมดูเเลการก่อสร้างเเต่เทคนิคนี้กับการวางเเผด้วยนะ

 ขอบคุณที่รับชม